Mango Zero

เดินตามลมหนาว ในเกาะฮอกไกโด ตามรอยมังงะ Golden Kamuy

อากาศหน้าร้อนของไทยแบบนี้น่าจะทำให้ใครหลายคนอยากจะหาที่เย็นๆ ไปหลบร้อน แต่ก็ใช่ว่างบประมาณในกระเป๋าของเราจะมีความสามารถมากพอ วิธีการแก้ร้อนแบบนึงที่ใช้เงินไม่มากเท่าไหร่นักก็คือการอ่านการ์ตูนที่มีฉากเย็นๆ ให้ติดตามกันอย่างเรื่อง Golden Kamuy ที่ในไทยมีทางสยามอินเตอร์คอมิกส์เป็นผู้จัดทำ

Golden Kamuy เป็นมังงะที่เล่าเรื่องประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี 1904-1905 ซึ่งเกิดขึ้นหลังสงครามรัสเซียญี่ปุ่น และ ไซจิ สึงิโมโตะ อดีตทหารที่เคยร่วมศึกในสงคราม ได้รู้เรื่องของขุมทองชาวไอนุที่กลุ่มคนนอกกฎหมายซึ่งเคยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอาบาชิริได้นำเอาซ่อนไว้

เลยร่วมมือกับ อาชิริปะ หญิงสาวชาวไอนุ เพื่อตามล่าสมบัตินี้ แต่ถึงจะมีชาวไอนุที่ชำนาญพื้นที่ กลุ่มตัวเอกก็ยังต้องปะทะกับยอดฝีมือที่หมายตาสมบัติเช่นเดียวกัน

Golden Kamuy เป็นมังงะที่เล่าเรื่องประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี 1904-1905 ซึ่งเกิดขึ้นหลังสงครามรัสเซียญี่ปุ่น และ ไซจิ สึงิโมโตะ อดีตทหารที่เคยร่วมศึกในสงคราม ได้รู้เรื่องของขุมทองชาวไอนุที่กลุ่มคนนอกกฎหมายซึ่งเคยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอาบาชิริได้นำเอาซ่อนไว้

ด้วยความที่มีพลอทเรื่องเข้าใจไม่ยากแต่ก็เต็มไปด้วยการหักเหลี่ยมเฉือนคม ก็เลยทำให้การ์ตูนเรื่องนี้โดนสร้างเป็นอนิเมะตามมา และกระแสความนิยมของการ์ตูนเรื่องนี้ยังทำให้การท่องเที่ยวให้ฮอกไกโดบูมขึ้นอีกเล็กน้อยด้วย ซึ่งก็เป็นผลพวงมาจากการที่ในเรื่องเล่าเรื่องของฮอกไกโดอยู่อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

อย่างเช่น การที่เรื่องราวมีตัวเอกเป็นชาวไอนุ ทำให้มีการเล่าเรื่องการกินอาหารแบบไอนุ (และแบบชาวฮอกไกโด) อยู่มาก เช่นการนำกระรอกมาทำเป็นชิทาทัป (Citatap) การนำตัวนากกับนกอินทรีย์ทมาทำซุปโอฮาว (Ohaw), จับเนื้อกวางมาย่างกิน, หรือแม้แต่กินวาฬเพชฌฆาต แต่นั่นเป้นการจำลองการใช้ชีวิตของคนในยุคก่อน ถ้าจะทำอาหารแบบนี้จริงๆ อาจจะโดนจับกันยกร้านได้ดื้อๆ

คาเฟ่ที่อ้างอิงธีมจากเรื่อง Golden Kamuy ซึ่งเปิดให้บริการไปในช่วง 28 เมษายน – 27 พฤษภาคม ปี 2018 ก็ได้มีการดัดแปลงส่วนประกอบบางอย่างในการนำมาทำอาหารขายจริงไปบ้าง อย่างช่น ซุปโอฮาวที่ใช้เนื้อไก่แทน ส่วนสมองกระรอกที่มีกินกันในตัวการ์ตูน ก็ปรับมาทำเป็นเค้กรูปทรงคล้ายๆ กันแทนที่จะเอาสมองจริงๆ มาปรุง

ส่วนเรือนจำอาบาชิริที่เป็นสถานที่สำคัญของการ์ตูนเรื่องนี้ และปัจจุบันได้กลายพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ได้เปิดให้รับชมเรื่องราวของผู้ที่เคยรับโทษที่นี่เท่านั้น แต่ยังบอกเล่าถึงวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเกาะฮอกไกโดเมื่อครั้งอดีตอีกด้วย

ถึงสภาพภายนอกของอาคารยังคงรักษารูปแบบเอาไว้ตามลักษณะดั้งเดิม แต่ภายในก็มีการปรับปรุงใหม่ ซึ่งบางส่วนก็มีโฮโลแกรมล้ำสมัยใช้ในการจัดแสดงด้วย และถ้าสนใจอาหารสไตล์เดียวกับที่เคยทำให้ผู้ถูกคุมขังสมัยก่อน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็มีให้บริการเช่นกัน

นอกจากนี้ทางการท่องเที่ยวของเกาะฮอกไกโดยังเคยเปิดกิจกรรมให้ผู้ที่มาท่องเที่ยวในเกาะ สามารถเปิดแอพพลิเคชั่นเพื่อเก็บแสตมป์ที่เป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่อง Golden Kamuy ถ้าแวะไปสถานที่สำคัญตามเมืองใหญ่ในเกาะฮอกไกโด

และต่อให้ไม่ได้อินกับการ์ตูนเรื่องนี้ สำหรับชาวไทยหลายคน แค่ได้เห็นว่าเกาะฮอกไกโดมีอากาศเย็นกว่าเมืองไทยตลอดทั้งปี ก็แทบจะอยากจองตั๋วไปเที่ยวสักครั้งแล้วล่ะ