iOS 11 จะมาพร้อมกับความฉลาดที่มากขึ้นกว่าเดิม! ทั้งฟีเจอร์ภาพถ่ายที่ย่อขนาดไฟล์ให้เล็กลงในคุณภาพเท่าเดิม, Control Center ที่ปรับหน้าตามาใหม่ให้ผู้ใช้สามารถดีไซน์การใช้งานของตัวเองได้มากขึ้น, Siri ที่จะเรียนรู้การใช้งานจากพฤติกรรมของเราจนอาจกลายเป็นผู้ช่วยคนโปรด และนอกจากนี้แอปฯ ที่เราใช้เป็นประจำหลายตัวก็เปลี่ยนหน้าตาและฟีเจอร์ออกมาน่าใช้งานมากขึ้นด้วย เปิดให้ดาวน์โหลดพร้อมกันวันที่ 19 กันยายนนี้! 1. Photos Live Photos : สามารถทำเป็น Loops (ให้ภาพเล่นวน) ได้ Bounce รูป (การเล่นไปข้างหน้าและเล่นย้อนกลับ) ได้ ถ่ายเป็น Long Exposure ได้เหมือนกล้อง DSLR เลยเหมาะกับการถ่ายแสงสีตอนกลางคืนมากๆ นอกจากนี้ยังสามารถ Trim รูปได้, เลือกภาพที่จะให้เป็นรูปหลักได้และปิดเสียงได้ Portrait Movie : สามารถสร้างวิดีโอจาก Memories ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนแล้ว (จากแต่เดิมที่ทำได้แค่แบบแนวนอนเท่านั้น) 2. Camera ภาพและวิดีโอจะมีขนาดไฟล์เล็กลง (เหลือแค่ครึ่งหนึ่งจากเดิม) ในขณะที่มีคุณภาพดีเท่าเดิม เพราะใน iOS 11 จะมีเทคโนฯ High Efficieny Video Coding (HEVC) ที่ทำให้บีบอัดข้อมูลได้มากขึ้น 2 เท่า Portrait Mode จะถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น, สีผิวของคนจะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น, ปรับปรุงระบบกันสั่น รวมถึงระบบ HDR ด้วย 3. Control Center ดีไซน์หน้าตาใหม่ทั้งหมด โดยรวมหน้า Now Playing และ Home ให้อยู่ในหน้าเดียวกัน (จากแต่เดิมต้อง Swipe) มีปุ่มให้เปิดปิด Cellular แล้ว!!!!!!!!!!! (ต่อไปนี้จะเปิดปิดเน็ตมือถือก็ไม่ต้องเข้าไปใน Setting อีกต่อไป) 4. App Store เปลี่ยนดีไซน์ใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนไอคอนใหม่ให้มีหน้าตาเหมือนกับ tvOS แถบด้านล่างมีทั้งหมด 5 แถบ ได้แก่ Today, Games, Apps, Updates และ Search (จากแต่เดิมเป็น Features, Catagorie, Top Charts, Search และ Updateds) Today: จะแสดงคลิปตัวอย่างสั้น ๆ และเทคนิคต่าง ๆ ของแอพที่แนะนำในแต่ละวัน Games & Apps: สามารถกดดูเนื้อเรื่องย่อของเกม คลิปวิดีโอวิธีเล่น แนะนำเกม และดูคะแนนรีวิวได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญหากเรารีวิวแอพ นักพัฒนาสามารถตอบกลับรีวิว คอมเมนท์ของเราได้ด้วย 5. iMessages ย้ายแถบเลือกสติกเกอร์มาไว้ด้านล่าง ทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น (ไม่ต้องกดหลายขั้นตอนอีกต่อไป) Messages in iCloud : เชื่อมต่อข้อมูลใน iMessage ระหว่างอุปกรณ์ได้แบบ Real-time (ไม่ว่าจะ iPhone, iPad หรือบนแมค ก็จะเห็นข้อความเดียวกัน) 6. Siri Translation : Siri สามารถแปลภาษาโดยกดพูดได้ทันทีได้แล้ว ตอนนี้รองรับแค่ ภาษาอังกฤษ แปลเป็นภาษาจีน, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน Apple Music : แค่บอกว่า “play some music” Siri ก็จะเล่นเพลงโปรดของคุณขึ้นมา และยังสามารถบอกได้ด้วยว่าใครเป็นมือกลอง Multi Results: สามารถแสดงผลการค้นหาได้หลายอย่างในการค้นหาครั้งเดียว รองรับระบบอื่นๆ เช่น Workout, สแกน QR Code, Car Controls, VoIP Calling, การค้นหารูปภาพ, การจ่ายเงินต่าง ๆ สามารถใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้ เช่น ตั้งนาฬิกาปลุกจาก Mac และ Siri จะไปตั้งปลุกให้ใน iPhone (ซึ่งเวอร์ชันปัจจุบันทำไม่ได้) ปรับปรุงเสียงพูด Siri ใหม่ ให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น 7. Apple Music สามารถสร้าง Profile ให้เพื่อนกดติดตามได้แล้ว ทำให้ฟังเพลงจาก Playlist ที่เพื่อนแชร์ไว้ได้ 8. Apple Pay สามารถโอนเงินและรับเงินด้วย Apple Pay ผ่าน iMessage ได้แล้ว ที่สำคัญขั้นตอนในการโอนสะดวกมากๆ 9. Apple Maps Indoor Maps : แสดงรายละเอียดภายในอาคาร เช่น ห้าง, สนามบิน (เหมือนกับ Google Maps) Lane Guidance : แสดงเลนบนถนนที่ต้องเข้าก่อนทำการเลี้ยว และความเร็วสูงสุดที่สามารถวิ่งได้บนถนนแต่ละเส้น Do Not Disturb: เมื่อเชื่อมกับ CarPlay จะไม่มี Notification แสดงบน iPhone และไม่สามารถใช้งาน iPhone ได้ โดยเมื่อมีคนส่งข้อความมา จะมีข้อความตอบกลับอัตโนมัติว่ากำลังขับรถอยู่ จะตอบกลับภายหลัง 10. Home ระบบ Multi-room สามารถเปิดเพลงพร้อมกันได้หลายๆ ลำโพง ซึ่งผู้ใช้สามารถควบคุมลำโพงโดยใช้ Control Center, แอปฯ Home หรือ Siri ได้โดยง่าย AirPlay 2 สามารถแชร์เพลงจาก Apple Music, สามารถใช้งานร่วมกับ Apple TV รุ่นใหม่ได้ 11.QuickType keyboard iOS รองรับคนที่ชอบพิมพ์มือเดียว โดยในโหมดนี้คีย์บอร์ดทั้งหมดจะเลื่อนมาชิดด้านหนึ่งมากขึ้น ให้พอดีกับนิ้วโป้งของพวกเรา อุปกรณ์ ที่ iOS 11 รองรับทั้งหมด มีอะไรบ้าง? 1. iPhone iPhone 5S iPhone SE iPhone 6 iPhone 6 Plus iPhone 6S iPhone 6S Plus iPhone 7 iPhone 7 Plus 2. iPad iPad mini 2 iPad mini 3 iPad mini 4 iPad 5 iPad Air iPad Air 2 iPad Pro 9.7 iPad Pro 10.5 iPad Pro 12.9 3. iPod iPod Touch 6th generation จะ Update iOS 11 ได้เมื่อไหร่? เปิดให้ดาวน์โหลดพร้อมกันวันที่ 19 กันยายนนี้! หากสนใจ ก็สามารถเลือกซื้อสินค้า. Apple ออนไลน์ได้ ที่นี่