สิงโต นำโชค เจ้าของบทเพลงยอดนิยมทั้งเพลงเศร้าและสุข นอกจากการเป็นนักดนตรีสายชิลล์ที่เราคุ้นเคยกันดีแล้ว วันนี้ Mango Zero จะชวนมาพูดคุยถึงเรื่องการแบ่งเวลาระหว่างงานที่ชอบและคนที่รัก และวิธีการรับมือกับปัญหาความรักตามแบบฉบับคนชิลล์ๆ กันบ้าง หากพูดถึงตำนานของอูคุเลเล่ เชื่อว่าทุกคนต้องนึกถึง “สิงโต นำโชค” อย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากความเป็นกันเอง แล้ว ยังมีมุมมองความรักที่ไม่เหมือนใคร รวมไปถึงการใช้เวลากับสิ่งที่รักและงานได้อย่างคุ้มค่า มาดูกันว่าวิธีการรับมือกับปัญหาความรักของเขาจะเป็นอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วก็มานับถอยหลังไปด้วยกัน เอ้า สาม สอง หนึ่ง เริ่ม! ย้อนไปตอนเจอกันกับภรรยาครั้งแรก เรื่องคนละวัฒนธรรม จูนกันติดยากไหม “จริงๆ ผมว่าวัฒนธรรมเดียวกัน แต่จูนกันไม่ติดก็มีเยอะเเยะ ไม่น่าจะเกี่ยวกัน ผมว่าถ้าจะให้จูนมันก็ต้อง ฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงเนี่ยแหละ ผมก็เป็นคนไม่ค่อยยึดติดวัฒนธรรมอะไรเยอะ กลับบ้านเหนื่อยๆ ต้องมีแก้วน้ำมาเสิร์ฟอะไรเเบบนี้ ไม่ได้จำเป็น ภรรยาต้องซักผ้าล้างจาน มันก็ไม่ใช่ยุคนี้แล้วอ่ะเนอะ เราก็เลยไม่ไปยึดติดตรงนั้น ชีวิตหลังจากมีลูกเปลี่ยนไปแค่ไหน ” เปลี่ยนเยอะเลยฮะ ก็คือเวลาอยู่กับแฟนสองคน พอแฟนว่างก็ไปทัวร์คอนเสิร์ต ไปไหนมาไหนด้วยกันมันคล่องตัว ก็ไปเที่ยวไปอะไรได้ แต่พอมีลูก บางทีพาลูกไปไม่ได้ เราก็จะไม่ได้เจอภรรยาบ่อยขึ้น วิธีการก็คือจัดสรรเวลาแค่นั้นเอง พอมีลูก เวลามันมีค่าขึ้น จากสองชั่วโมงลงเครื่องมาจากต่างจังหวัดแล้วต้องเล่นต่ออีกที่เนี่ย ผมก็กลับมาบ้าน มาอยู่กับลูกก่อน แป็บหนึ่ง แล้วค่อยออกไปทำงานต่อ ก็ใช้เวลาคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น วิธีการเลี้ยงลูกแบบสิงโต นำโชค “ผมเลี้ยงเหมือนเพื่อน เพื่อนรุ่นพี่ ก็คือเล่นได้นะ แต่ให้รู้นี่รุ่นพี่ สั่งกินข้าวต้องกิน อาบน้ำก็ต้องอาบ ถึงเวลาเล่นเดี๋ยวเล่นด้วย “ผมไม่ได้วางแผนให้ลูกเป็นอะไร แต่คิดว่าถ้าเกิดลูกอยากเป็นอะไร ให้เป็นหมดเลย เพราะถ้าเขาได้ทำสิ่งที่รักก็เชื่อว่าจะทำออกมาได้ดี ถ้าสมมติเราบอกว่า ต้องไปเป็นหมอนะ แล้วถ้าวันหนึ่งเขาแบบ ไม่ได้มีความสุขกับการเป็นหมอจริงๆ ถึงแม้ว่าจะได้ตังค์ แต่ว่าเขาต้องอยู่อย่างนั้นโดยที่เขาไม่ได้ชอบ ผมว่าลืมกันไกลแน่นอน ก็เลยคิดว่างั้นลูกอยากเป็นอะไรให้เป็นหมดเลย อยากเป็นช่างไฟก็ตามสบาย แล้วผมเชื่อว่าถ้าเกิดเขารักการทำไฟจริงๆ ก็คงไม่ได้แค่ซ่อมไฟ เแต่จะผลิตอะไรของเขาขึ้นมา ซึ่งมันก็ประสบความสำเร็จได้หมด ก็เลยคิดว่าจะยึดอันนี้ อย่างเราเนี่ย โชคดีที่ได้เล่นดนตรีเพราะเราชอบ แล้วเราก็มีความสุขกับมันมาตลอด ก็ไม่ได้รู้สึกว่าดนตรีมันเอาอะไรจากชีวิตเราไป” มาที่เรื่องความรักกันบ้าง คิดว่าความรักมีวันหมดอายุไหม “ความรักมันกว้างเนอะ ถ้ามองว่าความรักคือ ช่วงแรกที่เจอกัน อันนั้นก็หมด