category ส่องปรากฏการณ์และการเดินทางของศิลปินสาวมหัศจรรย์ Billie Eilish 

Writer : Hanachan

: 24 สิงหาคม 2565

ส่องปรากฏการณ์และการเดินทางของศิลปินสาวมหัศจรรย์ Billie Eilish 

ถ้าให้พูดถึงศิลปินมากความสามารถ แน่นอนว่าเจ้าของฉายา “ศิลปินสาวมหัศจรรย์” อย่าง Billie Eilish (บิลลี่ ไอลิช) ต้องติด 1 ในลิสต์ที่คอเพลงคิดกันอย่างแน่นอน เพราะไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างผมเขียวนีออน แต่ทักษะการร้องที่มาพร้อมกับเพลงเพราะๆ ไปจนถึงเสน่ห์เวลา perform ก็ไม่เป็นสองรองใคร 

ซึ่งตั้งแต่เปิดตัวในฐานะศิลปินเธอคนนี้ก็ได้สร้างปรากฏการณ์แห่งดนตรีหน้าใหม่ให้แฟน ๆ ได้ตื่นตาตื่นใจกันไม่น้อย จนกลายเป็นอีกหนึ่งไอคอนขวัญใจแฟนคลับทั่วโลกเลยทีเดียว

ถ้ามองย้อนกลับไป ถ้าใครที่ตามสาวบิลลี่มาตั้งแต่ต้น คงรู้สึกเหมือนกันว่าเวลาผ่านไปเหมือนกันนะ! จากจุดเริ่มต้นในปี 2015 มาจนถึง 2022 ก็นับเป็นเวลากว่า 7 ปี จากเด็กสาววัย 14-15 ในวันนั้นมาถึงตอนนี้ บิลลี่เติบโตและเปลี่ยนแปลงทั้งด้านความคิด ศักยภาพ ผ่านร้อน ฝน หนาว มาหลายเวที 

และอีกหลายประเด็นที่ศิลปินคนนี้ต้องเผชิญ แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ข้างเธอเสมอคือความรักของแฟนๆ และพี่ชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ผู้ผลักดันให้เธอได้เป็นเธอในวันนี้ 

จาก Ocean Eyes สู่เวิลด์ทัวร์ของบิลลี่ ร้อยเรียงไปกับปรากฏการณ์ต่างๆของผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะเป็นการติด Billboard 200, คว้ารางวัลบนเวทีออสการ์และแกรมมี่, ทำงานร่วมกับศิลปินดังมากมาย 

Mango Zero จะพาทุกคนมาย้อนเส้นทาง และปรากาฏการณ์ที่น่าประทับใจ ของหญิงสาวผู้เป็นดั่งความหวังในวงการเพลงของคนรุ่นใหม่ มาออกเดินทางตามเส้นทางความสำเร็จของบิลลี่ไปพร้อมกันนน~ 

 

2015 

จุดเริ่มต้นที่ไม่ได้มีแค่ 1 คน แต่มาจากพี่น้องสองคนผู้หลงใหลในดนตรี ขณะที่ Finneas พี่ชายของบิลลี่ ได้เริ่มทำวงดนตรี เขาได้รับหน้าที่โปรดิวซ์เองทั้งหมด และได้แต่งเพลงที่เปิดโลกดนตรีของบิลลี่ให้กว้างขึ้นอย่าง Ocean Eyes ซึ่งทั้งคู่ชอบเพลงนี้มาก บิลลี่ได้ร้องและปล่อยบนช่องทางออนไลน์ SoundCloud ผ่านไป 2 สัปดาห์ ปรากฏว่าเพลงนี้มียอดผู้ฟังกว่าหลายแสนคน นี่จึงกลายเป็นหนทางของทั้งคนสองในการก้าวเข้าสู่วงการเพลง 

2016 

ด้วยเพลง Ocean Eyes ที่ดังและได้รับความสนใจ ก็ทำให้สาวบิลลี่ได้เซ็นสัญญาและเปิดตัวในฐานะศิลปินค่าย Interscope Records และปล่อยเพลง Ocean Eyes และ Six Feet Under สำหรับดาวน์โหลดและสตรีมแบบดิจิทัลออกมา 

2017 

ก่อนจะสร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง ด้วยอัลบั้มแรกในชีวิตอย่าง EP. Don’t Smile at Me อัลบั้มเพลงเพราะชวนฮิต เช่น Copycat, Bellyache, My Boy และ idontwannabeyouanymore ที่สามารถไต่ไปถึงอันดับที่ 14 บนชาร์ต Billboard 200 ได้สำเร็จ 

2018 

เธอยังคงขยันทำงานและออกเพลง ให้แฟนๆได้เสพอยู่เรื่อยมา นอกจากนี้บิลลี่ยังได้ทำงานร่วมกับศิลปินดัง Khalid ในซิงเกิล Lovely และเป็นเพลงประกอบซีรีส์ 13 Reasons Why จากซีซัน 2 ซึ่งน่าสนใจไม่แพ้ไปกว่าซิงเกิลอื่นๆที่ออก อย่าง Bored จาก 13 Reasons Why ซีซั่น 1,  You Should See Me in a Crown, When the Party’s Over และ Come Out and Play

