Mango Zero

สรุป 7 กลยุทธ์ดัน AIS สู่ดิจิตอลแพลตฟอร์ม เน็ตแรง , คอนเทนต์ดี พร้อมเข้าสู่ยุค IoT

เป็นประจำทุกปีของเอไอเอส ที่จะจัดงานประกาศวิสัยทัศน์ประจำปี แต่ปีนี้ต้องบอกว่าแตกต่างไปจากเดิมมาก เพราะได้เพิ่มสัมมนาเข้ามา พร้อมเชิญท่านรองนายกและนักธุรกิจพันธมิตรมาร่วมแชร์ทิศทางเทรนด์ดิจิตอลผ่านงาน Digital Intelligent Nation 2018

และต้องบอกเลยว่ามีหลายเนื้อหาที่น่าสนใจ โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ของเอไอเอส ที่ปีนี้พร้อมมุ่งสู่ดิจิตอลแพลตฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทีมงาน Mango Zero ได้มีโอกาสไปร่วมงานนี้ มีหลายกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ขอสรุปย่อยผ่าน 7 กลยุทธ์นี้…

เชื่อมต่อไม่สะดุดได้ทั้งเน็ตบ้านและมือถือ

แน่นอนว่าเรื่องความเสถียรของอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเน็ตบ้านหรือเน็ตมือถือ เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ ปรารถนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากมองภาพรวมเมื่อปีที่ผ่านมา

ด้วยสถิติที่เกิดขึ้นแบบนี้ ทำให้เอไอเอสเขาเตรียมลงทุนขยายเครือข่ายถึง 35,000 – 38,000 ล้านบาท ทั้งขยายเครือข่าย NB-IoT และ eMTC รวมถึงเน็ตบ้านไฟเบอร์ออฟติก ที่สามารถรองรับผู้ใช้งานทั่วประเทศได้ถึง 6 ล้านครอบครัว ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ ต้องการให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อได้อย่างไม่มีสะดุดไม่ว่าจะเน็ตมือถือหรือเน็ตบ้านก็ตามค่ะ

ดันความเร็ว 4G สู่ 1Gbps

จากงบลงทุนขยายเครือข่ายที่ว่ามาตอนต้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการขยายเครือข่ายมือถือสู่ Next Generation ที่เอไอเอสเขาพยายามปั้นสุดฤทธิ์ ทำให้ตอนนี้เน็ตเวิร์ค 4G ของเอไอเอสสามารถรองรับความเร็วได้ถึง 1 Gbps และได้นำมาทดสอบความเร็วกันในงานนี้ด้วยค่ะ

โดยสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ผู้บริหารของเอไอเอส บอกด้วยว่า ความเร็วที่เห็นอยู่ตอนนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสปีด 5G เลยค่ะ และปลายปีนี้ในงาน ITU เขาจะสรุปเรื่องเครือข่าย 5G ที่เราอาจจะได้ใช้จริงในอีกไม่ช้า

ดึง Cartoon network และ CNN ลง AIS Play

AIS Play เป็นหนึ่งแอปความบันเทิงที่ครบครัน ถ้าใครได้ติดตามจะเห็นได้ว่าเอไอเอสมักคว้าลิขสิทธิ์ซีรี่ส์ฮอตๆ ช่องดังๆ มาลงในแอปนี้ อย่างซีรี่ส์ Game Of Thrones และปีนี้เอไอเอสบอกว่า จะเพิ่มคอนเทนต์ครอบครัวเข้ามา ด้วยการนำ 2 ช่องระดับโลก Cartoon Network ช่องการ์ตูนดังและช่องข่าวอย่าง CNN มาให้ลูกค้าเอไอเอสได้รับชมกัน

