Mango Zero

10 ภาพยนตร์ Feel Good เอาไว้ดูคลายเครียด

ช่วงนี้มีแต่เรื่องราวชวนหนักอกหนักใจ ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจ การทำงาน การเมือง หรือเรื่องราวต่างๆ รอบโลก  เพื่อไม่ให้ทุกคนเครียดจนอาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ วันนี้ Mango Zero เลยขอแนะนำ 10 ภาพยนตร์ Feel Good เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เติมไฟ และให้ตัวเองได้หัวเราะขึ้นบ้าง จะดูเลยก็ได้ หรือเก็บไว้เป็นคลังพลังก่อนออกไปสู้วันใหม่ก็ไม่ติด!

Before Sunrise

เมื่อมองหาความโรแมนติก ภาพยนตร์เรื่องนี้ช่วยคุณได้ กำกับโดยริชาร์ด ลิงก์เลเตอร์ ในปี 1995 ที่ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์จริงของตัวเอง เรื่องนี้ว่าด้วยการพบเจอกันของหนุ่มสาวบนรถไฟ แต่ในเสี้ยววินาทีที่ต้องแยกจากกัน แม้จะได้ทักทายกันเพียงเล็กน้อย ทั้งคู่ก็เลือกที่จะทำตามหัวใจตัวเองด้วยการใช้เวลาหนึ่งวัน เพื่ออยู่ด้วยกันและทำความรู้จักกันมากขึ้น

ภาพยนตร์ชุด Before มีทั้งหมด 3 ภาคด้วยกัน ได้แก่ Before Sunrise Before Sunset และ Before Midnight และเพื่อให้อารมณ์และบทของหนังทำงานกับคุณได้อย่างเต็มที่ ควรทิ้งระยะเวลาสักนิดก่อนจะดูในแต่ละภาค ไม่เพียงแต่ตัวบทเท่านั้นที่ทำให้เรารู้สึกอิน แต่เคมีระหว่างพระนางก็ช่างลงตัวและดูเรียลซะจนไม่อยากให้จบเลยทีเดียว

หลังดูเรื่องนี้จบจะรู้สึกกล้าหาญ และอยากลงมือทำขึ้นอีกระดับ เพราะเราจะยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่ใช่ เว้นแต่ว่าจะได้ลอง จริงไหม

JULIE & JULIA

เมื่อทำงานหนักจนหมดไฟ ลองดูทั้งจูเลียและจูลี่เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ กำกับโดย นอร่า เอฟรอน ในปี 2009 เรื่องราวของสองสาวที่อยู่ในช่วงยุคสมัยต่างกัน แต่เชื่อมโยงกันด้วยสูตรอาหารที่จูเลียเป็นคนเขียนขึ้น เหตุจากการที่เธอเป็นชาวอเมริกัน และไม่สามารถหาหนังสือทำอาหารภาษาอังกฤษได้ในฝรั่งเศส ต่อมาจูลี่ก็ได้ทำตามสูตรทั้งหมดนั่น และนำมาเขียนบล็อก แม้ไม่เคยได้พูดคุยกัน แต่ทั้งสองก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือความมุ่งมั่น และตั้งใจทำในสิ่งที่รัก

Ponyo

เมื่อชีวิตขาดความสดใส ลองเปลี่ยนมาดูการ์ตูนคลายเครียดกันด้วย “PONYO” รับประกันความสนุกด้วยลายเซ็น Studio Ghibli ที่ดูสนุกได้ทุกยุคสมัย แม้จะสร้างมาตั้งแต่ปี 2009 ก็ตาม เรื่องราวสุดแฟนตาซีเริ่มขึ้นเมื่อ “โปเนียว” ลูกสาวเจ้าสมุทรเกิดไปหลงรัก “ซาสึเกะ” เด็กชายวัยห้าขวบที่บ้านอยู่ติดทะเล ด้วยแรงแห่งรัก(ใสๆ) ทำให้เธอเริ่มเปลี่ยนรูปร่างเหมือนมนุษย์เข้าไปทุกที งานนี้จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่ สุดท้ายซาสึเกะและโปเนียวจะได้อยู่ด้วยกันไหม ต้องไม่พลาดชม