2019 

ได้ฤกษ์ปล่อยสตูดิโออัลบั้มแรกในปี 2019 กับอัลบั้มที่มาพร้อมปกชวนหลอนนิดๆ When We All Fall Asleep, Where Do We Go? ประกอบด้วยเพลงดังสุดฮิตติดหูที่ทุกคนต้องเคยได้ยินอย่าง Bad Guy

โดยอัลบั้มนี้ได้ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard 200 และ UK Albums Chart ได้อย่างน่าประทับใจ บิลลี่กลายเป็นศิลปินคนแรกที่เกิดในปี 2000 ที่มีอัลบั้มครองอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา และเป็นศิลปินหญิงที่อายุน้อยที่สุดที่มีอัลบั้มครองอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ ยังได้ร่วมขึ้นแสดงบน Coachella เป็นครั้งแรกในลุคผมสีน้ำเงิน ที่มาพร้อมกับสตรีทแวร์เอกลักษณ์ในแบบฉบับ Billie Eilish 

2020

ความปังไม่มีวันหมดแค่นี้ บิลลี่ขยายจักรวาลดนตรี ด้วยการร่วมเขียนและร้องเพลงเพลงประกอบภาพนนตร์ดัง James Bond ในเพลงที่มีชื่อว่า No Time to Die แถมยังกวาดรางวัลบนเวทีใหญ่ Grammy Awards ครั้งที่ 62 ในสาขาศิลปินหน้าใหม่, เพลงแห่งปี, การอัดยอดเยี่ยม, และอัลบั้มแห่งปีไปครอง 

นับเป็นศิลปินหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้ารางวัลจากเวทีดังอย่าง Grammy Awards ไปถึง 7 รางวัล (รวม 2 ปี) และได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง Grammy Awards รวมถึง 10 สาขารางวัลด้วยกัน 

ไม่ใช่แค่เวทีนี้เท่านั้น แต่ใครสนอยากรู้ว่าสาวบิลลี่เคยได้รางวัลอะไรมาบ้าง ก็สามารถเช็ครายชื่อรางวัลได้ที่นี่ฮะ https://timesofindia.indiatimes.com/topic/Billie-Eilish/awards?from=mdr    

2021 

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากกับสตูดิโออัลบั้มแรก บิลลี่ก็เดินหน้าปล่อยสตูดิโออัลบั้มที่ 2 อย่าง Happier Than Ever ออกมา ประกอบไปด้วยเพลงที่มีซาวด์ดนตรีน่าสนใจและได้รับความนิยมอย่าง Therefore I Am, Oxytocin, Everybody Dies, และเพลงที่ชื่อเดียวกับอัลบั้มอย่าง Happier Than Ever 

พร้อมคว้ารางวัล Record of the Year และ Best Song Written For Visual Media บนเวที Grammy Awards ครั้งที่ 63 นอกจากนี้ เธอยังมีสารคดีตัวแรกที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตอย่าง Billie Eilish: The World’s a Little Blurry ฉายบนช่องทาง Apple TV+ ความยาว 2 ชั่วโมง 20 นาที โดยเก็บฟุตเทจตั้งแต่ปี 2018 ช่วงการทำอัลบั้มแรกไปจนถึงต้นปี 2020

2022 

นอกจากปีนี้ บิลลี่จะเดินทางจัดเวิลด์ทัวร์ตั้งแต่ต้นปีกับสตูดิโออัลบั้ม Happier Than Ever ที่จัดทั้งแถบ North America, Europe, Asia และ Oceania กว่า 70 กว่ารอบการแสดง เธอยังสร้างสถิติของตัวเองด้วยการคว้ารางวัลแรกบนเวที Oscars ครั้งที่ 94 สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม No Time to Die มาครอง 

ด้วยความนิยมของ Billie Eilish ที่เพิ่มขึ้นๆ ทำให้ตอนนี้เธอเป็นศิลปินที่มียอดขายอัลบั้มกว่า 3 ล้านชุดในอเมริกา และมียอดขายกว่า 7.9 ล้านแผ่นทั่วโลก ซึ่งก็มีแฟนเพลงที่รอชมทุกความเคลื่อนไหวของศิลปินสาวมหัศจรรย์คนนี้ มาดูกันว่าศิลปินสาววัย 20 ปี จะสามารถสร้างปรากฏการณ์ในวงการเพลงได้อีกอย่างไร ~

ขอบคุณข้อมูลจาก Kapook, seventeen, mehaybkk, Times of India

Writer Profile : Hanachan
ฮานะจังมีความสุขกับการดูซีรีส์เกาหลีและท่องเที่ยวไปวันๆ Green tea lover / Japanese food forever ♡
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save