Mango Zero

เจาะลึกทุกมุม “NapLab : Co-napping workspace” ที่ทำงานไม่ได้งานแห่งแรกของกรุงเทพ ใจกลางย่านจุฬาฯ

ช่วงที่ผ่านมาอาจเรียกได้ว่าเป็นยุครุ่งเรืองของ Co-Working Space (เพราะเดี่ยวนี้การทำงานที่บ้าน=หลับ) ชาวกรุงเลยต้องขอออกไปนั่งจิบกาแฟในสถานที่ใหม่ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจการทำงาน

แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีกลุ่มคนไอเดียสร้างสรรค์ใจกล้าเปิด Co-Napping Workspace ขึ้นมาใจกลางย่านมหาวิทยาลัยอย่างจุฬาฯ ซึ่งที่มาของโครงการนี้มีเรื่องน่าสนใจมากกว่าแค่ความสวยงามน่าไปเยือนของสถานที่แน่นอน จะเป็นยังไงมาตามอ่านกัน เราจะพาชมทุกซอกทุกมุม และจะเล่าที่มาที่ไปอย่างที่อาจคิดไม่ถึง

ที่มาที่ไปของโครงการ NapLab

NapLab : Co-Napping Workspace 

ซึ่งอย่างที่บอก ว่าเป็น ‘ที่ทำงานไม่ได้งาน’ จึงมีบริการให้ยืมหมอนออกมาใช้งีบได้ และก็ไม่ต้องกลัวว่าหมอนจะมีเชื้อราเก่าเก็บ เพราะที่นี่มีการดูแลความสะอาดเป็นประจำทุกวัน

ใน NapLab มีพื้นที่จัดสรรไว้ให้ใช้บริการหลากหลายมากๆ มาชมกันน

พื้นที่ที่ดูสะดุดตาที่สุดเพราะเป็นสีเหลือง สีที่ตั้งใจเลือกมาให้เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของคนที่มาใช้บริการ จะเห็นว่าห้องถูกแบ่งเป็นแบบกึ่งไพรเวท คือจะไม่รู้สึกว่าโดนคุกคาม แต่ก็ไม่ได้เป็นห้องปิดทึบจนดูไม่ดี

ถ้าเดินถัดไปด้านในจะมีโซนหนีงาน เป็นโซนที่ให้เราได้พักเบรคสมองและร่างกายกันหน่อย มีโต๊ะปิงปองให้เล่น มีกระสอบทรายและนวมนักมวยให้ได้ระบายอารมณ์ และยังมีเครื่องเล่นเกมให้เล่นด้วย

ถัดมาอีกห้อง “Grass Room” จะเป็นบริเวณที่เก็บหมอน และยังสามารถใช้ห้องนี้จัดประชุมเล็กๆ แบบชิลๆ ได้ด้วย จุคนได้ประมาณ 30 ที่นั่ง

แต่ถ้าต้องการพื้นที่ห้องประชุมจริงจังขึ้นมาหน่อย ที่นี่ก็มีรองรับไว้เช่นกัน จุคนได้ถึง 110 ที่นั่ง พร้อมจอโปรเจคเตอร์อย่างครบครัน

ถัดเข้าไปอีกจะเป็นห้องประชุมให้เช่า ซึ่งสามารถเช่าได้ทั้งแบบรายวันหรือจะเช่ายาวทำธุรกิจสตาร์ทอัพไปเลยก็ได้ ในห้องจะมีจอทีวีและกระดานไวท์บอร์ดรองรับ และที่ขาดไม่ได้คือปลั้กไฟจำนวนมาก (มากกว่าจำนวนคน 3 เท่าได้มั้ง)

ถัดขึ้นมาที่ชั้น 2 ของ Co-Napping workspace จะดูเป็นทางการ (แบบที่น่าจะได้งาน) มากขึ้นมาหน่อย

มีโต๊ะยาวนั่งทำงานเยอะขึ้น พร้อมปลั้กไฟที่ให้มาแบบประชด ไม่ต้องตามหากันเลย เพราะแทบจะทิ่มตาทุกมุมห้อง แต่ถึงจะเป็นพื้นที่ที่เป็นการเป็นงานขึ้นมา ก็ยังไม่เครียดนะ อาจเพราะมีสีเหลืองแซมอยู่ทุกส่วนเลย

ลืมบอกไปว่าพื้นที่นี้ถูกออกแบบมาโดยกลุ่มนักออกแบบจำนวนมาก ทั้งอาจารย์สถาปัต ดีไซเนอร์ และกลุ่มผู้ทำงานรับเหมา เลยมีแนวคิดด้านอาร์ตอยู่เยอะ ใส่ใจไปจนถึงห้องสำหรับพ่นสีสเปรย์ เด็กถาปัตหรือศิลปกรรม ก็สามารถมาใช้พื้นที่ตรงนี้พ่นสีให้งานตัวเองได้ (ไม่ใช่ให้พ่นกำแพงเล่นนะ)

ถ้าอยู่ชั้น 2 แล้วมันเครียด ก็เล่นสไลเดอร์หนีงานลงมาที่โซนโต๊ะปิงปองได้แบบสบายๆ เลย (นี่สรุปเป็นสนามเด็กเล่นใช่ไหม

ที่พีคอีกหนึ่งอย่างก็คือที่นี่มีตู้ล็อกเกอร์ และห้องอาบน้ำ สำหรับคนที่ทำงานดึกแล้วไม่อยากกลับบ้าน (เพราะเขียนแบบจนอีกสองชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว)

สุดท้ายนี้ ที่นี่มีคาเฟ่ด้วยนะจ๊ะ ราคาย่อมเยามากๆ โดยคุณอาทิตย์ ผู้จัดการ ยังบอกอีกด้วยว่าจริงๆ สามารถนำเครื่องดื่มข้างนอกเข้ามาทานก็ยังได้

รายละเอียดเพิ่มเติม