เพราะว่าพอเราอยู่ด้วยกันไป มันก็ไม่ได้ใช้ชีวิตบนพื้นฐานความรู้สึกนั้นแล้ว มันเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต เป็นแบบเพื่อนกัน เป็นเพื่อนที่ต้อง 50 – 50 ก็ไม่ได้นะ ต้องแบบว่า บางวันเขา 60 มา เราก็ต้อง 40 มันต้องยืดหยุ่นระดับหนึ่ง เพื่อที่เราจะประคองไปกันได้” เดี๋ยวนี้มีแต่คู่รักที่เลิกกันง่าย มีวิธีการทำให้ความรักไม่หมดแนะนำไหม “ถ้าเอาเข้าจริงๆ ผมรู้สึกว่า ความรักมันไม่วันหมดอยู่แล้ว ความรักมันก็ยังอยู่ตรงนั้นแหละ แต่ว่ามันอาจจะมีความ เห้ยทำไมฉันไม่ได้อันนั้น เรารู้ว่าอย่างนี้ไม่เรียกว่าความรักแล้ว ทำไมเราต้องพยายามด้วย ซึ่งเราก็ลืมนึกไปว่า เขาก็คงต้องพยายามด้วยเหมือนกัน “ผมเลยใช้ทฤษฎีของผมก็คือ ถ้าภรรยามา 60 เราก็ลดให้เหลือ 40 มันก็จะเต็ม 100″ “บางวัน เราก็มา60 เขาก็ลดให้เราเหลือ 40 แต่ถ้าคนหนึ่ง 70 อีกคนหนึ่ง 80 แล้วก็บอกว่านี่คือตัวฉัน มันก็ไปกันยาก เพราะมนุษย์มันนานาจิตตัง อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง นึกออกไหม แต่ถ้าเราเก็บตอนโกรธมาคิด ก็ไปไม่ได้ ก็ต้องเข้าใจกันสักนิดนึง” แม้บุคลิกของสิงโต นำโชคจะเป็นคนเฮฮา สบายๆ และมีวิธีการจัดสรรเวลาให้กับครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม แต่เมื่อถึงคราวของเพลงเศร้า ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ใส่ลงในบทเพลงได้ดีไม่แพ้กัน กับซิงเกิ้ลใหม่ “วันที่เรานับหนึ่ง” ในซิงเกิ้ลใหม่ “วันที่เรานับหนึ่ง” ใจความสำคัญของคือคนสองคนที่ทะเลาะกัน แล้วให้กลับไปนึกถึงวันแรกที่เจอกัน เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นในชีวิตคู่ไหม “ไม่มีฮะ จริงๆ แล้ว เพลงนี้ผมเขียนขึ้นมาเพราะว่า ผมชอบคำนี้แหละ มีคนเคยบอกว่าถ้าเกิดเวลาทะเลาะกัน หรือปรึกษาเพื่อน เพื่อนบอกว่า ใจเย็นๆ ลองนึกถึงวันแรกที่รักกัน แล้วก็ที่งานแต่งก็มักจะมีคนพูดว่า จำวันแต่งงานนี้ไว้นะ วันไหนทะเลาะกันให้นึกถึงวันนี้ไว้ วันที่แฮปปี้ ผมว่ามันจริง “พอเราอยู่กันไปนานๆเราจะคิดถึงแต่ข้อเสีย ข้อดีมองไม่ค่อยเห็นหรอก มืดบอด” “พอเลิกกันแล้วค่อยมานึกถึง ก็ไม่ทันละ เลยคิดว่าช่วงที่มีปัญหากันให้นึกถึงวันแรกที่รักกัน เค้าก็คือคนเดิมที่เราไปจีบเค้านั่นแหละ ไม่ใช่คนใหม่หรือไม่ได้เปลี่ยนไป อาจจะไม่ได้โชว์หมดตอนแรก แต่ว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนั้นมันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ก็มีโกรธโมโห มีอะไรเยอะแยะ ก็อยากให้นึกถึงวันแรกที่รู้สึกอยากแต่งงานกับเขา อยากจีบเขา ทุ่มเทให้หมดทุกอย่าง เลยเขียนเป็นเพลงนี้ขึ้นมา ในวันที่ปัญหาปัจจุบันอาจจะหนักหนาจนบดบังความเป็นไปได้ของอนาคต เพียงแค่ลองกลับไปนึกถึงวันแรกที่มีความสุขและเต็มไปด้วยความทรงจำดีใช้เวลาอยู่คนเดียว ทบทวนความคิดสักนิด และเปิดเพลง “วันที่เรานับหนึ่ง” คลอไปด้วย อาจจะได้คำตอบสำหรับปัญหาทุกอย่างได้ง่ายๆ 😉
