หลังจากที่มีรายงานว่าที่เชียงใหม่ มีการตรวจพบว่าหญิงสาวรายหนึ่งอายุ 29 ปี ป่วยเป็น Covid-19 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และมีการสืบประวัติเพิ่มเติมทำให้รู้ว่าผู้ป่วยอาจมีโอกาสสัมผัสกับบุคคลอื่น 326 ราย โดยจากการสืบประวัติทำให้เห็นไทม์ไลน์ของผู้ป่วยที่ชัดเจนขึ้น หลังจากที่วันแรกยังมีความสับสนในข้อมูล ซึ่งผลการสืบสวนข้อมูลของผู้ป่วยทำให้เห็นว่ากลุ่มเสี่ยงที่ผู้ป่วยมีโอกาสสัมผัสแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ ผู้สัมผัสความเสี่ยงสูง จำนวน 105 ราย แบ่งเป็นผู้สัมผัสในชุมชน 65 ราย ยานพาหนะ 40 ราย ผู้สัมผัสความเสี่ยงต่ำจำนวน 149 ราย แบ่งเป็นผู้สัมผัสในชุมชน 140 ราย ยานพาหนะ 9 ราย ผู้สัมผัสรายอื่นๆ 72 ราย สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายนี้กระทรวงสาธารระสุขได้ออกมาให้ข้อมูลดังนี้ 24 ตุลาคม – 23 พฤศจิกายน ผู้ป่วยอยู่ในประเทศเมียนมาร์ 23 พฤศจิกายน ผู้ป่วยเริ่มมีอาการป่วยด้วยอาการไข้ ถ่ายเหลว จมูกไม่ได้กลิ่น 24 พฤศจิกายน ยังมีอาการไข้ ไอ ปวดศีรษะ จากนั้นในวันเดียวกัน ผู้ป่วยให้ข้อมูลว่า เวลา 05.00 น. เดินทางจากเมียนมาเข้าแม่สาย จังหวัดเชียงราย ด้วยรถตู้สาธารณะ เวลา 11.00 น. เดินทางจากเชียงรายมาเชียงใหม่ด้วยรถบัสประจำทาง เวลา 14.51 น. เดินทางถึงเชียงใหม่ ใช้บริการ GrabCar 1 กลับคอนโดของผู้ป่วย ช่วงกลางคืนใช้บริการรถ GrabCar 2 ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านสันติธรรมกับเพื่อน 2 คน มีการสูบบุรี่ร่วมกัน เวลา 02.00 น. เข้าพักค้างคืนที่คอนโดแห่งหนึ่งของเพื่อนที่มาจากสถานบันเทิงด้วยกัน พร้อมกับเพื่อนคนที่ 1 และมีเพื่อนคนที่ 2 และคนที่ 3 ซึ่งพักอยู่ในห้องใกล้กันและตรงข้ามกันเข้ามาร่วมดื่มสุรา 25 พฤศจิกายน เวลา 12.00 น. ออกจากคอนโดของเพื่อน ใช้บริการ GrabCar 3 จากนั้นในวันเดียวกัน ผู้ป่วยให้ข้อมูลว่า เวลา 13.00 น. เดินทางกลับถึงคอนโดที่พักของผู้ป่วย เวลา 15.30-20.30 น. ใช้บริการรถ GrabCar 4 ไปห้างสรรพสินค้า และอยู่ในห้าง โดยมีกิจกรรมคือ ชมภาพยนตร์ ทานอาหาร และเดินซื้อของ โดยพฤติกรรมส่วนใหญ่ของผู้ป่วยสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่ไม่ตลอด และได้เรียก GrabCar 5 กลับคอนโด 26 พฤศจิกายน เวลา 15.30 น. ใช้บริการ GrabCar 6 เพื่อไปตรวจที่ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น และถ่ายเหลว อุณภูมิร่างกาย 36.9 องศาเซสเซียส ตรวจหาโควิด-19 จากนั้นวันเดียวกัน เวลา 22.00 น. ส่งต่อ เข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ รพ.นครพิงค์ 27 พฤศจิกายน ผลตรวจยืนยันพบเชื้อ ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค สสจ.เชียงใหม่ และ สคร.1 ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรค ทั้งนี้ทางกระทรวงสาธารณะสุขจึงอยากทุกคนสวมหน้ากากและล้างมืออยู่เสมอ ในพื้นที่สาธารณะ ส่วนจุดเสี่ยงที่เป็นชายแดนก็ยังต้องเฝ้าระวังเรื่องการระบาดของโควิด – 19