รายการ The Mask Singer คือรายการประกวดร้องเพลงรูปแบบใหม่ที่ความสนุก อยู่ตรงที่การเดาว่านักร้อง หรือคนดังที่อยู่ใต้หน้ากากโคตรอลังการงานสร้าง และอลังการงานเสียงนั้นเป็นใคร แต่ก็มีคนสงสัยว่าอยู่ใต้หน้ากากแล้วจะร้องเพลงได้อย่างไร เพราะทุกคนหน้ากากปิดหน้าทั้งหมด ขยับปากก็ยังลำบากเลย แล้วทำไมร้องเพลงได้เพราะจังเลย หรือว่ามีการลิปซิงค์ ใช่! ต้องลิปซิงค์แน่ๆ โดยวิเคราะห์กันไปตามสิ่งที่เห็น บางคนฟังธงไปเลยว่า ไม่สดเว้ย! ลิปซิ้งค์ชัวร์ แต่ก็มีคนมาแย้งว่าเฮ้ย! สดสิ ก่อนก่อนออกอากาศเขาก็ต้องมีการมิกซ์เสียงอีกรอบอยู่แล้วป่ะ อย่างไรก็ตามเราได้ไปสอบถามกันตรงๆ กับทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังรายการ ‘The Mask Singer หน้ากากนักร้อง’ เพื่อตามหาคำตอบที่คำทั่วโลกออนไลน์สงสัยว่า สรุป…ร้องสด หรือลิปซิงค์ พร้อมทั้งพาทีมงาน Mango Zero ไปดูหน้ากากของจริงถึงสตูดิโอเวิร์คพอยท์เพื่อพิสูจน์ความจริง ทีมของรายการ The Mask Singer ที่มาตอบรับ และพาทัวร์ดูหน้ากาก ยืนยันกับเราว่ารายการนี้ร้องสด 100% “อย่างแรกสุดเลยหน้ากากที่สวมนั้นต้องออกแบบมาให้ตรงกับสรีระของผู้ใส่เพื่อให้สามารถร้องเพลงได้อย่างสะดวก ซึ่งเราซีเรียสมากจริงๆ ว่าหน้ากากต้องให้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถรองรับกับการร้องเพลง การร้องเพลงสดได้ เพราะการร้องสดเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่เจ้าของลิขสิทธิ์รายการระบุไว้ในไบเบิ้ลเลย” “เราต้องไปปรึกษาทางดีไซน์เนอร์ ว่าต้องออกแบบอย่างไร สมมติอาจจะป็นเจาะตาข่ายให้เห็น แต่ว่าต้องใส่โม่งคลุมข้างในเพื่อให้เห็นแต่ปากอะไรแบบนี้ แต่ต้องสะดวกในการร้องเพลงด้วย เพราะข้อจำกัดว่ามันจะต้องร้องสด เราทำการบ้านกันมาหนักมากโดยเฉพาะเรื่องหน้ากากต้องใช้งานได้จริงๆ” ทีมงานที่ดูแลเรื่องหน้ากาก และชุดเล่าให้เราฟัง (สังเกตตรงปากจะมีรูตาข่าย ซึ่งออกแบบให้เสียงส่งผ่านออกมาได้จริงๆ ไม่ใช่แค่รูระบายอากาศเฉยๆ) ขณะที่ทีมที่ดูแลเรื่องคุณภาพเสียงก็อธิบายให้กระจ่างในเชิงเทคนิคว่าที่เห็นว่าเสียงดีนั้น ก่อนออกอากาศก็มีการปรับแต่งอยู่แล้วเหมือนรายการประกวดร้องเพลงอื่นๆ ที่ต้องเข้ากระบวนการมิกซ์เสียงก่อนจะปล่อยรายการออกไปเช่นกัน “ลองสังเกต the voice หรือรายการประกวดร้องเพลงเสียงจะดีหมดเลยตอนที่เราดูรายการ นั้นเพราะเวลาอัดรายการ มันอัดสด ร้องสดกันอยู่แล้ว แต่ว่ากระบวนการทำเทปบันทึก ในการมิกซ์เสียงก็ต้องมีการปรับใหม่ในห้องอัดเสียงเพื่อให้ออกมาดีที่สุด การจะยอมให้งานออกไปโดยเสียงพลาดนั้นมีน้อยมาก ดังนั้นก็จะต้องต้องปรับให้คนดูเวลาชมจากทีวี เสียงจะต้อง surround ให้ได้มากสุด ไม่ใช่แค่รายการเรา แต่รายการประกวดร้องเพลงอื่นๆ ทุกรายการในประเทศไทยจะทำแบบนี้เช่นกัน” “เวลาทำงานยอมรับว่าลำบากมาก เพราะเราไม่มีการซ้อมกันบ่อยๆ เหมือนรายการอื่น ขนาดพี่หนึ่ง (จักรวาล เสาธงยุติธรรม) ยังไม่เคยได้ซ้อมร่วมกับ หน้ากากของเราเลย ผมจะต้องนำคอมเมนต์จากหน้ากากไปบอกพี่หนึ่งว่า หน้ากากขอลดเสียงลงคีย์หนึ่งนะครับ หรือขอเพิ่มเสียงขึ้นอีกคีย์นะครับแบบนี้เขาไม่ไหว แล้วถ่ายทอดลักษณะเสียงของหน้ากากนั้นออกไปให้พี่หนึ่งเข้าใจ ขนาดเพศของหน้ากากพี่หนึ่ง ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ รู้ตอนรอบรันทรู ตอนเช้าก่อนถ่ายรายการนั่นแหละ ซึ่งก่อนถ่ายรายการเราจะซ้อมอีกรอบหนึ่งแล้วปรับก่อนถ่ายจริง” ทีมงานที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องดนตรีเล่าเบื้องหลังให้ฟัง หลังจากนั้นเราได้ไปชมหน้ากากสองชุดที่ทีมงานเตรียมมา โดยชี้ให้ดูถึงรายละเอียดที่หน้ากากก็พบว่าใต้หน้ากากมีการใส่ตาข่ายไว้ในจุดที่สามารถให้ผู้เข้าแข่งขัน ได้ร้องเพลงออกมาได้จริงๆ พร้อมกับพรางตัวเองไปได้ในตัว ไม่ใช่ตาข่ายเพื่อระบายอากาศอย่างที่ผู้ชมตั้งข้อสังเกต โดยชุดที่เราเห็นนั้นมีสองชุด (ไม่บอกว่าชุดอะไร เพราะความลับ) ทั้งสองชุดนี้บริเวณหน้ากากมีการดีไซน์ตรงปากไว้เหมือนกัน ต่างกันแค่ตำแหน่งของปาก ซึ่งสามารถใส่แล้วร้องเพลงออกมาได้ปกติ เพราะการออกแบบที่ดี หากยังไม่เชื่ออีก เรามีคลิปที่อธิบายชัดเจนว่าคนใต้หน้ากากนั้นร้องเพลงสดกันจริงๆ หรือเปล่า โดยสรุปแล้วรายการนี้ความสนุกอยู่ที่การเดาว่าใต้หน้ากากคือใคร ทำไมเสียงร้องถึงทรงพลัง แต่ไม่แปลกอะไรหากคนจะมองว่าทำไมอยู่ใต้หน้ากากแล้วถึงร้องดีจริง อย่างไรก็ตาม ทีมงานพยายามจะบอกว่า กว่ารายการนี้กว่าจะทำออกมาให้ผู้ชมได้ดูนั้น ทุกกระบวนการผ่านการคิด และทำมาอย่างตั้งใจ ดังนั้นการไม่ร้องสดในรายการ ก็เหมือนกับไม่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เช่นกัน การออกแบบหน้ากากจึงต้องจริงจังไปตามไปด้วย หากยังไม่เชื่ออีก ก็แนะนำให้มาดูอัดรายการที่สตูดิโอเองแล้วล่ะ
