เดี๋ยวนี้วิธีแสดงความรักมีให้เราเลือกมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นการกอด แล้วรู้หรือไม่ว่าวินาทีที่เราเอื้อมมือไปโอบกับร่างกายคนที่เรารักนั้น นอกจากจะเป็นการบอกรักด้วยภาษากายแล้ว ยังมีคุณค่าอีกหลายอย่างที่เราอาจยังไม่รู้ด้วยนะ ยิ่งใกล้ถึงเทศกาลแห่งความรักแบบนี้ Mango Zero ก็ไม่ลืมที่จะเอาเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการกอดมาฝากกัน ว่าแต่วาเลนไทน์นี้กอดใครกันดีนะ… คำว่า Hug มาจากไหน? คำว่า “Hug” ไม่ได้มีแหล่งกำเนิดคำชัดเจน แต่สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า Hugga ในภาษานอร์สโบราณ ที่แปลว่าการปลอบประโลม และคำว่า Hegen ในภาษาเยอรมัน ซึ่งแปลว่า การเลี้ยงดู ไม่ใช่หมายถึงแค่การแสดงความรักเท่านั้นนะ แต่ในบริบททางสังคมการกอดยังเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมการทักทาย บอกลา รวมไปถึงแสดงความยินดีแบบสากลของประเทศในแถบตะวันตกอีกด้วย กอดกันแล้วดีอย่างไร? การกอดไม่ได้ให้แค่ความหมายเชิงสังคมเท่านั้น แต่ในทางจิตวิทยาก็พบว่าการกอดนั้นก่อให้เกิดผลดีทางใจอยู่หลายด้าน Virginia Satir นักครอบครัวบำบัดกล่าวว่าในหนึ่งวันคนเรานั้นต้องการการกอด 4 ครั้งเพื่อให้มีชีวิตรอด ต้องการกอด 8 ครั้งเพื่อรักษาและซ่อมแซมร่างกาย และเราต้องการการกอดถึง 12 ครั้ง เพื่อให้ร่างกายเติบโต แล้วการกอดนั้นมีดีอย่างไร ไปดูกัน! การสัมผัสในระหว่างการกอดจะช่วยสร้างความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ ทำให้ผู้ที่ถูกกอดรู้สึกปลอดภัย และลดความกลัวได้ เราคงเคยได้ยินชื่อฮอร์โมน “ออกซิโตซิน” กันมาบ้าง ในระหว่างการกอด จะทำให้ฮอร์โมนชนิดนี้หลั่งออกมา ซึ่งจะช่วยบรรเทาความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว รวมไปถึงความโกรธอีกด้วย เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลังจากทะเลาะกันเสร็จเขาถึงชอบกอดกัน นอกจากฮอร์โมนออกซิโตซินแล้ว การกอดยังช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน “เซโรโทนิน” ในร่างกายซึ่งช่วยให้รู้สึกมีความสุขมากขึ้นด้วย นั่นทำให้การกอดนั้นช่วยลดความตึงเครียดได้เหมือนกัน การกอดช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรงขึ้นได้ด้วย เพราะจะไปกระตุ้นต่อมไทมัสซึ่งมีหน้าที่รักษาสมดุลในร่างกายให้ทำงานได้ดี ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพราะโดยปกติกล้ามเนื้อของเราจะมีความตึงเครียดจากการใช้งานอย่างหนัก แต่ในการกอดนั้นจะช่วยผ่อนคลายและทำให้ความตึงของกล้ามเนื้อนั้นหายไป กอดแบบนี้มีความหมาย การกอดมีหลายแบบ แล้วแต่ละแบบก็ให้ความหมายและความรู้สึกไม่เหมือนกันอีก ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เรามารู้จักกันดีกว่าว่ากอดแบบไหนที่เหมาะกับเราและความสัมพันธ์ของเรากันนะ กอดจากด้านหลัง ให้ความรู้สึกปลอดภัย คนถูกกอดรู้สึกว่าคนที่กอดสามารถปกป้องเราได้ กอดแบบแขนโอบหลัง กอดแบบนี้สื่อว่าเป็นการเผยให้อีกฝ่ายเห็นถึงด้านที่อ่อนแอของตัวเอง เพราะว่าหลังนับเป็นจุดอ่อนของร่างกาย การที่กอดโดยโอบมืออีกฝ่ายจึงเป็นการสื่อว่าเรานั้นแคร์เขาและดูแลเข้าได้ กอดคอแบบไล่ชนไหล่ โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองใช้แขนโอบหลังอีกฝ่าย ท่ากอดแบบนี้สื่อถึงมิตรภาพและความสำคัญของเพื่อน เรียกได้ว่าคนคนนี้เป็นหนึ่งในที่มาของรอยยิ้ม ความหวัง และกำลังใจเลยล่ะ กอดแบบเอาหัวซุกคอ เรียกได้ว่าแนบแน่นสุดๆ กอดแบบนี้บ่งบอกว่าทั้งสองฝ่ายนั้นไม่อยากแยกกัน และกลัวการลาจากเอามากๆ สิ่งที่ทำได้ก็คือกอดกันเอาไว้ให้แน่นที่สุดนั่นเอง กอดแบบสบตา ว่ากันว่าดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ การสบตาก็เหมือนได้สื่อสารกันอีกทางนั่นเอง กอดแบบนี้สื่อถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง มั่นคง และไม่มีหวั่นไหว แค่มองตาเราก็รู้ใจนั่นเองจ้า ที่มา : Sage Journal, MBG, little things