Mango Zero

7 สิ่งมหัศจรรย์ สำหรับเด็กที่เรียนพิเศษเท่านั้นถึงเข้าใจ

เชื่อว่าหลายคนที่เรียนมาในสายสามัญ (ม.ปลาย) คงต้องเคยผ่านการเรียนพิเศษมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการอยากเรียนด้วยตัวเอง เพื่อนชวนไป หรือแม้แต่แม่บังคับให้เรียนก็ตาม วันนี้แมงโก้ซีโร่จะขอระลึกชาติย้อนกลับไปตอนเรียนพิเศษสมัยก่อน มาดูไปพร้อมๆ กันว่าคุณเองเคยผ่านราวการเรียนพิเศษแบบนี้เหมือนกับเราไหม ?

1.มันอยู่ในนั้น

มันที่ว่าคือข้อสอบนั่นเอง น่าแปลกใจมากที่แนวข้อสอบทั้งหลายแหล่ มันดันอยู่ในคอร์สเรียนพิเศษทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนพิเศษแบบอาจารย์ในโรงเรียนเราเปิดคอร์ส หรือแม้กระทั่งที่เราไปเรียนพิเศษกับอาจารย์นอกโรงเรียนก็ตาม น่าฉงนตรงที่ข้อสอบมันไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไงเยอะแยะ หรือว่าแท้จริงแล้วอาจารย์สอนพิเศษต่างๆ ล้วนมาจากโลกอนาคตกันแน่ ?

 

2.ความรู้คู่ความบันเทิง

คุณครูที่สอนพิเศษส่วนใหญ่ ร้อยละ 90 จะมีสกิลเอ็นเตอร์เทนติดตัวเวลาสอนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการจำต่างๆ ที่สอดแทรกความตลกเข้าไปด้วย หรือแม้กระทั่งระหว่างสอนจู่ๆ ครูก็เล่าเรื่องตลกให้เราฟังดื้อๆ (ไม่เกี่ยวกับบทเรียน) ซึ่งทำให้นักเรียนอย่างเราๆ ไม่เบื่อที่จะเรียนต่อได้เฉยเลย เอาจริงๆ คุณครูบางท่านตลกมาก เหมาะจะไปเป็นตลกมากกว่ามาเป็นครูสอนพิเศษด้วยซ้ำ

และที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นอีกก็คือ คุณครูสอนพิเศษชื่อดังหลายท่าน มีการว่าจ้างทีมงานเขียนบทละครตลก หรือบทโชว์ตลกต่างๆ มาคุยเพื่อเติมมุกและหาเทคนิคการเล่าเรื่องให้ตลก เพื่อเพิ่มความสนุกสำหรับคอร์สการสอนอยู่เป็นประจำอีกด้วย

 

3.ได้เจอเพื่อนใหม่ต่างสถาบัน

ชีวิตในวัยเด็กของเรา หากเพื่อนละแวกบ้านของเราไม่ได้เรียนต่างสถาบันกัน จะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนต่างโรงเรียนกัน แต่ที่เรียนพิเศษคุณจะได้เจอเพื่อนใหม่เพียบเลย เพราะที่นั่งมันติดกัน แถมบางทีมาสายเลือกที่นั่งใกล้ๆ เพื่อนเราไม่ได้ กลายเป็นได้เพื่อนใหม่แทนไปซะอย่างงั้น เผลอๆ ได้แฟนแถมมากะการเรียนพิเศษอีกด้วย น้องๆ ทั้งหลายจงพึงระลึกไว้เลย หากเจอผู้ชายใช้มุกยืมแล็กเชอร์กลับไปจดที่บ้านเมื่อไหร่ ตั้งธงไว้ก่อนเลยว่าเขากำลังหาเรื่องจีบคุณแน่นอน ถ้าคนมายืมหล่อหน่อยก็ให้ยืมๆ ไปเถอะเน๊อะ ♥

 