My Neighbor Totoro

เมื่อชีวิตจืดชืด ก็ต้องมาเติมจินตนาการกับโตโตโร่เพื่อนรักกันสักหน่อย อีกหนึ่งอนิเมะจากค่าย Studio Ghibli ที่เราภูมิใจแนะนำ แม้จะสร้างมาตั้งแต่ปี 1988 ก็ตาม

เมื่อครอบครัวเล็กๆ ต้องย้ายจากเมืองอาศัยอยู่ในชนบท ประกอบด้วย พ่อหนึ่ง และลูกอีกสอง ส่วนแม่นั้นกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากย้ายเข้าบ้านใหม สาวทั้งสองก็ได้พบกับสิ่งลี้ลับ ที่ไม่ได้ชวนขนหัวลุก แต่เป็นอบอุ่นใจเสียมากกว่า เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นภูติที่จิตใจดี และน่ารักซะจนแม้แต่เราเองยังนึกอยากให้ที่บ้านมีแบบนี้บ้างหลังดูจบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าฝุ่น คุณโตโตโร่ หรือกระทั่งแมวรถบัสที่ดูน่านั่งสุดๆ!

SET IT UP

เมื่ออยากมองชีวิตมนุษย์เงินเดือนแบบผ่อนคลายขึ้นอีกสักเล็กน้อย ต้องไม่พลาดเรื่องนี้ SET IT UP โดยผู้กำกับแคลร์ สแกนลอน เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวผู้ทำงานหนัก (อย่างไม่เต็มใจ) ที่นึกอยากจะทำงานเบาลงบ้าง เลยรวมหัวกันวางแผนจับคู่เจ้านายของตน ด้วยหวังว่าความรักอาจช่วยได้ แต่ระหว่างทางทั้งคู่ก็ได้บทเรียนมากมาย ซะจนมั่นใจว่าไม่ว่าเจ้านายจะได้คู่กันจริงๆ หรือไม่ แต่ความหมายของชีวิตและการทำงานคนดูก็ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างแน่นอน

แม้เรื่องนี้จะฉายในปี 2018 แต่เทรนด์การทำงานอย่างหนักก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะผ่านมาถึง 2 ปีแล้วก็ตาม หากการ Work hard ทำให้เราต้องทำงานโหด การดูเรื่องนี้ก็อาจจะทำให้เราเข้าใจความหมายของการทำงานได้มากขึ้น

Get Smart

เมื่อมองหาความสนุก ก็เชื่อว่าต้องมีชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ติดโผเข้ามาอย่างแน่นอน กำกับโดย ปีเตอร์ ซีกอล เข้าโรงในปี 2008 เป็นเรื่องราวของเจ้าหน้าที่หน่วยวิเคราะห์ข้อมูลลับ และมีความฝันอยากเป็นสายลับภาคพื้นปฎิบัติบ้าง ความฉลาดเป็นกรดทำให้เขาวิเคราะห์คดีได้อย่างเฉียบแหลม แต่ดันมีความเด๋อด๋าผสมเข้ามาอีกส่วนใหญ่ นั่นทำให้ต้องมีสายลับ99 และคนอื่นๆ เข้ามาช่วยด้วยอีกแรง

หากถามว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีข้อคิดเตือนใจอะไรให้เราบ้าง ก็คงไม่อาจตอบได้อย่างเต็มปากนัก แต่หากเครียดหรือหนักใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม รับรองว่าเรื่องนี้จะช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้อีกเยอะเลยล่ะ

Spy

เมื่อมองหาการคลายเครียด ต้องไม่พลาดเรื่องนี้ “Spy” ฉายในปี 2015 โดยผู้กำกับพอล พีก อีกหนึ่งเรื่องราวของสายลับที่ฉลาดเป็นกรด แต่โดนจำกัดการลงภาคพื้นสนามเพราะโดน Body Shaming แต่สุดท้ายก็ได้รับเลือกให้มาปฎิบัติภารกิจแทนเจ้านายของตัวเองที่เสียชีวิตในหน้าที่ หลังจากนั้นภารกิจในการตามล่าหาระเบิดแบบฮาๆ จึงได้เริ่มต้นขึ้น

