การที่เราจะไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือตามสถานที่ต่างๆ นั้น เราอาจจะต้องทิ้งอีกหนึ่งในสมาชิกในครอบครัวหรือก็คือน้องหมาน้องแมวของเราให้เหงาอยู่ที่บ้าน แต่จริงๆ แล้วเราสามารถพาน้องหมาน้องแมวไปเที่ยวกับเราได้โดยสารโดยเครื่องบิน ซึ่งมีการขนส่งน้องหมาน้องแมวที่หลากหลาย วันนี้ทีมงาน Mango Zero จึงอยากจะแนะนำ “How to พาน้องหมาน้องแมวขึ้นเครื่องบินไปเที่ยว”
การพาน้องขึ้นเครื่องบินมีแบบไหนกันบ้าง
PETC (Pet In cabin)
การขนส่งสัตว์เลี้ยงโดยห้องโดยสาร
- ต้องมีเอกสารและใบรับรองจาก The Animal Quarantien Office
- มีน้ำหนักรวมกรงไม่เกิน 10 กิโลกรัม
- มีแค่บางสายการบินที่สามารถทำได้
- เหมาะสำหรับผู้พิการที่ต้องใช้สุนัขในการเดินทาง
AVIH (Check Baggage)
การขนส่งสัตว์เลี้ยงแบบสัมภาระ
- สำหรับสัตว์ที่มีน้ำหนักเกิน 10 กิโลกรัม
- ต้องนำสัตว์เลี้ยงไป Check-in ที่ Passenger Terminals
- ทำได้แทบทุกสายการบิน
ULP (Unaccompanied Live Pets)
การขนส่งสัตว์เลี้ยงโดยโหลดเป็นบรรจุภัณฑ์
- แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนล่วงหน้าเนื่องจากมีพื้นที่จำกัดสำหรับสิ่งมีชีวิต
- ต้องพาน้องไปส่งที่คลังสินค้าของสนามบิน
- สำหรับขนส่งน้องหมาขึ้นเครื่องโดยที่เราไม่ได้ไปด้วย ส่วนใหญ่ใช้ในการซื้อขายสัตว์เลี้ยง
ซึ่งการขนส่งแบบ AVIH และ ULP นั้น จะเป็นการโหลดไว้ที่ห้องบรรทุกสัมภาระพิเศษใต้ท้องเครื่องบินที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยง และมีระบบรักษาความปลอดภัยพิเศษ
ผู้เลี้ยงจะต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
1. ต้องพาน้องไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
เนื่องจากน้องหมาน้องแมวที่ขึ้นเครื่องบินได้นั้นต้องมีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีอาการป่วยหรือบาดเจ็บใด ๆ ดังนั้นน้องควรได้รับการตรวจจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และควรฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนน้ำขึ้นเครื่อง
2. ควรปรึกษาแพทย์สำหรับข้อควรปฏิบัติต่าง ๆ
สุนัขบางสายพันธุ์จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างพิเศษโดยเฉพาะสุนัขสายพันธุ์หน้าสั้น ที่อาจทนต่อสภาพแวดล้อมภายในเครื่องบินได้ค่อนข้างยาก ดั้งนั้นเราจึงควรปรึกษาสัตว์แพทย์เพื่อที่จะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องในการดูแลน้อง
3. ทำการจองพื้นที่สำหรับน้อง
หลังจากที่เราสำรองที่นั่งตัวเองเรียบร้อยแล้ว ต้องแจ้งให้พนักงานทราบว่าเราจะนำน้องหมาหรือน้องแมวไปด้วยโดยระบุ น้ำหนัก อายุ และวิธีการเดินทาง ซึ่งจะเป็นไปตามกฎข้อบังคับของแต่ละสายการบินไป
4. เลือกกล่องใส่น้องที่ได้มาตรฐาน
กล่องใส่น้องต้องได้มาตรฐานตามที่ สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ระบุไว้ในระเบียบการขนส่งสัตว์มีชีวิต โดยต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- กว้างพอให้สัตว์เลี้ยงยืน พลิกตัว หรือนอนได้
- แข็งแรงพอในการป้องกันสัตว์เลี้ยงระหว่างเครื่องขึ้นและลงจอด ต้องมีรูระบายอากาศ ไม่มีคม และควรมีที่จับ
- ต้องมีด้าน 3 ด้านเป็นอย่างต่ำ และประตูกรงแน่นหนา เพื่อป้องกันการเปิดออกโดยบังเอิญ และควรปูพื้นกรงด้วยวัสดุที่ดูดซับน้ำได้ดี
- ทำเครื่องหมายที่กรงชัดเจน ติดชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อของเจ้าของ ควรมีแปะคำว่า LIVE ANIMALS กับลูกศรชี้ขึ้นให้กรงอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง ติดคำแนะนำในการให้อาหารและน้ำแก่น้องหมา และแปะสำเนาเอกสารต่างๆของน้องไว้ที่กรงด้วย
อย่างไรก็ตามการนำน้องหมาน้องแมวขึ้นเครื่องควรจองตั๋วเครื่องบินตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะว่าที่สำหรับสัตว์เลี้ยงนั้นมีจำกัด และคุยกับสายการบินที่เราจะไปอย่างละเอียดเกี่ยวกับกฎข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยในการพาน้องไปเที่ยวด้วยจ้า
ที่มา Dogilike