4.ประกวดริงโทน

ในห้องเรียนพิเศษส่วนใหญ่มีข้อบังคับให้ปิดเสียงโทรศัพท์ แต่ก็จะมีบางคนที่ลืมปิดเสียงมือถือไว้เป็นประจำ แถมอีเสียงมือถือก็มักจะแล่บมาตอนที่ในห้องตอนอาจารย์ปล่อยให้นักเรียนทำโจทย์แบบเงียบๆ ทุกที และในที่เรียนพิเศษก็ไม่รู้เป็นอะไร ไม่มีใครใช้เสียงเรียกเข้าปกติที่แถมมากะเครื่องด้วย เหมือนแข่งกันตั้งเสียงริงโทนกวนทีน ใครตลกที่สุดชนะไรงี้ ของผู้เขียนเองตอนเรียน แล้วอาจารย์ปล่อยให้นั่งทำโจทย์อยู่ จู่ๆ เสียงริงโทนเพลงชมรมขนหัวลุกก็ดังขึ้น “ฮื่อ ฮือ ฮื้อ ฮือ~” เพลงหลอนนะ แต่ขำกันทั้งห้อง หรือบางทีก็มีเสียงริงโทนเป็นเสียงรถไอศกรีมเนสเล่ก็มี บางวันก็เจอเจ้าขุนทอง หนักสุดที่เจอคือเพลงพม่าประเทศพร้อมเสียงประกาศ “เวลา 8.00 นาฬิกา” แล้วทุกคนก็ร่วมกันร้องเพลงชาติตามทั้งห้อง มันบันเทิงจริงๆ ให้ตายซิ (เผื่อใครนึกเพลงพม่าประเทศไม่ออก ลองกดฟังดูนะ https://goo.gl/Cx6EJz)

 

5.มีเกมนักสืบให้เล่นประจำ

ส่วนใหญ่เกมนักสืบที่เหล่านักเรียนต้องเล่นกันเกือบทุกครั้งที่มาเรียนก็คือ “ใครแม่มถอดรองเท้าวะ ?” คือไม่ว่าจะคู่ละร้อยหรือคู่ละหมื่น แต่ถ้าใส่มันมาแล้วทั้งวัน และถอดมันออกในห้องเรียน ถือว่าไม่ต่างอะไรกับระเบิดพลีชีพเลย นอกจากเกมนักสืบหาว่าใครถอดรองเท้าแล้ว บางทีเหล่านักเรียนต้องหาว่าใครกดระเบิดถุงตดในห้องเรียนอีกด้วย  ยอมใจอีคนที่กล้าพกถุงตดมาเล่นในห้องแอร์จริงๆ

 

6.หัวกับทีวีเป็นของคู่กัน

ไม่รู้ว่าหัวของนักเรียนมีแรงดึงดูดอะไรกับทีวีนักหนา และทุกครั้งที่ถูกดูดเข้าหากัน มักจะมีแรงดึงดูดสูงเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าหัวชนทีวีจนองศาจอในห้องเพี้ยนเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าคนออกแบบการวางทีวีในห้องเรียนพิเศษอยากให้เราฝึกสกิลมาริโอ้เอาหัวโหม่งบล็อกหรืออย่างไร พี่แกชอบเอาทีวีตั้งไว้ระยะหัวโหม่งได้พอดีเด๊ะเกือบทุกจุดเลย

 

7.หลับในคือหายนะ

ไม่ว่าคุณจะเหนื่อยล้ามาจากการเรียนในโรงเรียน หรือเหนื่อยล้าจากการช่วยงานที่บ้าน หากคุณมาหลับพักผ่อนในห้องเรียนพิเศษเมื่อไหร่ คุณจะโดนกล้องซูมออกจอทุกครั้งไป ซึ่งการนอนหลับต่างถิ่น สภาพคุณมักไม่ต่างอะไรกับคนเมาสิ้นสภาพ ทั้งปากเผยอ กรนดัง น้ำลายไหล ทุกอย่างที่ทำให้คุณอับอายจากการนอนในห้องเรียนพิเศษ จะถูกบันทึกโดยทีมงาน และฉายออกจอใหญ่เพื่อเพิ่มอรรถรสในชมของผู้คนในห้องทุกครั้ง และไม่ต้องกลัวว่าหากคุณหลับแล้วคุณจะพลาดช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ เพราะเพื่อนคุณจะถ่ายรูปหน้าจอเอามาเรียกยอด like บนเฟซบุ๊คของคุณแน่นอน เรียกว่าหลับครั้งเดียว เสียวเป็นปี