เหนื่อยเป็นงานอดิเรก
ไม่ว่าจะเข้านอนแต่หัวค่ำ หลับครบเก้าชั่วโมงเป๊ะ หรือจะเป็นแค่การนั่งเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร ก็รู้สึกไร้เรี่ยวเเรงอยู่ตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะจิตใจคุณกำลังรู้สึกห่อเหี่ยวอยู่นั่นเอง หากรู้สึกว่าความเหนื่อยนั้นยังคงอยู่กับเราแบบไม่มีทีท่าว่าจะหายไปไหน ต้องรีบหาช่วงเวลาพักก่อนจะเหนื่อยถาวรได้แล้วล่ะ
ทุกอย่างหนักไปหมด แม้แต่งานเล็ก
พอทำงานมากๆ และความล้าเริ่มถาโถม จนงานทุกอย่างดูเป็นเรื่องยากไปหมด แม้กระทั่งการเซฟไฟล์จาก Word ให้เป็น Pdf หรือการแกะแม็กออกจากขอบกระดาษก็ตาม เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าเรื่องจุกจิกที่เราทำได้อย่างสบายๆ กลายเป็นงานหนักเกินความสามารถ ลองหยุดตั้งสติ เรียงลำดับความสำคัญของงานต่างๆ แล้วค่อยๆ เริ่มทำใหม่ทีละอย่าง
หงุดหงิดง่ายมากขึ้น
แม้ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายความรู้สึกเพื่อนหรือคนในครอบครัว แต่ก็ชวนทะเลาะไปแล้วเรียบร้อย จากคนร่าเริงสดใส กลายเป็นคนหงุดหงิดง่ายขึ้น และความรู้สึกนี้กลายเป็นอารมณ์คุกรุ่นอยู่ในใจ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหายไปไหนง่ายๆ ซะด้วย คุณต้องลองใจเย็นลงบ้าง หรือถ้ายังไม่สามารถอยู่กับคนอื่นได้ ลองหลบมุมไปสงบอารมณ์คนเดียวหลีกเลี่ยงการปะทะน่าจะดีกว่า
ไม่สามารถพักทำงานได้แบบ 100%
แม้จะเป็นเวลาพักเที่ยง ก่อนนอน หรือในวันหยุดต่างๆ ก็ตาม จิตใจก็ยังพะวงกับงานที่ยังไม่เสร็จ หรือโปรเจ็คใหม่ที่กำลังจะมาถึง รวมไปถึงอาการสะดุ้งผวาทุกครั้งที่มีเสียงแจ้งเตือนอีเมลล์เข้า และเป็นสิ่งแรกที่นึกถึงหลังตื่นนอน เรียกได้ว่าแทบจะอุทิศชีวิตให้กับงานไปแล้ว หากเป็นแบบนี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ต้องหาเวลาพักอย่างจริงจัง
อยากใช้เวลาอยู่คนเดียว
จากที่เคยเป็นคนเฮฮาปาร์ตี้ ตอนนี้ขอโฟกัสกับการนอนและอยู่คนเดียวเป็นหลัก ไม่ขอเจอใครทั้งนั้นแม้แต่เพื่อนสนิท หากมีเพื่อนหรือคนรู้จักทักมาว่าช่วงนี้เปลี่ยนไป ก็อย่าพึ่งหันไปแยกเขี้ยวพาลใส่อารมณ์ บอกเพื่อนไปก่อนว่าขอเวลาอยู่เงียบๆคนเดียวเพื่อพักฟื้นพลัง แล้วจะกลับไปเป็นหมือนเดิม
หรือหากงานที่เจออยู่นั้นค่อนข้างหนักหนาเกินกว่าจะอยู่คนเดียวจริงๆ ลองระบายเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังบ้าง ก็บรรเทาความเครียดได้ดีเหมือนกัน เพราะหลายครั้งเพื่อนก็เป็นเครื่องเติมพลังชั้นเยี่ยมเชียวล่ะ
ไม่ชอบสิ่งที่เคยชอบอีกต่อไป
งานอดิเรกที่เคยเอนจอยต้องทำทุกครั้งเมื่อมีเวลาว่าง ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ เล่นเกมส์ หรือการออกไปวิ่ง อยู่ๆ ก็รู้สึกเบื่อจนไม่อยากแม้แต่จะเริ่ม แม้วันนั้นจะเป็นวันหยุดก็ตาม
วิธีการแก้ก็คือ ให้คิดเสมอว่าการเริ่มต้นนั้นยากที่สุด จริงอยู่ที่ว่าความรู้สึกตอนนั้นไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น แต่ลองทำไปก่อนสัก 5 นาที แล้วความสนุกสนานอย่างที่เคยรู้สึกจะค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิม
พฤติกรรมการกินเปลี่ยนไป
หลายคนเมื่อเครียดจะรู้สึกอึนไปหมด ไม่ยอมกินอะไรจนซูบเซียว ทำให้มีความเสี่ยงที่จะป่วยมากขึ้น แต่หลายคนก็เลือกที่ใช้ของกินเครื่องเติมพลังและความสบายใจ จนน้ำหนักเพิ่ม ภูมิคุ้มกันลด
ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการกินแต่พอดี อย่าลืมสังเกตตัวเองว่าในวันนั้นได้รับสารอาหารมากเกินกว่าความจำเป็นหรือเปล่า หวานเกินไปไหม เค็มไปกี่จานแล้ว ไม่อย่างนั้นอาจมีทักทายกับคุณหมอได้
มองโลกเป็นสีดำมากกว่าเดิม
จากที่เป็นคนยิ้มง่าย มุกเพื่อนจะฝืดเคืองขนาดไหนก็พร้อมซัพพอร์ตได้ตลอด กลายเป็นคนเคร่งขรึมเหมือนแกล้งเก๊ก อะไรที่เคยมองว่าเป็นสิ่งสวยงามก็รู้สึกเฉยๆ ออกจะติดรำคาญด้วยซ้ำ ไม่มีอีกแล้วมองโลกในด้านดี ตอนนี้ออกหม่นๆเป็นสีเทาเหมือนใส่ฟิลเตอร์ PM 2.5 สีเข้ม
หากเช็คแล้วพบว่าตัวเองมีอาการเป็นแบบนี้มากกว่า 5 ข้อ ต้องรามือจากการทำงาน แล้วหาเวลาหยุดพัก(อย่างจริงจัง) ได้แล้วล่ะ แม้อาการ burnout อาจไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกายก็จริง แต่ถ้าเป็นนานๆ ก็อาจทำให้กลายเป็นซึมเศร้าได้
เลือกซื้ออาหารเสริมลดอาการเครียดได้ ที่นี่
ที่มา : Thoughtcatalog