“ มีอะไรกับแฟนแล้วไม่แน่ใจว่าปลอดภัย หรือเปล่า
อยากป้องกันด้วยการใช้ยาคุมแต่ไม่รู้ จะเริ่มใช้แบบไหนดี ”
อย่างที่หลายคนเคยเห็นจากหน้าบอร์ดกระทู้ออนไลน์ที่มีตัวอย่างข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด นอกจากหนุ่ม ๆ จะใช้ถุงยางแล้ว ผู้หญิงเองก็สามารถป้องกันได้ เพื่อความสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย หากไม่พร้อมจะอุ้มเด็ก
นอกจากนี้ยังทำให้ทั้งคู่ใช้เวลาในคืนราตรีร่วมกันอย่างสนุกสนาน ราวกับเครื่องบินที่แลนดิ้งเครื่องลงสู่ภาคพื้นโดยสวัสดิเพศ และช่วยให้คุณสามารถ Have a safe sex ได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
#กุมภาพอร์น ของเราเลยอยากจะชวนทุกคนมารู้จักและมาไขข้อสงสัยเรื่องยาคุมกำเนิด ที่หลายคนเกิดคำถามมากมาย ว่าสรุปแล้ว ยาคุมมีกี่ประเภท ต้องใช้อย่างไรกันแน่ และผลลัพธ์ต่างกันแค่ไหน ไปดูกันเลย
ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดธรรมดา
มาเริ่มกันที่ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดธรรมดา ซึ่งมี 2 แบบด้วยกัน แบบแรกคือฮอร์โมนรวม ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน ส่วนแบบที่สองคือฮอร์โมนเดี่ยว จะมีแค่ฮอร์โมนโปรเจสตินเท่านั้น
ซึ่งยาคุมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ แบบฮอร์โมนรวม ส่วนใหญ่มีจำหน่ายทั้งแบบแผงละ 21 หรือ 28 เม็ด
สำหรับแบบ 21 เม็ดจะมีตัวยาในแผงสำหรับรับประทาน 21 วัน ทานทุกวัน วันละ 1 เม็ดจนหมดแผง และเว้น 7 วัน แล้วค่อยเริ่มแผงใหม่
ส่วนแบบ 28 เม็ด จะมีเม็ดยาที่เป็นแป้งเพิ่มมา 7 เม็ด เพื่อป้องกันความสับสนในช่วงที่หยุดกิน
แล้วถ้าลืมกินต้องทำอย่างไร ?
ไม่ต้องห่วง ! เพราะถ้าลืมกินติดต่อกัน 1 – 2 เม็ด ในช่วงเวลาไม่เกิน 24 – 48 ชั่วโมง ให้รีบกินทันที โดยข้ามเม็ดที่ลืมกินไป และเริ่มกินเม็ดต่อไปตามเวลาปกติได้เลย
แต่ถ้าลืมกินยา 3 เม็ด ให้หยุดกินยาแผงนั้นทันที แล้วรอเริ่มแผงใหม่ในวันแรกที่มีประจำเดือนครั้งต่อไป แต่ในระหว่างที่รอเริ่มแผงใหม่จะต้องใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่นแทน เช่น การใช้ถุงยางอนามัย
ในส่วนของผลข้างเคียงที่ควรระวัง เนื่องจากยาคุมกำเนิดแบบเม็ดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ จึงมีการสั่งห้ามใช้ในผู้ที่มีลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หรือมีประวัติเกี่ยวข้องกับความผิดปกติในส่วนนี้
แต่ส่วนผลข้างเคียงทั่วไปของยาคุมแบบเม็ดนั้น จะเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับชนิดหรือยี่ห้อของตัวยา รวมถึงสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล โดยสามารถปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนเริ่มรับประทาน เพื่อปลอดภัยต่อร่างกายมากขึ้น
สำหรับราคายาคุมกำเนิดแบบเม็ดธรรมดา อยู่ที่ประมาณแผงละ 50 – 500 บาททั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อด้วย
ยาคุมกำเนิดแบบฉีด
