หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวฮือฮาในวงการครีเอเตอร์เมื่อ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกปิดดีลซื้อกิจการ Twitter มาได้สำเร็จในมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมเตรียมนำบริษัทออกจากตลาดหุ้น และวางแผนคืนพื้นที่สังคม Free Speech ที่แท้จริงให้กับ Twitter รวมถึงพัฒนาฟีเจอร์ยืนยันตัวตน กำจัดแอคหลุม บัญชีปลอมให้สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด ล่าสุดเช้าวันนี้ (28 เมษายน 2565) อีลอน มัสก์ ก็ได้ใช้ทวิตเตอร์ส่วนตัวทวิตข้อความว่า “ต่อไป ผมจะเข้าซื้อโคคาโคล่า เพื่อที่จะนำ “โคเคน” กลับมาเป็นส่วนผสมในโค้กให้ได้” หลังจากเขาทวิตออกไปได้ 4 ชั่วโมงก็มีบัญชีทวิตเตอร์รายอื่นเข้ามากดไลก์กว่า 1.4 ล้านคน รวมถึงยอดรีทวิตกว่าอีก 2 แสนกว่าคน เป็นที่น่าจับตาในสหรัฐฯ ขณะนี้ เนื่องจากปัจจุยันโคเคน ถือเป็นสารเสพติดที่ผิดกฏหมายในสหรัฐฯ รวมถึงในอีกหลายประเทศทั่วโลก หลายคนจึงคาดเดาว่าน่าจะเป็นการหยอกล้อกับแฟนคลับทวิตเตอร์ ที่กำลังพูดถึงเขาว่าเจ้าตัวจะกว้านซื้อธุรกิจใด้อีกบ้าง เพราะตอนนี้ อีลอน มัสก์ ถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเจ้าของกิจการบริษัทดัง ๆ อยู่มากมาย อาทิ Tesla, SpaceX, Twitter, The Boring Company, Neuralink เป็นต้น Next I’m buying Coca-Cola to put the cocaine back in — Elon Musk (@elonmusk) April 28, 2022 แต่จากทวิตนี้ก็กลายเป็น Fun Fact ที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่บางส่วนที่อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า ก่อนหน้านี้โค้กเคยส่วนผสมของโคเคนอยู่ด้วย! โดยโค้กรุ่นแรกสุดถูกวางขายสู่สาธารณะครั้งแรกในปี 1880 แต่ในปีนั้นโค้กยังไม่ใช่น้ำอัดลมอย่างในปัจจุบัน แต่ถูกขายเป็นยาที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ รวมถึงโคเคนอยู่ในนั้น รับประทานผสมกับโซดา ดื่มเพื่อสุขภาพและเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย (สังเกตจากชื่อที่เรียกว่า Coca-Cola ก็เพราะมันผสมทั้งโคเคนและเมล็ดโคล่าอยู่นั่นเอง) ทว่าต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน บางรัฐเริ่มออกกฎหมายห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์ รวมถึงโคเคนกลายเป็นสารเสพติดที่เกิดโทษมากกว่าผลดีต่อร่างกาย และกลายเป็นสิ่งผิดกฏหมาย Coca-Cola จึงตัดสินใจปรับปรุงสูตร และตัดส่วนผสมนี้ออกไปเพิ่มเติมเป็นน้ำหวานเกิดเป็นน้ำอัดลมรสชาติที่คุ้นเคยในปัจจุบัน ที่มา : @elonmusk, MarketThink, BrandThink, The Royal Society