นาทีนี้ใครบ้างไม่รู้จัก BNK48 คิดว่าคงแทบจะไม่มี อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเคยได้ยิน หรือได้เห็นสาวๆ BNK48 ผ่านสายตามาแล้วไม่มากก็น้อย การเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ไม่ใช่ความฟลุ๊ค แต่เกิดขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ของ ‘ต้อม – จิรัฐ บวรวัฒนะ’ CEO BNK48 Office ที่มองว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อทำให้ BNK48 เป็นที่รู้จัก จะทำอย่างไรที่จะปิดจุดอ่อนของ BNK48 และจะทำอย่างไรให้ BNK48 เติบโตอย่างยั้งยืน วันนี้ก้าวแรกของ BNK48 ผ่านไปได้อย่างสวยงามในระดับที่ทำให้คนทำงานมีแรงใจจะก้าวต่อ การเปลี่ยนแปลงเริ่มเห็นชัดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวงที่เริ่มเติบโต ในแง่ธุรกิจก็ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทใหญ่ๆ ตั้งแต่ Plan B Media มาถือหุ้นและช่วยเรื่องสื่อโฆษณา ตั้งบริษัท BNK Production ร่วมกับ Workpoint เพื่อดูแลโปรดัคชันส์กับอีเวนต์ ล่าสุดได้ Shopee มาช่วยดูแลเรื่องช่องทางการจัดจำหน่าย แล้วก้าวที่สองของ BNK48 จะเป็นอย่างไร วันนี้ BNk48 อยู่ในจุดไหน คนที่ตอบคำถามนั้นก็ต้องเป็นเขานี่แหละ ดีลล่าสุดระหว่าง Workpoint กับ BNK48 ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งที่เราทำเป็นลักษณะของการหาผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีฝีมือคนที่มีความแข็งแรงในแต่ละด้านมาช่วยกันทำ ต้นสังกัดที่ญี่ปุ่นก็เป็นอย่างนี้ เราถือว่านี่คือ Long-Term Commitment ถ้าเกิดทางเวิร์คพอยท์และเราเห็นโอกาสนี้ในระยะยาวก็คงจะทำงานร่วมกัน ถ้าไม่เห็นภาพนี้ร่วมกันเราคงแค่ส่งน้องไปร่วมออกรายการแค่นั้น แต่ดีลนี้เกิดขึ้นเป็นเพราะทั้งเวิร์คพอยท์และ BNK48 เห็นภาพตรงกันในระยะยาว ที่ผ่านมาเราทำรายการทีวีเพื่อที่จะนำเสนอคาแรคเตอร์ เรื่องราวของน้องทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเราทำเองก็แน่นอนว่าทำได้ไม่ดีมากนัก ถ้าเทียบกับคนที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ เราเลยหาคนที่มีความเชี่ยวชาญมาทำแทนดีกว่า กระทั่งมีโอกาสได้คุยกับเวิร์คพอยท์ ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องโปรดัคชันส์และอีเวนต์ ผมคิดว่าการได้พันธมิตรอย่างเวิร์คพอยท์ มานั้นคือการแก้ไขจุดอ่อน และขยายผลในจุดแข็งได้ Workpoint จะช่วยดูแลเรื่องใดบ้าง เวิร์คพอยท์มีความเชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนารายการวาไรตี้ เกมโชว์ คอนเสิร์ต รวมทั้งอีเวนต์หลากหลายรูปแบบที่น่าสนใจ ในส่วนของโปรดัคชันส์เราก็ยังใช้พันธมิตรคนอื่นอยู่ด้วยที่เคยร่วมงานกัน แต่หลังจากนี้เราจะใช้บริษัทที่เปิดขึ้นมาซึ่งก็คือ BNK Production ในการทำงานอีเวนต์ที่หลากหลาย บางโปรเจกต์ของงานโปรดัคชันส์เราก็ให้ BNK Productio ทำ แต่เราก็ยังทำงานร่วมกับคนอยู่ อย่าง MV เราก็ยังหาผู้กำกับที่มีแนวทางตรงกับธีมของเพลงนั้นๆ มาร่วมงานด้วย มีความกังวลว่าจะเอาดราม่าของน้องๆ มาขายในรายการทีวีหรือเปล่า ผมเอาความจริงเป็นที่ตั้ง ความสนุกในการตามน้องๆ BNK48 คือเรื่องราวที่แท้จริงๆ นั่นคือความเก่ง ความฉลาดของเวิร์คพอยท์ ที่จะเอาความจริงมานำเสนอให้ชัด แต่การตอกย้ำดราม่าด้วยความไม่จริงนั้นไม่ใช่แนวทางของ BNK48 แล้วกับ Plan B Media เข้ามาช่วยอะไรบ้าง เเพลนบี มีเดีย เป็นผู้ถือหุ้นที่มีศักยภาพสูงในการที่จะช่วยเรื่องการสื่อสารเป็นวงกว้างเพื่อสร้างการรับรู้ให้ได้มากขึ้น เช่น BNK48 เป็นกลุ่มศิลปินที่เปลี่ยนชุดบ่อย บางซิงเกิ้ลก็มีสองชุด ฉะนั้นการสื่อสารเรื่อง Visual สำคัญ ภาพที่ออกไปสำคัญไม่แพ้บทเพลงเลย ดังนั้นการสร้างอิมแพ็คให้เกิดขึ้นกับสังคม วันนี้เราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแพลนบี เข้ามาสร้างการรับรู้ไปสู่วงกว้างได้มากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เเพลนบี มีสื่อนอกบ้านที่มีศักยภาพเยอะแยะมากมาย ทั้งในรถไฟฟ้า จอตามสี่แยก แม้กระทั่งจอที่ใหญ่ที่สุดในประเทศหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ นอกเหนือจากนั้นคือคอนเนคชั่นที่เขาจะพาเราไปคุยกับสปอนเซอร์ และทำให้สปอนเซอร์ต่างๆ ได้รับ Benefit กลับไปผมคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้ก็น่าจะมาช่วยกันได้ BNK48 ผ่านมาปีกว่าๆ แล้วมีอะไรที่ง่ายขึ้นหรือมีอะไรที่ยังยากอยู่ ในแง่ของการทำงานกับทางญี่ปุ่น เราผ่านการเรียนรู้ร่วมกันมาโดยตลอด ถ้าเรียกว่าเป็นคู่สมรสเราก็สมรสมาสองปีแล้ว ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาด้วยกัน เห็นตั้งแต่ยังไม่มีอะไร แต่วันนี้หัวใจสำคัญคือเราทั้งสองฝั่งมองว่าเรายังมีอนาคตให้ไปต่ออีกไกล เราไม่ได้มองว่านี่คือความสำเร็จ เราพูดอยู่เสมอว่านี่คือก้าวแรกที่สวยงาม เรายังมีก้าวที่สอง ก้าวที่สาม ก้าวที่สี่ ช่วงแรกตอนที่ยังยืนอย่างโดดเดี่ยวคุณท้อแค่ไหน ผมมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนและนั่นคือจุดแข็งที่ทำให้เราทำงานร่วมกับทางญี่ปุ่น เรารู้ว่าต้องทำอะไร แต่ถามว่าเครียดไหมมันมีอยู่แล้ว ช่วงแรกก็มีความอีดอัดเพราะเราทำได้ไม่ดี เราไม่สบายใจ ผมพูดอยู่เสมอว่าถ้ามีคนสนใจเมื่อไหร่ เราอยากจะหาคนเก่งๆ มาช่วยทำแล้วมันจะค่อยๆ ดีเองเพราะมีคนเก่งๆ ในแต่ละด้านมาช่วยเรา ถ้าวันนั้นผมไม่มีความเชื่อมั่น ตัวน้องๆ ไม่มีความเชื่อมั่น โปรเจกต์นี้ก็คงอยู่ต่อจนถึงวันนี้ไม่ได้ แม้ว่าวันนี้จะไม่สำเร็จแต่ก็ทำให้เราผ่านจุดที่ยากที่สุดจุดหนึ่งได้แล้ว วันนี้ก็ยังมีจุดที่ยากลำบากอยู่ ส่วนผมก็มีหน้าที่ทำให้คนอื่นๆ เชื่อว่ามันจะยังอยู่ได้เหมือนที่ญี่ปุ่นทำให้เห็นว่าเขาก็ยังคงอยู่ แล้วความท้าทายของคุณในก้าวต่อไปคืออะไร ความท้าทายของเราที่ทำให้ BNK48 เกิดการรับรู้ รับทราบ รู้จัก และชื่นชมน้องๆ ในระดับแมสทำได้แล้ว แต่ความท้าทายต่อไปคือเรื่องของความยั่งยืน นี่คือสิ่งที่เราต้องทำให้ได้ อย่างที่ญี่ปุ่น AKB48 อยู่มาแล้ว 13 ปียอดขาย CD ก็สูงเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นเราจะทำยังไงให้ BNK48 อยู่ได้อย่างยั่งยืนด้วย ถ้าให้คะแนนตัวเองอยู่ที่ระดับไหนวัดจาก 1 – 100 คะแนน ผมเคยพูดว่าอยากจะเห็นน้องๆ ไปเล่นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน จุคนได้ 65,000 คน ไม่ใช่หมายความว่าเราอยากจะให้น้องๆ ไปเล่นคอนเสิร์ตที่นั่นเฉยๆ แต่ผมเชื่อว่าวันนี้ถ้าเราจัดคอนเสิร์ตที่นั่นเราก็จะมีแฟนประมาณนึงได้ แต่ว่าน้องๆ ยังเล่นคอนเสิร์ตที่เอาคนเยอะขนาดซ้ายสุดไปขวาสุดหลังสุดไปหน้าสุดให้อยู่ได้หรือยัง ผมคิดว่ายัง เพราะขณะที่น้องโชว์อยู่หลายครั้งยังเป็นลิปซิงค์ ตัวน้องเองก็รู้ว่ายังต้องพัฒนาต่ออีกเยอะ มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่าเราจะพาน้องไปเล่นคอนเสิร์ตเฉยๆ แต่อยู่ที่ว่าน้องจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าเกิดทำได้แล้ว ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องไปต่อ เรายังมาไม่ถึง 10 คะแนนเลย แล้ว 100 คะแนนที่เป็นเส้นชัยคืออะไร 100 คะแนนคือที่ประเทศจีน ตั้งเป้าว่าเราจะทำให้ได้ไม่ใช่แค่ลองทำดู ผมมีเป้าหมายอยากจะพาคำว่าประเทศไทยไปยืนอยู่ในท็อปของเอเชียด้วยการพาน้องๆ ไปโด่งดังในจีน เป็นแบรนด์เรือธงที่จะพาแบรนด์ไทยหลายแบรนด์ไปด้วยกัน นี่คือความมุ่งมั่นของเรา พอจะบอกได้ไหมว่าจะได้เห็น BNK48 รุ่นสองมาเมื่อไหร่ คำตอบคือบอกไม่ได้ (หัวเราะ) ถ้าเกิดบอกไปคุณก็ไม่สนุกสิ ต้องยอมรับว่าความสนุกของการตาม BNK48 คือคุณไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่คุณมีสิทธิ์ที่จะคาดเดา แต่ทุกอย่างถูกวางแผนไว้อยู่แล้วเป็น Year plan แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงบ้างตามเหตุและผล ส่วนการมาของรุ่นสอง ไม่ใช่ช่วงของการช่วงผลัดใบ แต่เป็นการก้าวไปอีกขั้น บางคนไม่เข้าใจว่ามีรุ่นสองมาแล้วรุ่นที่หนึ่งจะไปไหน หน้าที่ของผมก็คือต้องไปเล่าให้คนอื่นฟังว่า ระบบเราไม่เหมือนรายการโทรทัศน์ที่รุ่นหนึ่งไปรุ่นสองมา แต่ความสนุกของระบบ 48 คือ รุ่นที่ 1 อยู่ส่วนรุ่นที่ 2 เข้ามาทบเพิ่มแล้วการแข่งขันก็สูงขึ้นแล้วการตาม BNK48 จะสนุกขึ้นในทุกๆ ครั้งที่มีการแข่งขันที่มากขึ้น เราจะไม่เอาใครมาแทนใคร ความสุขที่สุดและความเครียดที่สุดในการเป็น CEO ของ BNK48 คือเรื่องไหน ความสุขที่สุดคือทุกครั้งที่ผมเห็นคอมเมนต์ที่มีความสุขกับการตาม BNK48 ไม่ว่าจะมาจากคนที่มีความเศร้า ความทุกข์ หรือสนุกก็แล้วแต่ ผมรู้สึกว่านี่คือการเล่าเรื่องดีๆ ให้กับสังคม ส่วนเศร้าที่สุดคือเรื่องที่เราทำอะไรบางอย่างหรือหลายอย่างแล้วทำได้ไม่ดี แต่จะมีความสุขก็ต่อเมื่อพัฒนามันแล้วทำได้ดีขึ้น ที่ผ่านมาคุณรับมือกับคำวิจารณ์บทอินเทอร์เน็ตอย่างไร ผมรับมือด้วยการอ่านมันให้หมดเลย ซาดิสนิดนึง (หัวเราะ) ผมอ่านเองหมดเลยก่อนนอนด้วยมันจะเป็นฝันร้ายของผม แต่ผมอยู่กับมันได้ ผมอยู่กับคอมเมนต์ที่ด่าผมได้ เพราะผมอยู่กับคอมเมนต์ทั้งชมและด่ามาตลอลดปีกว่าๆ ที่เดบิวท์มา ผู้รู้สึกว่าไม่ว่าคำชมก็เป็นกำลังใจ คำติชมก็เป็นสิ่งที่เรานำมาพัฒนา ถ้าเกิดคุณดูทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำอยู่ เรานำคำติชมมาใช้หมด ผมหัวร้อนเสมอกับทีมงานเวลาที่เปิดอ่านแล้วเจอว่าทำไมมันเกิดอย่างนี้ขึ้น แต่ทีมงานก็ช่วยกันอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาให้เราไปได้ต่อ ถ้ามีบัตรจับมือ อยากจะจับมือใคร คุณเชื่อผมไหม ผมไม่เคยอยากจะจับมือน้องเลยสักครั้ง และผมก็ไม่อยากจะจับมือใครเลยสักคน ทำไมล่ะ เพราะผมคือ CEO ของ BNK48 Office