category Idol’s Life - Daisy Daisy ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ที่ส่องสว่างและส่งมอบความสุขให้กับทุกคน

Writer : kantapetch

: 13 กันยายน 2562

Daisy Daisy
ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ที่ส่องสว่างและส่งมอบความสุขให้กับทุกคน

“หญิงสาวก็เปรียบเหมือนดอกไม้

คือคำเปรียบเปรยที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี

วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับกลุ่มเด็กสาวที่ใช้ดอกเดซี่สีขาวบริสุทธิ์แทนความหายในการส่งมอบความสุข กำลังใจ และเสียงเพลงให้กับโลกในบทบาทของการเป็นไอดอล

พวกเธอคือ ‘Daisy Daisy’ วงไอดอลน้องใหม่ ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 11 คน  แฮมมี่, นายโอลีฟ, เจเจ, เกรซ, กีตาร์, กุ๊กกิ๊ก, วาวา, ลิซ่า, หนิงหนิง, และเดียร์ โดยทุกคนมารวมตัวกันผ่านการออดิชั่น และหลังจากรวมตัวกันฝึกซ้อมอยู่หลายเดือน ในที่สุดพวกเธอก็ปล่อยซิงเกิ้ลแรกออกมาในชื่อ ‘Daisy Daisy’ ชื่อเดียวกับชื่อวง

“เพลงนี้เล่าว่าเราให้ความรักกับแฟนคลับยังไงค่ะ ขอให้ดอกไม้นี้เป็นตัวแทน พูดอีกทีว่าฉันรักเธออะไรประมาณนี้ค่ะ ในเนื้อเพลงก็จะมีแต่ละท่อนที่เราหมายถึงแฟนคลับด้วยแล้วก็หมายถึงตัวพวกเราเองด้วยค่ะ”

ถึงแม้ว่าพวกเธอจะปรากฏตัวครั้งแรกในชุดสีชาวบริสุทธิ์ แต่สีประจำวง Daisy Daisyกลับเป็นสีเขียว

“ดอกเดซี่มันมีทั้งดอกทั้งใบค่ะ (หัวเราะ) ส่วนที่ชื่อวง Daisy Daisy เพราะมันดูน่ารักกว่าDaisy คำเดียวค่ะ (หัวเราะ) และท่าประจำวงคือท่าดอกไม้บานค่ะ”

ส่วนแนวเพลง ก็มีความแตกต่างจากเพลงไอดอลทั่วไป เพราะพวกเธออยากให้เพลงดูเข้าถึงง่าย จึงผสมผสานความหลากหลายของวัฒนธรรมเข้ามาไว้ด้วยกัน

“แนวเพลงวงก็จะเป็น T- POP ที่ส่วนผสมระหว่างไทย เกาหลี ญี่ปุ่น อยู่ด้วย เป็น Asian Popจะมี กลิ่นอายเกาหลีนิดๆ การแต่งตัวก็เป็นแบบญี่ปุ่นหน่อยๆ”

ถึงแม้จะเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน แต่พวกเธอทุกคนก็มีความฝันที่ชัดเจน และอยากจะไปให้ถึงจุดนั้นพร้อมกับแฟนคลับทุกคน

“อยากให้วงเป็นที่รู้จักทั้งไทยและก็ต่างประเทศค่ะ แต่จริง ๆแค่ได้มอบความสุขให้แฟนคลับก็เหมือนประสบความสำเร็จไปก้าวหนึ่งแล้วค่ะ แต่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้นั้นถ้าไปถึงได้ก็คงดีค่ะ” พวกเธอกล่าวทิ้งท้าย

แนะนำตัวเองให้คนที่ยังไม่รู้จักเราหน่อย

เดียร์: เดียร์ Daisy Daisy  อายุ 22 ปีค่ะ เป็นคนร่าเริงแจ่มใส ขี้อ้อน แต่เพื่อนๆ ก็จะบอกว่าเป็นคนเรียบร้อยค่ะ (หัวเราะ)

หนิงหนิง: หนิงหนิง Daisy Daisy อายุ 22 ปีค่ะ ภายนอกบางคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็บอกว่าดูนิ่งๆ หยิ่งๆ อะไรแบบนี้ค่ะ แต่หนิงหนิงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแบบ ขี้เล่น ซุกซน น่ารักค่ะ(หัวเราะ)

เกรซ: เกรซ Daisy Daisy อายุ 20 ปีค่ะ บุคลิกก็…หลายบุคลิก (หัวเราะ) เพราะบางทีก็จะเป็นคนนิ่งๆ  แต่บางทีก็จะเป็นคนชอบเล่นมุกค่ะ (หัวเราะ)

โอลีฟ : โอลีฟ Daisy Daisy อายุ 20 ปีค่ะ เป็นคนห้าวๆค่ะ ไม่ค่อยเป็นสายหวานเท่าไหร่ จะชอบบุกป่าฝ่าดงอะไรอย่างงี้มากกว่า จะแมน ๆ ไปเลยค่ะ

ถาม 3 คน (เดียร์ หนิงหนิง เกรซ)ตอนนี้เป็นเหมือนโอกาสที่ 2 แล้วครั้งนี้มันต่างจากครั้งที่แล้วยังไงบ้าง

เดียร์: ครั้งนี้ก็รู้สึกว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะว่าเรามีประสบการณ์ มีความรู้ที่เกี่ยวกับวงเก่ามาแล้ว อะไรที่มันดีก็เอากลับมาใช้ อะไรที่มันไม่ดีก็เอาทิ้งไปค่ะ

หนิงหนิง: จริง ๆ ก็รู้สึกว่าไม่ได้แตกต่าง เพราะเหมือนเราก็ยังมีแพชชั่นที่อยากทำงานสายไอดอลอยู่ ก็ยังมีการฝึกซ้อมร้องซ้อมเต้นอยู่ค่ะ รูปแบบอาจจะคล้าย ๆ วงเดิมแต่ก็มีปรับเปลี่ยนบ้าง คิดว่าไม่ได้แตกต่างมากค่ะ

เกรซ: ก็ไม่ค่อยแตกต่างเหมือนกันค่ะ เพราะว่ารูปแบบงานก็จะคล้ายๆ กันค่ะ แต่เหมือนเราก็เคยมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว เลยจัดการอะไรได้ดีมากขึ้นค่ะ

 

หวังอะไรจากการเป็นไอดอลบ้าง

เดียร์: สิ่งที่อยากได้จากการที่มาอยู่ตรงนี้ที่สุดคือเราได้พัฒนาตัวเองค่ะ อยากทำในสิ่งที่แต่ก่อนเราอาจจะไม่เคย ฝันว่าจะได้ทำหรือว่าอาจจะไม่กล้าทำ แต่ว่าตอนนี้เราก็ได้รับโอกาสให้มาทำตรงนี้ แล้วก็อีกสิ่งหนึ่งที่หวังไว้ก็คืออยากจะมอบความสุขให้กับแฟนคลับค่ะ อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จหรือว่าโด่งดังมีชื่อเสียงอะไร แต่ว่าสิ่งที่โฟกัสที่สุดคือแฟนคลับค่ะ

หนิงหนิง: การที่มาอยู่ตรงนี้รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดีมาก ม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ ช่วงอายุหรือเวลามันก็มีจำกัด ก็เลยอยากที่จะทำตรงนี้ให้เต็มที่เพราะว่าเหมือนเราได้อะไรหลายอย่างมาก เราได้ไปที่ที่เราไม่เคยไป ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าจดจำมากๆ ค่ะ

เกรซ: อยากพัฒนาตัวเองค่ะ เพราะว่ามาอยู่ทำงานตรงนี้ได้โอกาสเยอะมาก ทำให้เรามีหลายช่องทาง แล้วก็..ปกติเราจะไม่ใช่คนสาธารณะอย่างนี้ เราก็สามารถที่จะให้คนได้พบเจอได้มากกว่าค่ะ แล้วก็อยากทำให้แฟนคลับมีความสุข

โอลีฟ: เป็นไอดอลก็หวังว่าจะเป็นตัวเองที่ดีกว่านี้ค่ะ อยากปลดล็อคอะไรบางอย่างที่ตัวเองเคยทำไม่ได้ อะไรที่ไม่กล้าก็อยากให้มันกล้า แล้วก็ตอนแรกไม่ได้หวังว่าจะมีแฟนคลับเยอะ แต่ว่ายังไงถ้ามีคนมารักเราเราก็รู้สึกว่าเราอยากมอบความสุขให้แฟนคลับด้วยค่ะ แล้วก็ทำตัวเองให้ดีไปด้วย

 

คิดว่าไอดอลมีความหมายยังไงบ้าง

เดียร์: คิดว่าไอดอลคือไม่ได้หมายถึงแค่สมาชิกเมมเบอร์ แสำหรับเดียร์คือทุกคนเป็นได้ไม่ว่าจะผู้หญิงผู้ชาย แค่ตัวเราเอง ทำตัวเองให้ดี ทำหน้าที่ของเราให้ดี แล้ววันหนึ่งก็จะมีคนที่เห็นว่า เอ้อ!!  สิ่งนี้ดีแล้วเขารับไปพัฒนา เอาไปใช้ตามหรือเอาไปทำตา ก็เป็นไอดอลได้แล้ว หรือว่ ถึงแม้จะไม่มีคนเห็นในสิ่งที่เราทำ แต่ถ้าเราทำดีอยู่แล้วก็ทำดีต่อไป สิ่งดี ๆ มันก็จะเข้ามาเองค่ะ

หนิงหนิง: ไอดอลคือใครก็ได้ในชีวิตประจำวันค่ะ บางครั้งเราออกไปเดินตลาด ไปเดินข้างนอก เรารู้สึกว่า เห้ย คนนี้แต่งตัวดีจัง อันนั้นก็ถือว่าเป็นแบบอย่างให้เราทำตามได้ ก็คือว่าใครก็เป็นได้ ไม่ใช่แค่ว่าต้องร้องหรือว่าเต้นอย่างเดียวค่ะ

เกรซแรงบันดาลใจค่ะ เกรซก็มีไอดอลหลายคนที่ไม่ต้องเป็นแบบร้อง เต้น แค่คอยให้แง่คิดดี ๆ  แล้วเรารู้สึกสบายใจ แค่นั้นก็เป็นไอดอลแล้วค่ะ

โอลีฟ: ไอดอลสำหรับลีฟ มันเหมือนกับเป็นเหมือนต้นแบบในหลายๆ อย่าง เช่น การวางตัว การร้อ งการเต้น แล้วก็ทัศนคติ เหมือนแบบเป็นตัวอย่างให้กับคนทั่วไป เป็นตัวอย่างที่ดีค่ะ

ถาม 2คน (แฮมมี่ วาวา ) พูดถึงโอกาสครั้งที่สองที่ได้รับหน่อย

แฮมมี่: หลังจากที่จากกับวงนั้นเรียบร้อยแล้ว ก็เหมือนมันก็เป็นโอกาสที่ดีเนอะ จริงๆ เรายังรู้สึกว่าเพิ่งได้มาเป็นไอดอลเอง มันยังไม่พอ มันยังไปได้อีก เรายังไปได้ไม่ถึงที่ตั้งไว้ แล้วเราก็ยังอยากใช้เวลาอยู่กับทุกคน รู้สึกตอนที่ทำอยู่ตอนนั้นมันมีความสุขมาก ๆ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก ๆ เลย เราก็อยากจะทำต่อ แล้วทีนี้ก็มีผู้ใหญ่ใจดี (หัวเราะ) มามอบโอกาสให้กับพวกเรา ก็เลยต้องคว้าไว้

วาวา: ช่วงที่วงเก่าเกิดปัญหาก็เป็นช่วงที่แบบสอบด้วย แล้วก็แบบชีวิตค่อนข้างวุ่นวายค่ะ ตอนแรกก็สับสนนิดนึงว่าเราจะทำต่อดีมั๊ย? เพราะว่ากำลังจะเรียนจบพอดี หรือว่าเราจะไปทางอื่นเลยดี ไม่เอาด้านนี้แล้ว อยู่ในช่วงที่สับสน แต่พอทิ้งช่วงเวลา มันก็เหมือนได้คิดเรื่อยๆ ว่าจริงๆ แล้วเราก็ยังทำมาได้ไม่สุดสักทีค่ะ ก็เลยอยากลองอีกรอบ ลองดูจริงจังอีกสักทีค่ะ

 

อยากพาวงไปถึงตรงไหน

กุ๊กกิ๊ก: ก็อยากให้วงเป็นที่รู้จักมากขึ้นค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็ไปต่างประเทศค่ะ

กีต้าร์: อยากให้วงเป็นที่รู้จัก เป็นที่รักค่ะ อยากให้มีคนเอ็นดูเยอะๆ

แฮมมี่: อยากให้วงเป็นที่รู้จักเหมือนกันค่ะ แล้วก็อยากให้เป็นที่ยอมรับว่าเราได้อยู่ตรงนี้ได้เพราะว่าความสามารถ ไม่ใช่ใครก็ได้ เรามีความพยายาม เราสู้มานะ เพื่อที่คนอื่นจะได้มองเห็นว่าเราเป็นไอดอลในสายตาของหลายๆ คน

วาวา: สำหรับวา วาก็ตามไอดอลเกาหลี เคยนึกภาพแบบว่าเราอยากเป็นแบบนั้น ถ้ามีโอกาสก็คืออยากให้ไปยิ่งๆ กว่านั้นค่ะ แต่ว่า….

กีต้าร์: ก็ต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป

วาวา: ใช่ ก็ทุกอย่างก็ต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป แต่ว่าความฝันสูงสุดจริง ๆ เลยก็คืออยากให้โด่งดังไปทั่วค่ะ

คิดว่าไอดอลในความหมายของตัวเองคืออะไรบ้าง

วาวา: วาว่าไอดอลไม่จำเป็นที่จะต้องร้องเพลงหรือเต้นอย่างเดียว เราสามารถเป็นไอดอลได้ในทุกบทบาท แค่แบบเรามีความตั้งใจ มีความอยากที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนได้ค่ะ

แฮมมี่: ใช่ แบบที่วาบอกก็คือ ไม่ใช้แค่การร้องการเต้น ก็คือเป็นไอดอลในด้านการเรียนก็ได้ แบบคนนี้เรียนเก่งมาก แบบเป็นแรงบันดาลใจให้ใคร ๆ ทำตามค่ะ ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา ดนตรี ทุกอย่างๆ เลย นิสัยดีแบบนี้ก็ได้

กุ๊กกิ๊ก: ไอดอลเหมือนเป็นต้นแบบค่ะ ให้คนทำตามในเรื่องต่าง ๆ อย่างที่พี่วา พี่แฮมมี่บอก เป็นจุดที่ทำให้คนเราสามารถพัฒนาไปได้ค่ะ

กีต้าร์เป็นแรงบันดาลใจ เป็นพลังบวกให้แบบทุกคน ก็ ให้ดูเราเป็นไอดอล แล้วก็อยากทำตามในสิ่งดี ๆ อะไรแบบนี้ค่ะ  

 

ความฝันอื่นนอกจากการเป็นไอดอล

กีต้าร์: ตอนนี้ก็ได้มาเป็นไอดอลแล้ว ก็อยากทำตรงนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ไหวค่ะ เพราะยังไงความฝันตอนนี้ก็คือการเป็นไอดอลค่ะ

วาวา: ความฝันของวาคือการที่เราลองทำสิ่งที่เราสนใจไปเรื่อย ๆ ค่ะ แบบสมมุติว่าวันหนึ่งวาประสบความสำเร็จในการเป็นไอดอลแล้ว วาก็จะมีความฝันต่อไป อย่างเช่นตอนนี้วาก็สนใจภาษาที่สาม วาเรียนโทเป็นภาษาเกาหลี แล้วก็อยากที่จะเก่งกว่านี้ ก็คือมีความฝันในทุก ๆ ด้าน และอยากทำให้สำเร็จค่ะ

แฮมมี่: จริงๆ ก็ฝันอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กเลย แล้วก็ ตอนนี้ก็เหมือนมันก็ได้มาอีกขั้นนึงแล้ว รู้สึกว่าสำเร็จในขั้นนึง เพราะว่าเราได้ทำอะไรที่เราชอบ มันก็มีความสุขในทุก ๆ วันอยู่แล้ว ก็อยากจะทำงานอยู่ในวงการบันเทิงค่ะ เพราะแฮมก็เรียนเกี่ยวกับดนตรีอยู่ด้วย อยากจะรู้เรื่องการโปรดิ๊วซ์ นั่นโน่นนี่ เยอะๆ กว่านี้อีก

กุ๊กกิ๊ก: ก็อยากจะได้รับโอกาสในการทำงานวงการบันเทิงมากยิ่งขึ้นค่ะ แล้วก็เรียน ทั้งเรื่องการร้อง การเต้น แล้วก็การแสดง เพื่อจะได้มีโอกาสพัฒนาตัวเองไปถึงจุดนั้นค่ะ

ทำไมถึงได้อยากมาเป็นไอดอล?

นายน์: จริง ๆ ก็ติดตามศิลปินเกาหลี ญี่ปุ่น มาตั้งแต่มัธยมแล้วค่ะ เห็นเขาเล่น MV ก็แบบ อุ๊ย! ดีจัง แบบได้ขึ้นเวที ก็อยากมีโอกาสแบบนั้นบ้าง แล้วก็ไม่คิดว่าตัวเองวันหนึ่งจะได้มาอยู่จุดตรงนี้ แต่พอได้มาถึงตรงนี้ปุ๊บ เราก็เลยอยากทำทุกวันให้มันดีขึ้นค่ะ แล้วก็ประสบความสำเร็จในด้านนี้ค่ะ

ลิซ่า: ของหนูก็มีการติดตามพวกวงไอดอล แล้วก็มีศิลปินต่างชาติที่เป็นกลุ่มค่ะ แล้วก็เลยอยากลอง การอยู่เป็นวง ไปด้วยกันหลาย ๆ คน เป็นทีมเวิร์คอะไรอย่างงี้ มันดูสนุกกว่าอยู่คนเดียวค่ะ

 

เข้ามาเป็นไอดอลแล้วมีอะไรต่างจากที่เราคิดมั๊ย หรือว่าเหมือนที่เราคิด?

เจเจ: สำหรับเจการเป็นไอดอลไม่ง่ายเลยค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าการเป็นไอดอลไม่ได้ยาก แต่ว่าพอมาเป็นจริงๆ แล้วก็ยากค่ะ

เรื่องอะไรบ้าง?

เจเจ: การจัดการเวลา แล้วก็อะไรอีกหลาย ๆ อย่าง เช่นการซ้อม การพูด การร้อง การเต้น โอโห มีเยอะแยะเลยค่ะ (หัวเราะ) เช่นการพูด เจเป็นคนที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ

นายน์: เจเจเรียนอินเตอร์ตั้งแต่เด็กค่ะ ก็เลยจะพูดภาษาไทยไม่ค่อยแข็งแรง ส่วนอันนี้ (ลิซ่า) ก็เป็นลูกครึ่ง ก็อาจจะพูดช้านิดนึง แต่ก็คือไม่ได้เป็นอุปสรรคกับวงเราขนาดนั้น

นายน์: เหมือนมันเป็นความกดดันที่ไม่ได้แย่ค่ะ การที่เราได้มาอยู่ตรงนี้ทางครอบครัวเราก็คาดหวังว่าอยากให้ลูกประสบความสำเร็จ แล้วก็มีความคาดหวังจากทั้งแฟนคลับ ทั้งทุก ๆ อย่างที่เป็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวค่ะ แต่เหมือนความกดดันอันนี้มันก็เป็นแรงผลักดันอย่างนึงให้เราอยากที่ตะฮึดสู้ต่อไปค่ะ

การเป็นไอดอลให้อะไรกับเราบ้าง?

นายน์: ให้หลายอย่างเลยค่ะ ทั้งประสบการณ์ ให้ทั้งความกดดันที่ดีในการใช้ชีวิต ให้นิสัยที่ไม่ประมาท อย่างเวลาขึ้นเวทีเราจะต้องโฟกัสกับทุกอย่างที่อยู่บนเวที ห้ามประมาทเลย มันก็กลายติดเป็นนิสัยว่าพวกเราจะต้องระมัดระวังในการใช่ชีวิตทุกครั้ง แต่ละงานก็จะมีประสบการณ์ เหมือนเปิดโลกมากขึ้น

เจเจ: ก่อนหน้านี้คือเจเป็นคนที่พูดไม่เก่งแล้วก็ร้องไม่เก่งค่ะ แต่พอเดินสายไปเรื่อย ๆ   อย่างที่พี่นายน์พูด มันให้ประสบการณ์ ให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ที่เรายังไม่รู้มาก่อนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวง เช่น ร้อง เต้น แล้วก็ในเรื่องของแฟนคลับค่ะ เราก็จะรู้แหละว่าคนนู้น คนนี้ มาบ่อยนะ ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไปด้วยกันค่ะ

ลิซ่า: ก็ได้รู้วิธีทำงานร่วมกับคนอื่นค่ะ ทีมเวิร์คอะไรแบบนี้ แล้วก็ช่วยให้เห็นโลกอีกมุมนึงค่ะ ที่คนทั่วไปจะมองไม่ค่อยเห็น เพราะว่าไม่ได้มาอยู่จุดนี้ ถ้ามองจากด้านนอกเข้ามาในโลกของการเป็นไอดอล ก็คือแค่ สนุก ร้องเพลง เต้น ทำทุกอย่างได้ ดีไปหมดค่ะ แต่ถ้ามองจากฝั่งไอดอลออกไปก็จะมีความยากลำบากนิดหน่อย ได้ประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ

Writer Profile : kantapetch
หมาผู้พยายามน่ารักเท่าโลก
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save