เปิดกว้างให้ลูกค้าค่ายอื่นใช้ AIS Play ได้

ปกติแอป AIS Play จะใช้ได้เฉพาะลูกค้าเอไอเอส แต่มากลยุทธ์ใหม่ที่ต้องการขยายฐานลูกค้า จึงไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าเอไอเอสก็สามารถรับชมคอนเทนต์ต่างๆในแอปนี้แต่จำกัดเฉพาะคอนเทนต์ฟรีเท่านั้นนะคะ

เปิดตัว Play 365 เป็น Local Platform ของคนไทย

อีกหนึ่งความน่าสนใจของงานครั้งนี้คือการเปิดตัว Play 365 คือเป็นแพลตฟอร์มคอนเทนต์ของคนไทย ที่มาสร้างคลิปวิดีโอ คอนเทนต์ต่างๆ แบบไหนก็ได้ หากมีคนดูเยอะก็จะได้ส่วนแบ่งรายได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดัง คือใครก็ได้ที่มีไอเดียเสนอเข้ามาที่เอไอเอสได้เลยค่ะ ตอนนี้มีครีเอเตอร์ใน Play 365 แล้ว 25 คน

ไอเดียก็คล้ายๆ กับยูทูป เพียงแต่ว่าเป็นแพลตฟอร์มคนไทยนั่นเองค่ะ

ดันคนรุ่นใหม่สร้าง VR Content

ก่อนหน้านี้เอไอเอสได้เปิดตัว AIS IMAX VR ที่พารากอนไปแล้ว เวทีครั้งนี้ได้พูดถึงการต่อยอดคอนเทนต์ VR แพลตฟอร์ม ด้วยการเปิดตัวโครงการ VR Content Creator Program รับสมัครคนที่สนใจอยากสร้างไอเดียคอนเทนต์บน VR ซึ่งโครงการนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญจาก IMAX เข้ามาให้คำแนะนำอีกด้วยค่ะ

IoT จะขยับใกล้ตัวมากขึ้น

IoT หรือ Internet of Things  เรียกว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงานเลยก็ว่าได้ เพราะต้องยอมรับว่าตอนนี้คนเราไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเล่นโซเชียลเพียงอย่างเดียว เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หรือการบริการต่างๆ ก็ล้วนเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ต ทำให้เอไอเอสได้ปรับกลยุทธ์มุ่งสู่ความเป็นดิจิตอลแพลตฟอร์ม ด้วยการหาพาร์ทเนอร์พัฒนาโซโลชั่นด้าร IoT ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการต่างๆ ตั้งเป็นโครงการ Alliance Program หรือ AIAP ร่วมกับสมาชิก 70 รายไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชน

และพาร์ทเนอร์ส่วนหนึ่งก็ได้ขั้นเวทีในครั้งนี้ด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ญนน์ โภคทรัพย์ ผู้บริหารเครือเซ็นทรัล ที่มองว่า สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการในอนาคต คือประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้งานสิ่งต่างๆและบริการ จะไม่ใช่แค่ mobile banking เท่านั้น แต่ IoT จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และจะเกิด collect , Analyze , act , communicate ขึ้นมา

รวมถึงบอย โกสิยพงษ์ นักแต่งเพลงชื่อดัง ได้พูดถึงการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจดนตรี ในเมื่อยอดขายซีดีมีแค่หลักหน่วย เพราะคนฟังออนไลน์มากขึ้น เขาเลยใช้โอกาสนี้สร้างแอป fanster แพลตฟอร์มคนไทยไว้ติดตามศิลปินที่ชอบและฟังเพลงใช้ได้ทั่วโลกไว้หล่อเลี้ยงรายได้ให้กับธุรกิจเพลงตัวเองเพื่อไม่ต้องทำให้เราต้องยึดติดแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มเดียว

อีกหนึ่งค่ายมือถือที่มีกลยุทธ์ที่น่าจับตา แต่ท้ายที่สุดแล้วประโยชน์หลักๆ จะตกอยู่ที่ผู้บริโภค เพราะทำให้รู้สึกว่าเรามีทางเลือกมากขึ้น