‘พุทธิพงษ์’ ส่งหนังสือเตือนแพลตฟอร์มโซเชียล บล็อค URL นับพันตามคำสั่งศาล ย้ำเพื่ออธิปไตยไซเบอร์


: 26 สิงหาคม 2563

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงกรณีเฟสบุ๊กออกแถลงการณ์ หลังจากกระทรวงดีอีเอสขออำนาจศาลเพื่อให้ปิดกั้นเพจที่ผิดกฎหมายว่า 

เมื่อ 15 วันที่ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนถึงสื่อโซเชียล โดยขอให้ช่วยลบ และนำข้อความออก จำนวน 1,129 ยูอาร์แอล โดยได้มีคำสั่งศาลแนบไปด้วย ซึ่งเฟซบุ๊กได้ลบให้ทั้ง 1,129 ยูอาร์แอล รวมถึงกลุ่มรอยัลลิสมาร์เก็ตเพลสที่มีข่าวไปก็อยู่ใน 1,129 รายการนี้ที่แจ้งไปเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งเฟสบุ้คได้ดำเนินการปิดกั้นในประเทศไทยแล้ว 

รวมถึงมีการดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่ในกลุ่ม เพราะมีการมาโพสท์แล้วผิดกฏหมาย ไม่ว่ากลุ่มไหนก็ตาม ถ้ามีการแชร์ต่อ จริง ๆ แล้วทั้งคนที่โพสท์และคนที่แชร์ก็มีความผิด

นอกจากนี้วันนี้กระทรวงฯ ได้เตรียมส่งหนังสือแจ้งเตือนการติดตามการปิดกั้นตามคำสั่งศาลไปยังสื่อสังคมออนไลน์ และเว็บไซต์ เพื่อระงับการแพร่หลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมายอีก 1,024 รายการ (URL) แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก จำนวน 661 รายการ, ยูทูบ 289 รายการ, ทวิตเตอร์ 69 รายการ และเว็บอื่นจำนวน 5 รายการ

โดยทุกแพลตฟอร์มต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล นับจากวันที่ 25 ส.ค.นี้ไป ถ้ายังไม่มีการลบหรือไม่มีการดำเนินการใด ๆ เราก็ต้องดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลของไทย ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 27 

นายพุทธิพงษ์ เสริมว่า “พรบ.คอมพิวเตอร์ ทางกระทรวงไม่ได้คิดเอง ไม่ได้ใช้ พรบ. ไปรังแกใคร เราใช้คำสั่งศาลภายใต้กฏหมายของประเทศไทย เราปกป้องอธิปไตยของไทย ซึ่งวันนี้อาจจะไม่ได้มาในรูปแบบของพื้นที่ เป็นขอบเขตดินแดนเหมือนเดิม แต่เป็นอธิปไตยไซเบอร์ ซึ่งมันมาเร็วและเสียหายกับคนไทยต่อเนื่อง” 

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามหากแพลตฟอร์มโซเชียลจะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีรัฐบาลไทย และกล่าวหารัฐบาลในการแทรกแซงบั่นทอนการลงทุนในไทย ในการให้บล็อกบัญชีเฟซบุ๊กมาจริง ทางกระทรวงฯก็มีทีมกฎหมายที่จะชี้แจงตามกระบวนการยุติธรรม 

ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะมีการฟ้องร้อง เพราะคำขอที่ขอไปได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีจากเจ้าของแพลตฟอร์ม อีกทั้งกระทรวงฯ มีมาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย และหากแอดมินของเพจที่ผิดกฎหมายจะเปิดเพจอีกกระทรวงฯก็จะดำเนินการอีกเช่นเดียวกัน

ส่วนที่บริษัทข้ามชาติจะมาลงทุนในเมืองหรือถอนการลงทุนในประเทศไทย ก็ถือเป็นสิทธิของบริษัทนั้นที่จะตัดสินใจ

ที่มา : thestandard, siamrath, @BeePunnakanta

TAG :
Writer Profile : jazz.ordinaryday
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save