สรุปเหตุจลาจล “คนคลั่งรักทรัมป์-ชังไบเดน” วันนี้เกิดอะไรขึ้นที่สหรัฐฯ ภาพความวุ่นวายที่แชร์ต่อกันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลเมื่อเช้าวันนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ไม่ใช่ภาพจากหนัง Batman The Drak Knight Rises หรือ Joker แต่เป็นเหตุการณ์จริงที่ปะทุขึ้นที่สหรัฐฯ ต้อนรับปี 2021 แบบสุดเดือด ใครตามไม่ทันว่าเรื่องมันเป็นมายังไง Mango Zero สรุปมาให้เป็นข้อๆ ไล่เรียงเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ตามนี้เลย 1.สหรัฐฯ จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 46 ไปเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนปีก่อน โดยมีคู่ชิงเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.คนปัจจุบันจากพรรครีพับลิกัน กับโจ ไบเดน นักการเมืองอาวุโสอดีตมือขวาของบารัค โอบาม่า จากพรรคเดโมแครต 2.ผู้ชนะต้องได้คะแนน Electoral Vote มากกว่า 270 เสียง ซึ่งคะแนนอย่างไม่เป็นทางการจากทั้งประเทศ ไบเดนได้ไป 306 ทรัมป์ได้ 232 ถ้าจบอย่างนี้ ไบเดนคือปธน.คนใหม่ทันที 3.ทรัมป์ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ อ้างว่าการเลือกตั้งไม่ชอบธรรม การนับคะแนนไม่โปร่งใส มีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้นเพื่อล้มตนจากตำแหน่ง เช่นเดียวกับประชาชนที่ลงคะแนนให้ทรัมป์ (โดยเฉพาะคนที่โหวตทรัมป์มาตั้งแต่เลือกตั้งครั้งก่อน) ก็เชื่อแบบเดียวกัน 4.วันที่ 6 มกราคม 2021 คือวันที่รัฐสภาสหรัฐฯ จะเปิดประชุมสภาเพื่อรับรองผลเลือกตั้ง แล้วรับรองประธานาธิบดีคนใหม่ ก่อนที่วันที่ 20 เดือนนี้ ไบเดนจะเข้ารับตำแหน่งนี้อย่างเป็นทางการ (ในวัย 78 ปี นับเป็นปธน.มะกันที่อายุมากที่สุด) 5.แต่การประชุมก็ไม่เป็นไปอย่างสะดวกโยธินอย่างที่ควรเป็น เมื่อประชาชนผู้สนับสนุนทรัมป์ รวมกลุ่มกันเดินทางมาล้อมรอบรัฐสภา ขณะที่ส.ส.และส.ว.กำลังประชุมอยู่ข้างใน ก่อนที่คนกลุ่มนี้จะทำลายสิ่งกีดขวางพลางบุกเข้าไปในรัฐสภาเพื่อยกระดับการประท้วง 6.มีคนถ่ายคลิปเจ้าหน้าที่รักษาปลอดภัยบางคน เปิดรั้วกั้นให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวเข้าไปในอาคารอย่างง่ายดาย จนมีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าเหมาะสมหรือไม่-อย่างไร 7.ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อีกส่วนก็พยายามสกัดการประท้วงของประชาชนด้วยระเบิดแฟลชและสเปย์พริกไทย แต่ก็เอาไม่อยู่ สถานการณ์บานปลายจนกลายเป็นเหตุจลาจล กรุงวอชิงตัน ดี.ซี ต้องประกาศเคอร์ฟิวตอน 6 โมงเย็นตามเวลาท้องถิ่น 8.รัฐสภาก็ต้องพักการประชุมชั่วคราว ผู้แทนสภาได้รับแจกหน้ากากกันแก๊ส และถูกอพยพหลบหนีออกจากสถานที่ประท้วง ไปยังสถานที่ปลอดภัย (ตามรายงานข่าว ไม่มีนักการเมืองได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ความตาย) รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ที่นั่งในตำแหน่งประธานการลงมติรับรองคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง ต้องหนีออกจากรัฐสภาทางอุโมงค์ใต้ดิน 9.ผู้ประท้วงทำลายข้าวของในอาคารรัฐสภาจนพังพินาศ ขว้างปาสิ่งของ เขียนข้อความ ทุบกระจก บางคนบุกไปนั่งเก้าอี้ทำงานของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วยสีหน้าเบิกบานยินดี อีกจำนวนมากโบกธงที่มีข้อความเชิดชูทรัมป์-ชังไบเดน และอีกไม่น้อยที่มีอาวุธติดตัว ตั้งแต่ของแข็ง ของมีคม ไปจนถึงปืน 10.เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังในการปราบปรามการชุมนุม มีรายงานข่าวว่าผู้หญิงที่ไม่ถูกเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เสียชีวิตหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนที่หน้าอก ก่อนมีรายงานเพิ่มเติมว่าพบผู้เสียชีวิตอีก 3 นอกอาคาร รวมแล้วมีคนที่ต้องสังเวยลมหายใจให้เหตุเดือดนี้ทั้งสิ้น 4 ราย 11.โจ ไบเดน ประณามผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงว่า นี่ไม่ใช่การประท้วง แต่คือกบฎ คือการปลุกระดม เขาเสียใจมากที่เห็นแสงสว่างและความหวังในประชาธิปไตยต้องมืดมิดลงด้วยเหตุการณ์นี้ ทั้งยังเรียกร้องให้ทรัมป์แถลงห้ามมวลชนที่สนับสนุนตัวเขาให้หยุดกระทำความรุนแรง 12.แต่สิ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์ คือการราดน้ำมันลงบนกองไฟด้วยการแถลงผ่านวิดีโอ ว่าต้นเหตุของเหตุการณ์นี้คือการ “โกงผลเลือกตั้ง” อย่างท่วมท้นของคนในชาติ อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้ทุกคน “กลับบ้านด้วยความรักและสงบ จดจำวันนี้ไว้ตลอดไป พวกคุณพิเศษมาก ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง” 13.Facebook และ Twitter จึงต้องลบวิดีโอดังกล่าวและระงับบัญชีผู้ใช้งานของทรัมป์ชั่วคราวเพื่อบรรเทาความรุนแรง และปลุกปั่นยุยง แต่ถ้ายังมีการ “ละเมิดข้อบังคับ” การใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอีก ก็อาจต้องปิดบัญชีและแบนทรัมป์จากโซเชียลมีเดียเป็นการถาวร 14.สถานการณ์ค่อยๆ คลี่คลายตามลำดับ เจ้าหน้าเริ่มคุมการประท้วงได้ ผู้ประท้วงถูกจับกุมมากกว่า 50 รายด้วยข้อหาละเมิดเคอร์ฟิว และครอบครองอาวุธปืนโดยไม่มีใบอนุญาต สมาชิกสภาคองเกรสเองก็กลับมาประชุมรับรองชัยชนะของโจ ไบเดนต่อได้ 15.บารัค โอบาม่า ร่วมประณามความรุนแรงว่า ประวัติศาสตร์จะจดจำเหตุการณ์วันนี้ไว้ว่าเกิดจากการยุงยงของประธานาธิบดี (ทรัมป์) ที่โกหกอย่างไร้เหตุผล นี่คือช่วงเวลาแห่งความเสื่อมเสียและอัปยศของสหรัฐอเมริกาอย่างแท้จริง