คุยกับพระเอกในตำนาน “นก ฉัตรชัย” กับเรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ “นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช” พระเอกหนุ่มรุ่นใหญ่ที่ตกหลุมรักกับอาชีพนักแสดงมาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว การันตีความสำเร็จด้วยผลงานคุณภาพและรางวัลมากมาย ทั้งในฐานะเบื้องหน้าและเบื้องหลัง พระเอกหนุ่มในตำนานที่ไม่ว่าเราจะลองเอ่ยชื่อพูดถึงผลงานละครหรือภาพยนตร์ที่เขาแสดงเรื่องไหน ก็เชื่อว่าคุณก็อาจเคยได้ยินผ่านหูหรืออยู่ในความทรงจำกันมาบ้างแน่ๆ หลังจากผันตัวไปเป็นผู้จัดละครอยู่หลายปี ในปี 2019 นี้ เขากลับมาสู่จอเงินอีกครั้งใน “จอมขมังเวทย์ 2020” กับบทบาทเดิมใน “จอมขมังเวทย์” เมื่อ 14 ปีก่อน ที่แฟนๆหนังเรื่องนี้ต่างรอคอยติดตามชมอีกครั้ง วันนี้ Mango Zero ได้มีโอกาสชวนพี่นกมาพูดคุยถึงเรื่องราวประสบการณ์การทำงานในวงการตลอด 40 ปี ความสนุกในกองถ่ายทำภาพยนตร์จอมขมังเวทย์จากยุคปี 2004 สู่ปี 2019 กับเรื่องราวที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับพระเอกหนุ่มรุ่นใหญ่คนนี้ ในวันที่เป็นพระเอกฮอตที่สุด กลับเลือกรับบทตัวร้าย คือจริงๆพี่นกเป็นคนชอบเล่นหนัง แล้วก็เป็นคนชอบเล่นอะไรที่หลากหลาย ไม่เคยกำหนดว่าต้องเป็นพระเอก เพราะรู้สึกว่ามันมีความโชคดีที่ได้มีโอกาส ได้แสดงเป็นคนนู้นคนนี้ ในชีวิตจริงเราไม่มีสิทธิที่จะได้เป็นจอมขมังเวทย์อยู่แล้ว ไม่มีสิทธิไปเสกต่อแตนออกไปต่อยครได้อยู่แล้ว มันเป็นเวทมนตร์ของการเป็นนักแสดง บทจอมขมังเวทย์ในตำนาน เบื้องหลังทรมานกว่าที่คิด การเป็นนักแสดงที่ได้แสดง เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของความสุขนะพี่นกว่า ถึงว่ามันจะทนทุกข์ทรมานกับการสักยันต์ที่ตัว 2 วันถึงจะได้เข้าฉาก ตอนนั้นเขาใช้วิธีการเพนท์วาด เฮนน่าเพนท์ เขาก็จะมาที่บ้าน พี่นกก็นั่งบ้าง นอนบ้าง แล้วก็ต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อที่จะถ่ายฉากกลางวัน ตี 3 ต้องตื่นมาเติมสัก แต่งตัว ใส่หนวด ใส่เครา ใส่วิก เพื่อที่จะเป็นจอมขมังเวทย์ ถ้าเกิดเห็นทีเซอร์ที่หมากลง พี่นกใช้มาก่อน แล้วตอนนั้นมันคือจริงหมดเลย ไม้จริง โซ่จริง เอาตะกรุดเหล็กหนักๆคาบไว้แล้วก็เดินออกมา ถือว่าทรมานไหม ทรมาน พอเห็นงานก็มีความสุขเราผ่านมาแล้ว ทุกอย่างมันก็ผ่านไป การแสดงต้องเป๊ะ เพราะทุกเทคที่เสียไปคือเงิน พี่นกเล่นเรื่องแรกๆ มันยังไม่มีมอนิเตอร์ด้วยซ้ำไป เพราะงั้นมันเหมือนต้องเป๊ะ เพราะเทคทีก็เสียฟิล์ม ฟิล์มก็คือเงิน เช็คภาพก็ไม่ได้ เพราะไม่มีมอนิเตอร์ดู แต่ว่าพอในยุคนี้มันเป็นดิจิตอลแล้ว มันช่วยได้หลายอย่าง มันเริ่มปรับได้ตั้งแต่ที่กล้องแล้วเลย มันก็จะง่ายขึ้น เทคมากก็แค่เสียเวลา แต่ไม่ได้เสียเงินเพิ่ม แต่เสียเวลาก็คือเสียเงินนั่นแหละ ถ้าใช้เวลาเยอะ วันนั้นก็ถ่ายไม่ได้ตามเป้า แต่หมายความว่ามันสามารถเทคโดยที่ไม่ได้เสียเงินในเทคนั้น ไม่เหมือนฟิล์ม 15 ปีต่อมาจอมขมังเวทย์ 2020 กลับมาอีกครั้ง มันมีความใหม่ในภาคแรกมันออกจะดิบๆ ด้วยเวลา หรือด้วยการเล่าเรื่องของผู้กำกับมาถึงจอมขมังเวทย์ 2020 มันมีความทันสมัยของภาพ ทันสมัยของเนื้องาน ความทันสมัยของเรื่อง เพราะมันไม่ใช่แค่ตำรวจคนหนึ่ง อยากเป็นจอมขมังเวทย์ ตอนนี้มันมากขึ้นแล้ว มันมีเรื่องเกี่ยวกับการสะกดจิตหมู่ มีเรื่องของความเชื่อที่เป็นไปได้ไหมในยุคนี้ มันเป็นเรื่องอะไรที่น่าสนใจนะ ยืนระยะในฐานะนักแสดงมาถึง 40 ปี ด้วยคำว่า “ความพยายาม” จริงๆ 40 ปีต้องบอกว่าพี่นกไม่ใช่คนเก่ง ทุกอย่างที่ได้มามันได้มาจากครู พี่นกมีครูที่สอนการแสดง พี่นกเจอครูคนแรก มาเจอครูคนที่สอง สาม สี่ เจอพี่ๆนักแสดงเก่ง เขาก็สอนเรา โชคดีที่เป้นคนชอบดูหนังอยู่แล้ว มันก็ค่อยๆสะสมมาเรื่อยๆ พอเริ่มแสดงเราก็เริ่มชอบ เริ่มรัก เริ่มรู้สึกอยากเป็นนักแสดงที่ดี นักแสดงที่ดีไม่ใช่เล่นเก่งอย่างเดียว ทุกอย่าง มีความรับผิดชอบต่องาน ตรงต่อเวลา เคารพในตัวผู้กำกับ เรารพในรุ่นพี่ รักรุ่นน้อง เราก็ต้องพยายามขวนขวาย ทำในสิ่งที่เราอยากเป็นให้ได้ มันก็อยู่นานเอง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะอยู่นานถึงขนาดนี้ ชมตัวอย่างภาพยนตร์จอมขมังเวทย์ 2020