“คนเราจะสนิทกันตอนไหน ?” ตัวละคร “โจ” ได้ตั้งคำถาม “ก็ตอนที่เราเล่าความลับให้อีกคนฟังไง” และตอบคำถามนั้นด้วยตัวของเขาเอง คุณเคยมีเพื่อน(ไม่)สนิท ที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำมั้ย ? เพียงแค่คำถามเดียว ก็คงจะพอเดาธีมหลักของเรื่องได้แล้วว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “เพื่อน” อย่างแน่นอน การร่วมมือกันของ GDH และ HOUSETON นำเสนอหนังที่จะทำให้คุณคิดถึงเพื่อน ด้วยผลงานจากโปรดิวเซอร์มากฝีมือ “วัน วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, บาส นัฐวุฒิ พูนพิริยะ จาก “ฉลาดเกมส์โกง” ร่วมกับผู้กำกับน้องใหม่ไฟแรง “อัตต้า อัตตา เหมวดี” นำแสดงโดย โทนี่ อันโทนี่, จั๊มพ์ พิสิฐพล, ใบปอ ธิติยา, ฟลุ๊ค ธนกร และ ฟ้อนต์ ณัฐทิชา แน่นอนว่า “เพื่อน” เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเคยมีและเคยเป็นให้กับใครคนหนึ่งหรือใครหลายๆ คน มีบ้างที่สนิทกัน ติดต่อกันอยู่ตลอด หรือ เพื่อน ที่จำได้เพียงแค่ชื่อ นึกถึงหน้าตาได้ลางๆ คุ้นๆ เพียงแค่ว่าเราเคยรู้จัก เคยเป็นเพื่อนกัน เพราะฉะนั้น การหยิบหยกเรื่องราวของมิตรภาพ นำมาร้อยเรียงให้กลายเป็นภาพยนตร์นั้น ทำให้ใครหลายคนคล้อยตามไปกับเรื่องราวที่ถ่ายทอดภายในหนังเรื้องนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่จะเล่าอย่างไรล่ะ ให้คนคล้อยตาม เข้าถึง และรู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าสนใจ แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ที่ได้เคยพบเจอทั้งในภาพยนตร์และชีวิตจริง เพื่อน(ไม่)สนิท ได้เล่าเรื่องราวของมิตรภาพที่แตกต่างออกไปในมุมมองหนึ่ง เพราะแค่เปิดเรื่องมาในตัวอย่างหนัง ก็หยิบยก “การจากไป” ของ “โจ” ตัวละครในเรื่องที่แม้เขาจะตายตั้งแต่เริ่ม แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องราวทั้งเรื่องนี้เป็น “เรื่องของโจ” ร่วมไปกับการนำสิ่งที่เรียกว่า “หนังสั้น” เข้ามาเป็นการดำเนินเรื่องหลักยิ่งทำให้ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้มีมิติมากขึ้นไปอีก เรื่องราวเริ่มต้นจาก “โจ” เด็กหนุ่มมัธยมปลายปีสุดท้ายได้จากไปด้วยอุบัติเหตุรถชน กับ “เป้” เพื่อน(ไม่)สนิท ที่นั่งข้างๆ เมื่อโจได้จากไป เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เด็กม.6 เริ่มเตรียมพร้อมเข้าสู่มหาวิทยาลัย เป้เองก็เป็นหนึ่งในเด็กมอปลายปีสุดท้ายที่ถูกพ่อกดดันให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ และโอกาสที่เรียกว่า “หนังสั้น” ก็เข้ามา เป้ ตัดสินใจจะเข้าร่วมการประกวดหนังสั้น แต่อุปสรรคที่เรียกว่ามนุษย์อย่าง “โบเก้” เพื่อนสนิทตัวจริงของโจก็เข้ามา และอาสาช่วยทำหนังสั้นเรื่องนี้ ร่วมกับเด็กเนิร์ดประจำห้องโสต ที่ทำให้หนังสั้นที่เป้จะทำนั้น ฟอร์มทีมออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ และแน่นอนว่าเรื่องราวของหนังสั้นที่เป้จะทำ ก็หนีไม่พ้นเรื่องราวเกี่ยวกับ “โจ” เพื่อน(ไม่)สนิท ที่จากไป ด้วยเหตุผลที่ว่า “ทำหนังเกี่ยวกับคนที่จากไป ยังไงแม่งก็ซึ้ง” เรื่องราวได้ดำเนินไปโดยผ่านมุมมองของเป้ บอกเล่าเหตุการณ์ในการทำหนังสั้นเพื่อโจในครั้งนี้ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง มิตรภาพภายในกลุ่มหนังสั้น รวมทั้งนำพาให้พวกเขาได้พบเจอกับ “ความลับ” บางอย่าง และพยามยามทำทุกทาง ให้หนังสั้นเรื่องนี้สมบูรณ์ให้ได้ ถือว่าเป็นหนัง coming of age ที่ทำออกมาได้มีมิติมากเลยทีเดียว เพราะเนื้อเรื่อง และประเด็นคอนฟลิคที่เกิดขึ้นนั้นไม่ถึงกับเดาทางได้ทั้งหมด มีเรื่องที่ทำให้คนดูประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกสมเหตุสมผลกับเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง เรียกได้ว่าจุดแข็งสำคัญของหนังเรื่องนี้อยู่ที่พล็อตเรื่องที่ร้อยเรียงมาได้อย่างดี ไม่น่าเบื่อ และคลายทุกปมปัญหาได้อย่างสมเหตุสมผล ซึ่งคิดว่าคงถูกใจใครหลายๆ คน ร่วมไปกับการตัดต่อที่มีลูกเล่นแม้จะไม่ได้หวือหวา แต่ก็ดึงความสนใจจากผู้ชมได้ การเล่าเรื่องราวสลับไปมาระหว่างอดีต ปัจจุบัน และเหตุการณ์ในหนังสั้น รวมถึงโมเมนต์ตลกๆ ที่สอดแทรกมาในรูปแบบของกลุ่มเพื่อน ก็ทำให้เนื้อเรื่องนั้นไม่น่าเบื่อ เพิ่มความสนุกในการรับชมมากขึ้นไปด้วย อีกหนึ่งส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้ที่จะไม่พูดไม่ได้นั่นก็คือ “นักแสดง” ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นนักแสดงหน้า(เกือบ)ใหม่ แต่ก็ดึงความ “สดใหม่” ของชีวิต “วัยเยาว์” ที่เข้ากับตัวบทได้ดีเลยทีเดียว อาจจะมีบ้างบางช่วงที่รู้สึกติดขัดกับการแสดง แต่เพียงแค่ต้นเรื่องเท่านั้น เพราะหลังจากที่เรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆ ก็เหมือนเราได้เห็นการพัฒนาของเหล่านักแสดงมากขึ้น จนมองข้ามจุดเล็กๆ น้อยๆ และอินไปกับการแสดงที่ออกมาได้ ส่วนตัวละครที่ประทับใจคงหนีไม่พ้น ตัวละครที่แม้จะจากไปตั้งแต่ต้น แต่กลับติดอยู่ในใจของผู้คนได้แบบที่ออกจากโรงไปก็คงจะนึกถึงตัวละครนี้นั่นคือ “โจ” รับบทโดย จั๊มพ์ พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ ที่ถึงจะได้ออกมาไม่ตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็โดนพูดถึงแทบจะทั้งเรื่อง ทำให้ตัวละครโจนั้นถือว่ามีบทบาทสำคัญมาก ร่วมไปกับการแสดงที่เป็นธรรมชาติ แต่มีมิติ มีความจริงของความเป็นมนุษย์ และความน่ารักขี้เล่นที่ถูกวางคาร์แรคเตอร์ได้เป็นอย่างดี ทำให้ตัวละครโจนั้นเป็นที่น่าประทับใจทั้งตัวคาร์แรคเตอร์ และการถ่ายทอดตัวละครนี้ให้สมบูรณ์ของนักแสดง แต่ละคนอาจมีคำจำกัดความของคำว่า “เพื่อน” ที่แตกต่างกัน ไม่มีอะไรมาเป็นมาตรวัดของความสนิทในความสัมพันธ์ได้ดีเท่ากับตัวเราเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้เอง จะนำพาเรามองย้อนกลับไปถึงบุคคลที่เราเรียกว่า เพื่อน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท หรือ เพื่อนไม่สนิทก็ตาม เชื่อว่าหลายๆ คนต้องมีใบหน้าของเพื่อนคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัว และย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นอย่างแน่นอน ภาพยนตร์เรื่อง เพื่อน(ไม่)สนิท จะนำพาเราไปพบกับ มิตรภาพ ความสัมพันธ์ ความสนุก ความสุข ความเสียใจ ตามธีมหลักที่ได้กล่าวมาแต่ต้นกับ “เพื่อน” และ “ภาพยนตร์” ยกแก๊งเพื่อน(ไม่)สนิท แล้วไปตีสนิทกันได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยตร์ ! ตัวอย่างภาพยนตร์ เพื่อน(ไม่)สนิท :
