Mango Zero

กรุงเทพฯ รั้งอันดับ 3 เมืองที่คนทำงานหนักที่สุดในโลก ส่วนฮ่องกงแชมป์

มีการจัดอันดับเมืองที่ทำงานได้เหมาะสมและสัมพันธ์กับชีวิตมากที่สุด ในชื่อผลสำรวจ ‘Cities with the Best Work-Life Balance 2021’ ที่จัดทำโดย Kisi บริษัทที่พัฒนานวัตกรรมด้านการทำงาน ซึ่งผลสำรวจออกมาว่า เมืองที่คนทำงาน สามารถรักษาเวลาระหว่างงานกับชีวิตได้ดีที่สุดคือ ‘เฮลซิงกิ’ ของนอร์เวย์ ขณะที่เมืองที่คนทำงานหนักมากที่สุดคือ ‘ฮ่องกง’ 

ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่าประเทศในฝั่งยุโรป โดยเฉพาะแทบสแกนดิเนเวียน นั้นประชากรวัยทำงานมีความสุขในการทำงาน และการใช้ชีวิตที่มากกว่าขณะที่ประเทศฝั่งเอเชียนั้น คนทำงานหนักกว่า

โดยเทียบจากข้อมูลการทำงานในแต่ละสัปดาห์ ว่ามนุษย์เงินเดือนควรจะทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่หากเกินกว่านั้นถือว่าไม่ลาลานซ์เท่าไหร่ และเมืองที่ Work-Life Balance ดีเยี่ยม มนุษย์เงินเดือนทำงานไม่หนักเกินไปคือ

ขณะที่เมืองที่มีการทำงานหนักเกินกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์นั้น กรุงเทพฯ ติดอยู่ในอันดับนั้นโดย โดยรั้งที่อันดับ 3 เมืองที่มนุษย์เงินเดือนทำงานหนัก หรือทำงานเกินเวลาแซงหน้าญี่ปุ่น ส่วนอันดับเมืองที่มนุษย์เงินเดือนทำงานหนักประจำปีนี้คือ

จากผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่าประเทศในฝั่งยุโรป โดยเฉพาะแทบสแกนดิเนเวียน นั้นประชากรวัยทำงานมีความสุขในการทำงาน และการใช้ชีวิตที่มากกว่าขณะที่ประเทศฝั่งเอเชียนั้น คนทำงานหนักกว่า โดยจาก 10 อันดับ เอเชียติดไปทั้งสิ้น 6 ประเทศ

ไม่เพียงแต่เวลาการทำงานเท่านั้นที่ถูกเอามารวม แต่ยังเอาสวัสดิการ หรือสิ่งที่พนักงานควรจะได้รับมาประกอบการพิจารณาว่า มนุษย์เงินเดือนเมืองไหนทำงานได้บาลานซ์ หรือ ‘ไร้’ บาลานซ์ มากที่สุด อาทิ จำนวนวันลาพักร้อนขั้นต่ำ, สิทธิการลาอื่นๆ เช่นลาป่วย, การเยียวยาช่วงโควิด, ความปลอดภัยในเมือง, คุณภาพอากาศ หรือจำนวนงานที่ถืออยู่ด้วย

ที่มา : Cities with the Best Work-Life Balance 2021