ต่อมายาคุมแบบฉีด เป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาหน่อย มีทั้งป้องกันการตั้งครรภ์แบบราย 1 เดือน และ 3 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของยา
โดยแพทย์จะฉีดยาคุมกำเนิดให้บริเวณสะโพก ซึ่งผู้ใช้ต้องเข้ารับการฉีดอย่างสม่ำเสมอ และตรงตามนัดของแพทย์ เพราะถ้าฉีดไม่ตรงตามกำหนดอาจทำให้ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดลดลงได้
หลังฉีดยาคุม อาจมีอาการปวดตึงบริเวณที่ฉีดประมาณ 1 วัน แต่หลังจากนั้นก็จะหายปวด ส่วนผลข้างเคียงนั้น คล้ายกับยาคุมกำเนิดทั่วไป แต่อาจมีอาการประจำเดือนมากะปริบกะปรอยในช่วงเข็มแรก ๆ
นอกจากนี้ยาคุมบางยี่ห้อ อาจมีผลข้างเคียงทำให้เจริญอาหารยิ่งขึ้น ควรควบคุมการกินให้ปกติ หากมีอาการผิดปกติอื่น ๆ รวมถึงหากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยา
สำหรับราคายาคุมกำเนิดแบบฉีด เริ่มต้นที่ 300 บาทเป็นต้นไป ไม่รวมค่าบริการทางการแพทย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ฉีดว่าเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือว่าเอกชน
ยาคุมกำเนิดแบบฝัง
ต่อมายาคุมกำเนิดแบบฝัง เป็นวิธีคุมกำเนิดชั่วคราวที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในทันที หากเริ่มฝังในช่วง 5 วันแรกของการมีประจำเดือน
แต่หากฝังหลังจาก 5 วัน ในช่วงประจำเดือนไปแล้ว ฤทธิ์ยาจะเริ่มมีผลป้องกันได้หลังจากฝังยาคุม 7 วันขึ้นไป ดังนั้นหากจะมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างนี้ควรใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นแทน เช่น ใช้ถุงยางอนามัย
วิธีการฝังยาคุมคือ การใช้หลอดยาขนาดเล็กฝังเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนข้างที่ไม่ถนัด ซึ่งภายในหลอดยาจะบรรจุฮอร์โมนโปรเจสตินเอาไว้
เมื่อฝังแล้วฮอร์โมนชนิดนี้ก็จะค่อย ๆ ปล่อยเข้าสู่ร่างกาย ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้เป็นเวลา 3 – 5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของยา
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการใช้ยาคุมแบบฝัง บางคนมีอาการปวดท้องประจำเดือนน้อยลง บางคนอาจจะประจำเดือนขาด หรือมากะปริบกะปรอย แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาการนี้ก็จะหายไปเอง
ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้จะหยุดลงหลังผ่านช่วงเดือนแรก ๆ ที่ฝังยา แต่หากพบว่ายังมีอาการข้างต้น หรือมีอาการปวดศีรษะรุนแรง รวมไปถึงพบว่ามีผลข้างเคียงอื่น ๆ ควรรีบพบแพทย์ทันที
สำหรับราคายาคุมกำเนิดแบบฝัง มีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500 – 7,000 บาท เฉลี่ยราคาทั้งในโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชน แต่หากอายุ 10 – 20 ปี และทุกช่วงวัยหลังแท้ง หรือยุติการตั้งครรภ์ สามารถรับบริการฝังยาคุมได้ฟรีทุกโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
ยาคุมกำเนิดแบบแผ่นแปะ
และในส่วนของยาคุมแบบใหม่ที่ใคร ๆ ต่างก็งงว่าใช้งานอย่างไร และใช้ได้ผลจริงเหรอ ?
นั่นก็คือ ยาคุมแบบแผ่นแปะ ซึ่งเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ออกฤทธิ์เหมือนกับยาคุมชนิดเม็ด แถมยังมีการใช้ที่สะดวกกว่า เพราะสามารถใช้แปะที่ผิวหนังบริเวณ สะโพก หน้าท้อง ต้นแขนด้านนอก และแผ่นหลังด้านบนได้เลย ไม่ต้องมานั่งจำว่ากินไปหรือยัง เหมือนยาคุมแบบเม็ด
วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก ในหนึ่งกล่องจะมีแผ่นแปะอยู่ 3 แผ่น ให้เริ่มติดวันแรกหรือภายใน 5 วันแรกตั้งแต่ประจำเดือนมา โดยเปลี่ยนทุก ๆ 1 สัปดาห์ และตอนนี้ยาคุมแบบแผ่นแปะยังมีการพัฒนาเพื่อให้ออกฤทธิ์ได้นานขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจทำให้เปลี่ยนแผ่นแปะเพียงเดือนละ 1 แผ่นเท่านั้น
ข้อควรระวังในการใช้งานคือ ห้ามแปะตรงบริเวณที่ทาแป้ง ครีม หรือโลชั่นทาผิว บริเวณผิวหนังไม่แห้งสนิทรวมถึงบริเวณที่เป็นแผลด้วย เนื่องจากจะทำให้ยาไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเท่าที่ควร
โดยเมื่อเปลี่ยนแผ่นยาใหม่ จะต้องเปลี่ยนตำแหน่งแปะด้วยทุกครั้ง เพื่อให้ผิวหนังบริเวณนั้นได้พักฟื้นจากการดูดซึมยา แต่สามารถแปะบริเวณใกล้เคียงจุดเดิมได้ และเมื่อครบ 3 สัปดาห์ ให้พัก 1 สัปดาห์ เพื่อให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
หากมีช่วงไหนที่ลืมเปลี่ยนไม่เกิน 48 ชั่วโมง ให้รีบเปลี่ยนทันที แต่หากเกิน 48 ชั่วโมงไปแล้ว ให้รีบเปลี่ยนและใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่นเสริม อย่างการใช้ถุงยางอนามัย เพราะอาจจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ลดลง
ที่สำคัญไม่แนะนำสำหรับผู้ใช้ที่มีน้ำหนักเกิน 90 กิโลกรัมขึ้นไป เพราะอาจทำให้ตัวยาในแผ่นแปะมีประสิทธิภาพน้อยลงเช่นกัน
สำหรับผลข้างเคียงของแผ่นแปะคุมกำเนิดจะคล้าย ๆ กับผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดแบบเม็ดฮอร์โมนรวมทั่วไป แต่หากมีอาการอันไม่พึงประสงค์ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทันที
นอกจากนี้ บางรายยังอาจพบผื่นแพ้ หรืออาการคันบริเวณที่แปะแผ่นยาอีกด้วย ซึ่งปกติแล้วอาการคันจะหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดหรือยี่ห้อของตัวยา และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
ราคายาคุมแบบแผ่นแปะ ใน 1 กล่อง บรรจุ 3 แผ่น ราคาอยู่ที่ประมาณ 500 – 600 บาท
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับยาคุมกำเนิดแต่ละแบบที่เรานำมาฝากทุกคน อย่างที่รู้กันว่ายาคุมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ก็จริง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อยู่ดี
ดังนั้นโปรเจกต์ #กุมภาพอร์น ของเรา จึงอยากเป็นสื่อช่วยเตือนใจให้ทุกคน เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการป้องกันเรื่องเพศสัมพันธ์ในทุกแง่มุม เพื่อให้ทุกคนพร้อมแลนดิ้งลงอย่างสวัสดีเพศ ตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์นี้
ที่มา mahidol , กรมอนามัย , thaiinterhospital , pobpad , medthai , oryor