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้เรากลับมาตระหนักได้ว่าการวัดคุณค่าของคนที่ร่างกาย นอกจากจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องแล้ว สุดท้ายยังไม่สามารถใช้เป็นมาตรวัดอะไรได้อีก นอกเสียแต่ความพึงพอใจส่วนตัวของเราเท่านั้น

A Beautiful day in the Neighbourhood

เมื่อความอ่อนโยนในจิตใจเริ่มจางหาย ต้องดู A Beutiful Day in the Neighbourhood โดยผู้กำกับมาเรียล์ เฮลเลอร์ และสร้างจากเค้าโครงชีวิตจริงของเฟรด โรเจอร์ พิธีกรรายการเด็กชื่อดังของอเมริกา ที่ผู้คนต่างขนานนามว่านักบุญที่ยังมีชีวิต ด้วยความใจดีและอบอุ่นอย่างแท้จริง

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ลอยด์ นักข่าวหนุ่มที่มุ่งมั่นในการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของคนที่สัมภาษณ์ ได้รับมอบหมายให้ไปสัมภาษณ์ เฟรด โรเจอร์ ภายใต้หัวข้อ ฮีโร่ของอเมริกา ตลอดเวลาลอยด์พยายามทำให้เฟรดขุ่นเคือง หรือพยายามค้นหาความผิดพลาดต่างๆ ที่จะเอามาเป็นข้อโต้แย้งความเป็นฮีโร่ของเขา แต่กลับได้ข้อคิดและบทเรียนจากเฟรดเสมอมา ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นฮีโร่ตัวจริงของเด็กๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้ชีวิตของลอยด์ เปลี่ยนไปได้เลยอีกด้วย

The Pursuit of Happyness

เมื่อรู้สึกว่าชีวิตสิ้นหวัง ลองให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจ The pursuit of happyness เป็นเรื่องราวชีวิตของคริส การ์ดเนอร์ คุณพ่อลูกติด ที่ต้องพบเจอกับปัญหาชีวิตทั้งหนักเบาแต่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เขากลายเป็นคนไร้บ้าน แต่ด้วยความเชื่ออย่างมุ่งมั่น และทัศนคติที่ดี ทำให้เขาสามารถกลับมายืนขึ้นอีกครั้ง และมีบริษัทเป็นของตัวเองได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยเกเบรียล มุชชิโน เข้าโรงในปี 2006 นอกจากเนื้อเรื่องจะเป็นกำลังใจให้เราได้อย่างดีแล้ว เพลงก็เพราะไม่แพ้กันอีกด้วย เพราะถึงขั้นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

Little Women

เมื่อคิดว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องและครอบครัวเริ่มสั่นคลอน ลองดู Little Woman แม้จะผ่านมาทั้งหนังสือ และการ์ตูน หรือละครมาแล้วหลายรอบ แต่ครั้งนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ด้วยการกำกับของเกรต้า เกอร์วิก และยังได้นักแสดงมากฝีมือเข้ามาร่วมผสมโรงทำให้ภาพยตร์ฉบับนี้เป็นอีกหนึ่งเวอร์ชันที่พลาดไม่ได้

เรื่องราวว่าด้วยเรื่องครอบครัวหญิงล้วน กับการก้าวผ่านความงี่เง่าในแต่ละวัยไปด้วยกัน ตั้งแต่ความเชื่อ ความเท่าเทียม การท้าทาย และการแต่งงาน โดยเล่าเรื่องผ่านการตัดสลับอดีตและปัจจุบันได้แบบเข้าใจง่าย และเห็นำภาพอย่างชัดเจน เรื่องนี้ไม่เพียงแต่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรักครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเรื่องของสิทธิสตรีและความเป็นผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย