Mango Zero

รู้จักแคมเปญ Hold Your Breath กับภาวะอันตรายของเด็กไทยอย่าง Asphyxia

ว่ากันว่าคนทั่วไป สามารถกลั้นหายใจได้ 30 วินาที

แต่กับคนบางกลุ่มอาจไม่มีโอกาสเหมือนกับเรา

นี่คือส่วนหนึ่งของคำพูดที่เป็นที่มาของแคมเปญ Hold Your Breath ที่ Generali Thailand ตั้งใจสร้างสรรค์ เพื่อให้คนไทยได้รู้จักกับภาวะ Asphyxia หรือภาวะขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิด ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมรูปแบบใหม่ที่เน้นการมีส่วนร่วมจากผู้คนในสังคม

คุณบัณฑิต  เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ประจำประเทศไทย เผยถึงที่มาของแคมเปญนี้ว่า ทาง Generali Group บริษัทแม่ที่ประเทศอิตาลี  ได้มีการระดมไอเดียของพนักงานจากทุกประเทศทั่วโลกเพื่อเลือกเฟ้นสิ่งที่บริษัทจะก้าวเข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่ง “Asphyxia” ก็เป็นอีกหนึ่งภัยร้ายที่ได้รับการคัดเลือกจาก Generali Group โดยทีมงาน Generali Thailand เอง ก็ ได้เลือกนำนโยบายดังกล่าว จากหลายๆนโยบาย มาคิด ต่อยอด ให้เป็นแคมเปญที่เหมาะสมกับประเทศไทย เพราะ brand essence ของเราก็คือการ “Protect Your Love” ดังนั้น การเริ่มต้นก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลเด็กไทย ก็คงเป็นเหมือนการปกป้องดูแลความรักที่เรามีต่อสังคมไทยในอนาคตข้างหน้า

เมื่อการทำ CSR เป็นมากกว่าแค่ในบริษัท

จะเห็นได้ว่าโรค Asphyxia เป็นภาวะอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม กิจกรรม CSR ของ Generali เองจึงไม่ได้มุ่งแค่การบริจาคหรือการระดมทุนเฉพาะภายในองค์กร แต่นี่คือแนวทางของกิจกรรมเพื่อสังคมแบบใหม่ของ Generali Group ที่เรียกว่า “The Human Safety Net” ที่นอกจากช่วยเหลือสังคมแล้ว ยังเปิดกว้างให้คนทั่วไปได้ตระหนักรู้ และเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสังคมร่วมกันอีกด้วย เพราะนี่คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของทุกคนโดยที่ทุกท่านเองก็อาจจะไม่รู้ตัว

จากนั้นในคลิปของแคมเปญเราจะได้เห็นน้องๆดาราเซเลบ New Gen ทั้ง เกรท สพล, เต้ ชยพัทธ์, มิ๊วซ์ ณัฐวิทย์, บอส อภิชา, เนม ภูมิพัฒน์ ที่มาช่วยกันส่งต่อแคมเปญนี้ โดยเฉพาะพี่ใหญ่ใจดีของแคมเปญอย่าง ณัฐ ศักดาทร ที่ไม่ใช่แค่ร่วมโปรโมทแคมเปญ เขายังเป็นส่วนหนึ่งในการชักชวนเหล่า Online Influencers มาร่วมกันส่งต่อพร้อมร่วมบริจาคด้วย

รู้จักกับภาวะ  Asphyxia โรคร้ายในเด็กอันดับต้นๆ ของไทย แต่พ่อแม่หลายคนไม่เคยรู้

ถ้าพูดถึงภาวะ  Asphyxia หลายๆ คนอาจจะยังไม่คุ้นหูนัก ซึ่งภาวะนี้โรคนี้เป็นการขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิดที่นำเป็นสู่อาการอันตรายหลายๆอย่าง  โดยพบในเด็กถึง 2 ใน 3 จาก 1,000 คน

เราเลยมาพูดคุยกับ  นายเเพทย์ ธนินทร์ เวชชาภินันท์ นายเเพทย์เชี่ยวชาญด้านกุมารประสาทวิทยา จากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เกี่ยวกับรายละเอียดของภาวะนี้กัน

