ขณะนี้เทรนด์ของเครื่องดื่ม 0% อย่างแอลกอฮอล์กำลังเป็นที่นิยมสำหรับการดื่มเพื่อเอาอรรถรส แน่นอนว่าทางฝั่งกาแฟก็มีเหมือนกัน เจ้าสิ่งนั้นเรียกว่า “กาแฟดีแคฟ” นั่นเอง รสชาติจะเป็นอย่างไร แตกต่างจากกาแฟปกติมากน้อยขนาดไหน เราจะพาไปดูกัน Decaf ไม่ได้แปลว่าคาเฟอีน 0% Decaf (มีชื่อเต็มๆ ว่า Decaffeinated Coffee) เป็นกระบวนการสกัดเอาคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟ ทำให้ปริมาณลดลงจนเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น คือประมาณ 1- 3% เพราะฉะนั้นก็อย่าคิดว่ามันไร้คาเฟอีนไปซะทีเดียว ส่วนรสชาติและความเข้มของสี ก็จะมีการเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นเห็นชัดจนขัดใจเรา โดยวิธีการในการสกัดคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟมีทั้งหมด 3 วิธีด้วยกัน ก็คือ การละลายเอาคาเฟอีนออกด้วยน้ำ ด้วย ตัวทำละลายอินทรีย์ หรือด้วยคาร์บอนไดออกไซต์ ซึ่งวิธีการต่างๆ ก็เป็นการพัฒนามาจากอดีตเรื่อยๆ นั่นเอง ใครที่สามารถดื่ม Decaf ได้บ้าง แต่ละคนมีความสามารถในการรับปริมาณคาเฟอีนไม่เหมือนกัน บางคนแค่ครึ่งแก้วก็ใจสั่น (เพราะกาแฟ ไม่ใช่เพราะแกฟะนะ) ในขณะที่บางคนดื่มได้สามถึงสี่แก้วต่อวัน ดังนั้นกาแฟดีแคฟ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องจำกัดปริมาณคาเฟอีน เช่น หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ต้องให้นมบุตร ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจ และระบบทางเดินอาหาร เช่น กระเพาะอาหารอักเสบ หรือมีความเครียดง่าย สามารถหาซื้อได้ที่ไหน สำหรับในประเทศไทย สามารถซื้อได้ที่ร้านกาแฟขนาดใหญ่ เช่น Starbucks เพียงแค่สั่งชนิดกาแฟตามปกติ และบอกว่าขอแบบดีแคฟ ก็จะได้กาแฟที่ราคาและรสชาติคล้ายๆ เดิม เพียงแค่ลดคาเฟอีนลงนั่นเอง โทษของ Decaf นอกจากจะต้องเตือนตัวเองว่ากาแฟดีแคฟไม่ช่วยทำให้แก้ง่วงอีกต่อไปได้แล้ว ในอดีตเคยมีงานวิจัยบอกว่าการดื่มกาแฟแบบดีแคฟนั้นมีอันตราย เพราะต้องผ่านกรรมวิธีทางเคมี แต่ในภายหลังก็ได้มีอีกหลายงานวิจัยออกมาค้านว่าสามารถดื่มได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นอาจจะต้องพึ่งวิจารญาณตัวเองอีกเล็กน้อยในการเลือกดื่มอีกด้วย แม้การดื่มกาแฟดีแคฟ อาจทำให้ได้รับประโยชน์น้อยกว่ากาแฟปกติ เพราะเป็นการสกัดเอาคาเฟอีนที่ช่วยในเรื่องปรับสมดุลด้านอารมณ์ กระตุ้นการเผาผลาญต่างๆ ออกไป จึงสามารถดื่มได้มากกว่ากาแฟทั่วไป แต่อะไรที่มากไป มักไม่ใช่เรื่องดีเสมอ เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมดื่มแต่พอดีด้วยนะ <3 ที่มา : Healthline