DEMON SLAYER: INFINITY CASTLE – ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต จากมังงะระดับตำนานของ “Koyoharu Gotoge” ที่ตีพิมพ์บนนิตยสาร SHUEISHA’s WEEKLY JUMP ด้วยเรื่องราวที่กลมกล่อมและการต่อสู้ของอสูรที่เร้าใจทำให้ตราตรึงหัวใจแฟนอนิเมะทั่วโลกจนเกิดเป็นภาพยนตร์ที่แฟนอนิเมะทั่วโลกต่างรอคอย ที่ผลิตขึ้นโดยสตูดิโอ ufotable เรื่องโดยย่อรวม ของ DEMON SLAYER: INFINITY CASTLE – ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต เรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่านตัว “คามาโดะ ทันจิโร่ เด็กหนุ่มผู้ตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มนักล่าอสูร หลังจากที่ “เนซึโกะ” น้องสาวของเขาถูกทำให้กลายเป็นอสูร ในขณะที่เขาเริ่มแข็งแกร่งขึ้น มีเรื่องราวมากมายเกินขึ้นระหว่างที่กำลังเดินบนเส้นทางนักล่าอสูร ทั้งมิตรภาพ ความผูกพัน การได้รู้จักกับเหล่านักล่าอสูรชั้นยอดที่เรียกกันว่าเสาหลัก รวมไปถึงการได้ต่อสู้กับอสูร ซึ่งอสูรก็มีหลากหลายเลเวลให้เหล่านักล่าอสูรและเสาหลักได้จัดการทั้งตัวลูกหรือที่เรียกกันว่าข้างแรม ตัวเก่งที่เรียกกันว่าข้างขึ้น และสุดท้ายตัวบอส ที่เรียกกันว่า “มุซัน” ในขณะที่เหล่านักล่าอสูรได้รับการฝึกฝนจากเสาหลัก เพื่อเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้กับเหล่าอสูร “คิบุซึจิ มุซัน” ก็ปรากฏตัวขึ้นที่คฤหาสน์อุบุยาชิกิ ในขณะที่ผู้นำกลุ่มนักล่าอสูรกำลังตกอยู่ในอันตราย ทันจิโร่และเหล่าเสาหลักจึงรีบมุ่งหน้าไปที่นั่น แต่กลับร่วงหล่นเข้าไปในพื้นที่ลึกลับแบบไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยฝีมือของมุซัน โดยภาคนี้ คือองค์ที่ 1 การกลับมาของอาคาสะ เนื้อเรื่องก็จะเน้นไปที่ตัวละครข้างขึ้นลำดับที่ 3 อย่าง อาคาสะ ซึ่งเรื่องราวก็ดำเนินไปให้ผู้ชมได้เห็นถึงการต่อสู้อันดุเดือดของเหล่านักล่าอสูร เสาหลัก ปะทะกันกับเหล่า ข้างขึ้นของฝั่งอสูร สำหรับการดำเนินเรื่องดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต เป็นการดำเนินเรื่องต่อจากอนิเมะซีรีส์ภาคการต่อสู้กับเสาหลัก สำหรับแฟนๆ ที่ติดตามเรื่องราวจากอนิเมะมาก่อนนั้น ไม่ต้องสร้างความเข้าใจยาก เดินเข้าโรงภาพยนตร์สามารถประติดประต่อเรื่องราวได้เลย แต่หากเป็นคุณผู้ดูที่เดินเข้ามาแบบหัวโล่งๆ ไม่เคยชิมเรื่องราวจากทั้งมังงะและอนิเมะมาก่อนก็พอจะเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยากนัก เพราะภาพยนตร์ดำเนินเรื่องราวเล่าย้อนถึงความหลังอยู่บ่อยครั้ง แต่แน่นอนความระดับความอินจะไม่เท่ากันอย่างแน่นอน โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าการร้อยเรื่องแต่ละฉากไม่ได้ดูหวือหวาไปกว่าซีรีส์มากเท่าไหร่ แต่ถ้าพูดกันในเชิงของภาพ ฉาก แสง สี เสียง ต้องบอกเลยว่า ทำถึงพึ่งได้จริงๆ เพราะอลังการงานสร้างสมคำร่ำลือ ทำให้ฉากทั่วไปที่เราพบเห็นได้ในอนิเมะนั้นพิเศษขึ้นมามากๆ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้รสชาติของแต่ละซีนให้เด่นชัดและดึงอารมณ์ของคนดูได้ดี โดยภาพรวมในระยะเวลากว่า 155 นาทีนี้ต้องยอมรับเลยว่า ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต ถ่ายทอดอารมณ์ของเหล่าตัวละครมาถึงคนดูได้อย่างดี รวมไปถึงภาพ แสงสีเสียงตระการตาที่มัดใจให้อยู่หมัด แต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่บางซีนยังรู้สึกว่าสวิงอารมณ์ไปหน่อยกับซีนที่พยายามจะเติมแต่งในยังมีกลิ่นของมังงะ แต่อย่างไรก็ตาม DEMON SLAYER: INFINITY CASTLE – ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต ก็ยังเป็นเรื่องที่แนะนำให้ไปสัมผัสด้วยตัวเองที่โรงภาพยนต์ บอกเลยว่าดู IMAX จอใหญ่สะใจมากๆ ถ้าอยากรู้ว่าปราสาทไร้ขอบเขตแบบเต็มๆ ตาเป็นยังไง ห้ามพลาดเลยล่ะ! ไหนใครดูแล้วบ้างมารีวิวกันหน่อย