โลกของการทำงานและโลกชีวิตจริงไม่สามารถขีดเส้นแบ่งชัดได้อีกต่อไป เมื่อมีแจ้งเตือนขึ้นว่าหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนกับคุณ ถึงเราจะไม่เคยพูดถึงเรื่องบริษัทในโลกออนไลน์เลยก็เถอะ แต่พื้นที่ตรงนี้ก็เต็มไปด้วยสิ่งที่เราไม่เคยแสดงออกไปเลยทั้งนั้น ถ้ารับแล้วเราจะยังเป็นตัวของตัวเองได้อยู่ไหมนะ? เมื่อทำให้มันชัดเจนไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีอยู่ร่วมกันในจุดที่เราพอใจ และอีกฝ่ายไม่เข้ามาถึงพื้นที่ของเราจนเกินไป ลองมาดูวิธีรับมือและสร้างขอบเขตเหล่านั้นขึ้นมากัน แบ่งกลุ่มในการแชร์เรื่องราวต่างๆ ถ้าเราโพสแบบนี้จะดูเด็กเกินไปหรือเปล่านะ หรือถ้าแชร์เรื่องเศร้าๆ จะทำให้ดูเป็นคนหดหู่หรือเปล่า ปัญหาเรื่องนี้จะหมดไป เพราะในบางแพลตฟอร์มสามารถเลือกได้ว่าต้องการซ่อนสเตตัสนี้จากใครบ้าง วิธีการนี้ยังทำให้เราสามารถเป็นตัวเองได้อยู่ แม้จะเป็นเพื่อนกับคนอย่างหลากหลายก็ตาม อย่าลืมว่ามีคนจับตาเราอยู่ในทุกที่ คนส่วนใหญ่ชอบแสดงความเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ในโลกออนไลน์ ซึ่งความเสี่ยงอย่างหนึ่งของการแชร์หรือแสดงความเห็นต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เราทุกคนต้องถูกตัดสินอย่างแน่นอน ดังนั้นก่อนจะลงอะไรก็เช็คก่อนสักนิดว่ามันจะสะท้อนว่าเราเป็นคนแบบไหนได้บ้าง เพราะทุกสเตตัสที่เราอัพสามารถสร้างคาแรคเตอร์ของเราได้ และจะอยู่เป็นภาพจำของคนอื่นต่อไปอีกนาน แพลตฟอร์มต่างกัน สื่อความหมายได้ไม่เหมือนกัน สิ่งที่เราแสดงออก ทุกโนติของเรา สามารถระบุได้ว่าเราอาจจะ “สื่อ” ถึงอะไรหรือเปล่า แน่ล่ะว่าการกดไล์คทุกรูปในอินสตาแกรม กับการกดไลต์ทุกโพสในเฟสบุ๊คย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว การที่เราทำไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่อีกฝ่ายอาจคิดก็ได้ ดังนั้นก่อนที่เราจะเทคแอคชันอะไรก็อย่าลืมคิดก่อนทำ และดูถึงความเหมาะสมว่าเราสามารถเทคแอคชันต่ออีกฝ่ายได้มากแค่ไหนด้วยนะจ้ะ ลบโพสได้ แต่ลบความรู้สึกที่เสียไปไม่ได้ การแสดงความคิดเห็นต่างๆที่เป็นประเด็นค่อนข้างอ่อนไหว เช่น การเมือง ศาสนา เป็นเรื่องที่ต้องระวัง การเชื่อมั่นและมีความคิดที่ไม่ตรงกัน อาจจะต้องใช้เวลาและการอภิปรายบนพื้นฐานของความเป็นเหตุเป็นผล ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้กลายเป็นประเด็นส่วนตัวได้และลุกลามเป็นปัญหาระยะยาวได้ ซ่อนดีกว่าอันเฟรนด์ บางครั้งอีกฝ่ายก็แชร์เรื่องราวเยอะมากเกินไปจนรกฟีดไปหมด แต่จะลบเพื่อนกันเป็นเลยก็กลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ในภายหลัง ลองหาวิธีที่ละมุนละม่อนในการรับมือ อย่างตอนนี้บางแพลตฟอร์มได้มีฟีเจอร์ยกเลิกการมองเห็นความเคลื่อนไหวแต่ยังคงสถานะความเป็นเพื่อนกันได้อยู่ เช่น การยกเลิกการติดตามในเฟซบุ๊ค หรือการซ่อนสตอรี่เพื่อนในอินสตาแกรม หรือคิดในแง่ดีไปเลยว่า การที่อีกฝ่ายแชร์เรื่องราวต่างๆ ของเขาถือเป็นบทเรียนให้กับเราได้ว่าการทำสิ่งใดนั้นดีหรือไม่ดี ก็ยังได้ การมีเพื่อนร่วมงานอยู่ในไทม์ไลน์ของเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเสมอไป เรายังสามารถเห็นความเคลื่อนไหวของเขาได้ แม้อีกฝ่ายจะเปลี่ยนงานหรือไม่ได้เจอกันแล้วก็ตาม และการได้เห็นตัวตนในด้านอื่นๆ ของเขา อาจทำให้เราเข้าใจเขามากขึ้น จนอาจพัฒนาเพื่อนร่วมงานเป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งก็ได้ ยังไงก็ตาม อย่าลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือการมีมารยาทในการเล่นโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ตาม ที่มา Huffpost