สาเหตุของภาวะ Asphyxia

สาเหตุเแรก คือ เริ่มตั้งเเต่ในท้องเเม่ก่อนคลอด มาจากหลายอย่าง เช่น

ซึ่งถ้าเเพทย์หรือผู้ดูเเลวิเคราะห์ว่าเด็กมีภาวะ Asphyxia  ตั้งเเต่อยู่ในท้องเเล้ว ก็อาจจต้องคลอดด้วยวิธีอื่น เช่น ผ่าตัดออกทางหน้าท้องโดยด่วน เพื่อให้เด็กคลอดออกมาในช่วงที่สมองเด็กไม่ขาดออกซิเจนมากไปกว่านี้ จากนั้นก็พาออกมาดูแลข้างนอกแทน

หรือในบางราย เด็กอาจมีภาวะบางอย่างจนทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด”  โดยที่จริงเเล้วปกติการคลอดจะต้อง 38 สัปดาห์ขึ้นไป หรือ 9 เดือน เด็กจึงจะร่างกายสมบูรณณ์ มีปอด เเละสมองสมบูรณ์พร้อมที่จะออกมาหายใจภายนอกได้ เเต่การที่เด็กคลอดก่อนกำหนดอาจมาจากที่ในท้องมีความผิดปกติบางอย่าง ดังนั้นเด็กจึงเกิดการป้องกันตัวเอง ด้วยการพยายามออกมาจากในท้องเเม่ จนเกิดเป็นภาวะเกิดก่อนกำหนดในที่สุด

โดยการคลอดก่อนกำหนดนี้ อาจทำให้ปอดยังไม่พร้อมทำงาน เพราะขาดสารยืดหยุ่นของปอด ดังนั้นปอดจึงไม่ขยายตัว ประกอบกับปอดยังขยายตัวไม่เต็มที่ มีปัญหาในการแลกเปลี่ยนออกซิเจน ออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองจึงน้อย เเละสมองเองก็เป็นอวัยวะที่ต้องใช้ออกซิเจนมาก และอาจมีอาการเเสดงออกทางสีผิว คือ อาจจะตัวเขียว (ภาวะเด็กเขียว”) หรือ บางรายมาโรงพยาบาลด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้นเเล้ว  หรือมีอีกประเภท คือ เด็กที่คลอดตามเวลาปกติครบ 38 สัปดาห์ เเต่มีปัญหาเกิดขึ้นขณะคลอด เช่น

เด็กกลุ่มอายุครรภ์ปกตินี้เมื่อเกิดสภาวะ Asphyxia จะทำให้ความดันในปอดสูง เลือดผ่านเข้าปอดไม่ได้ พอเลือดผ่านปอดไม่ได้ ก็ไม่สามารถเเลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ ทำให้สมองขาดออกซิเจนอีก นั่นหมายความว่าแม้เด็กอายุครรภปกติก็อาจเกิดภาวะ Asphyxia ได้เช่นกัน

ซึ่งจากปัจจัยทั้งหมดอาจนำไปสู่การที่สมองของเด็กๆ ขาดออกซิเจน และอาจจะทำให้มีอาการแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา คือ

ชักตั้งเเต่เเรกเกิด

       เมื่อเกิดภาวะเหล่านี้แล้ว สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ ให้อยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับเด็กโดยเฉพาะ ในโรงพยาบาลที่บุคลากรพร้อมดูแลเด็กแรกเกิดจริงๆ

และในแคมเปญนี้ ยังรวมความเป็นสังคมยุคโชเชียล หลังจากดูคลิปนี้จบ ให้ลองจับเวลาการกลั้นหายใจพร้อมกับแชร์ภาพและวินาทีที่ทำได้ พร้อมใส่แฮชแท็ก #HoldYourBreathTH #ProtectYourLove และแชร์ต่อลงโซเชียล พร้อมแท็กเพื่อนอีก 3 คนท้าแข่งกันกลั้นหายใจซึ่งไอเดียนี้เป็นอีกหนึ่งความต้องการที่ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เข้าใจถึงโรคนี้มากขึ้นหากต้องขาดอากาศหายใจ

อย่างที่บอกว่า CSR นี้เป็นสิ่งที่ทำทุกคนได้มีส่วนผล ผ่านการบริจาคให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ผ่านทาง SMS กด*948*1415*100#โทรออก เพื่อร่วมบริจาคครั้งละ 100 บาท หรือโอนเข้าบัญชี มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก กองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน เลขที่ 111-410586-1 ก็ได้ค่ะ

ถือว่าเป็นกิจกรรม CSR ที่ให้สังคมได้มามีส่วนรวมและตระหนักถึงโรคนี้ ลองเข้าไปกลั้นหายใจกันดู แล้วจะเข้าใจโรคนี้กันมากขึ้นค่ะ… holdyourbreaththailand