วัฒนธรรมอารมณ์ขันอันโดดเด่นมาช้านานของคนไทยส่วนใหญ่ ที่หลายคนได้ยินกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ก็เห็นจะเป็นนิสัยเล่นมุก แซวขำๆ แกมหยิกแกมหยอก
ซึ่ง Topic ยอดฮิต เล่นง่าย ได้ผลเกือบ 80% ทุกครั้ง ก็คือการแซวถึงรูปร่างหน้าตา หรือตลกทางกายภาพ ยิ่งถ้าใครมีรูปลักษณ์ผิดแปลกจากคนอื่นในกลุ่มไป รับรองว่าต้องได้ฉายาเพิ่มเติมมาซัก 1 คำแน่ๆ
แต่พอคนฟังเริ่มไม่สนุกด้วย คนไทยผู้รักการประณีประนอมส่วนใหญ่ เมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี ก็มักจะจบเรื่องด้วยคำว่า “ล้อเล่นนะ” “ขำๆ หน่า” เสมอ
ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว เชื่อว่าใครหลายคนที่เคยถูกล้อแบบนี้ มันไม่เคยเป็นเรื่องขำ สำหรับคุณอยู่แล้ว บางทีแค่มุกนั้นมุกเดียวที่เพื่อนๆ แซวคุณ พร้อมกับหัวเราะใส่ ก็อาจจะกลายเป็นบาดแผล ความเจ็บปวดลึกๆ ที่ทำให้เสียความมั่นใจไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
และนี่จะเป็นปี 2020 เข้าไปแล้ว มีการรณรงค์ในประเด็นเรื่องการใช้คำพูด Bully หรือแนวคิดการอยู่ร่วมกับคนที่แตกต่างจะมีมากขึ้นแล้ว แต่บางครั้งเราก็ยังเห็นการผลิตซ้ำของมุกตลกในเชิงเหยียดผู้อื่น อยู่ให้เห็นในสื่อหลักกันอยู่เรื่อยๆ
ดังจะเห็นตัวอย่างมุก(ไม่)ตลก ที่ได้ยินกันบ่อยๆ เช่น
“โอ้ นั่นมันบักแตงโม”
“แต่งเต็มมาขนาดนี้ นึกว่าพริตตี้มอเตอร์โชว์”
“นั่นคิ้ว หรือปลิงติดหน้า”
“หนาวเหรอ เห็นฟันออกปาก”
“จมูกบานขนาดนี้ หายใจเข้าทีจะโดนดูดเข้าไปไหม”
“นึกว่าเสื้อลอยได้”
“เดินดีๆ นะ ระวังขาเบียดกัน”
“หน้านี่เป็นสิวหรือหลุมอวกาศ”
“ดั้งแหมบขนาดนี้ ระวังตาไหลมารวมกัน”
“ไอโย่ง อากาศข้างบนเป็นยังไงบ้าง”
“เตี้ยขนาดนี้ โหนรถเมล์ถึงไหม”
“นี่คนหรือปลวก”
ถ้าคุณไม่ได้อยากผลิตซ้ำมุกตลกที่บั่นทอนจิตใจและไม่ได้อยากทำร้ายใครอีก เรามาระวังมุกตลกในประเด็นเหล่านี้ให้มากขึ้นกันเถอะ
1. เพศ
2. สีผิว
3. รูปร่าง
4. รสนิยม
5. เชื้อชาติ
6. ความสามารถ
7. ฐานะ
8. สถาบันการศึกษา
เราทุกคนต่างมีคุณค่า และสวยงามในความแตกต่างของตัวเอง โปรดเคารพความเป็นมนุษย์ระหว่างกันและกัน เพื่อสังคมที่น่าอยู่ขึ้นนะ
ที่มา: bangaortv