5 วิธีสมัครงานอย่างไรให้มีโอกาสได้งานมากที่สุด

Writer : Sam Ponsan

: 8 พฤษภาคม 2561

5-ways-to-get-job-new-web-cover

การสมัครงานถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องใช้ศิลปะในหลายแขนงตั้งแต่การเขียนชื่ออีเมล ทำเรซูเม่ ไปจนถึงการพูดคุย ซึ่งทุกวิธีนั้นมีเคล็ดลับมากมายในการทำให้การสมัครงานของเราส่งผลดีที่สุด มีโอกาสได้งานมากที่สุด 

ซึ่งศิลปะในการสมัครงานอย่างไรให้ได้งานนั้นมีเทคนิคอะไรบ้าง เดี๋ยวแนะนำให้ไปลองทำดู เรามั่นใจว่าคุณก็ทำได้

เขียน Subject อีเมลให้ชัดเจน

5-ways-to-get-job-1-new

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าการส่งอีเมลไปสมัครงานนั้นเป็นขั้นตอนที่เราไม่ได้มีโอกาสได้พูดคุยหรือแสดงตัวตน แสดงบุคลิกภาพให้คนที่สัมภาษณ์งานเราได้เห็นเลย ดังนั้นสิ่งแรกที่ทำให้เขาประทับใจ สนใจเรา หรือเลือกที่จะไม่สนใจตั้งแต่แรกเห็นเลยคือ ‘ชื่อหัวอีเมล’ ที่ส่งไปสมัครงาน  โดยการเขียนหัวข้ออีเมลที่น่าสนใจและไม่โดนกดลบเมลทิ้งนั้นควรจะมีดังนี้

  • บอกวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เช่น “สวัสดีครับผม…..ขอสมัครงานตำแหน่ง….ครับ” หรือจะแค่ “ขอสมัครงานตำแหน่ง….” ก็ได้ แค่นี้แหละครบถ้วนตั้งแต่ยังไม่เปิดอีเมลว่าต้องการอะไร
  • ประเภทเขียนหัวอีเมลแค่ “สมัครงาน” เฉยๆ แล้วจบเลยนั้นโอกาสจะโดนหมางเมินสูงมาก เพราะวันหนึ่งมีจดหมายสมัครงานมาเป็นสิบๆ ร้อยๆ มาไล่เปิดทีละเมลเพื่อดูว่าสมัครงานตำแหน่งอะไรนั้นไม่สนุกหรอกกดลบสนุกกว่า
  • หรือถ้าส่งเมลมาโดยที่ไม่ใส่หัวอีเมลใดๆ มาเลยเพื่อหวังจะเรียกร้องความสนใจให้ HR เปิดเมลอ่านนั่นก็เซอร์เกินไป อย่าทำ
  • แม้บริษัทนั้นจะเป็นบริษัทครีเอทีฟ หรือขี้เล่นแค่ไหนแต่เชื่อเถอะว่าการเขียนหัวอีเมลประหลาดๆ ไม่ได้ทำให้บริษัทอยากจะเปิดอีเมลคุณดูเลย แต่ทำให้เขากดลบได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เขียนมาธรรมดาๆ เถอะอย่าเล่นท่าเยอะ ยกเว้นบางบริษัทที่เขาบอกให้ทำเราถึงค่อยเล่นท่าไป
  • ก่อนส่งเมลดูให้ดีว่าเรียกชื่อบริษัทเขาถูกไหม ไม่ใช่สมัครงานที่ Mango Zero แต่เขียนเป็นเว็บอื่น
  • หรือประเภทส่งอีเมลเดียวแต่ส่งมันไปทุกบริษัทนี่ก็ไม่เอานะ จะขี้เกียจไปไหนฟร้ะ!

เขียนเนื้อหาอีเมลให้ชัดเจน

5-ways-to-get-job-2-new

จากประสบการณ์ตรงเคยเจออีเมลสมัครงานหลายฉบับมากที่เปิดมาแล้วไม่เจออะไรเลยนอกจากไฟล์เรซูเม่หรือพอร์ตงานที่แนบมาก (เคยเจออีเมลหนึ่งฉบับถ้วนที่ไม่แนบอะไรมาเลย…โคตรเซอร์) นับว่าเป็นอีเมลสมัครงานที่มินิมอลเรียบๆ สไตล์วิถีเซ็น แต่…นั่นก็เรียบไป๊ ที่ถูกต้องและควรจะเป็น!

  • เนื้อหาของอีเมลแรกสุดเลยควรจะแนะนำตัวเองก่อนว่าคุณเป็นใคร ชื่ออะไร มาจากไหน เช่น “ข้าคือธอร์ บุตรแห่งโอดิน มาจากแอสการ์ด ข้าสนใจที่จะสมัครงานตำแหน่ง….” อะไรก็ว่าไป อย่าคิดว่าแนบเรซูเม่มาแล้วไง ก็อ่านเองดิวะ คือเนื้อหาในอีเมลอย่างน้อยก็ทำให้เรารู้จักกันเบื้องต้นก่อน ถ้าประทับใจตั้งแต่เนื้อหาอีเมลคะแนนจะบวกมากเชื่อเถอะ
  • เนื้อหาในอีเมลนั้นขึ้นอยู่กับว่าบริษัทที่รับคุณเข้าทำงานนั้นเน้นทางการ หรือว่าสนุกสนานได้ในระดับไหน เอาแต่พอดีอย่าเล่นท่าเยอะ บางคนคิดว่าถ้ามาในแนวกวนตีนนี่พี่เขาต้องประทับใจแน่นอน ซึ่งไม่เลยเชื่อเถอะว่ายังไม่สนิทกันอย่าเพิ่งกวนตีนตั้งแต่เนื้อหาในอีเมล ไม่มีใครประทับใจในอีเมลฉบับแรกที่คุณไปกวนตีนใส่เขาหรอก ถึงแม้จะเป็นมุกก็ตาม
  • เขียนเนื้อหาในอีเมลมาแต่พอดีอย่าน้อยไปหรือเยอะไปบางคนเขียนมาแค่สองบรรทัด แล้วจากไปเลย กับบางคนนี่เขียนมายาวกว่าเรซูเม่อี๊ก! ความพอดีคืออะไร!!!
  • อย่าพิมพ์ผิด!

แนบเรซูเม่และพอร์ตงานมาแต่พอดี

5-ways-to-get-job-3-new

การแนบเรซูเม่และพอร์ตตัวอย่างงานที่เคยทำมาด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะยิ่งทำให้ตัดสินได้ง่ายขึ้นว่าผู้สมัครคนนี้มีความสามารถแค่ไหน ถ้าตรงใจก็เรียกมาสัมภาษณ์ ถ้ารู้สึกว่ายังไม่โอเคก็แยกย้ายทางใครทางมัน การแนบเรซูเม่หรือพอร์ตงานนั้นมีรายละเอียดที่ควรทำตามดังนี้

  • เรซูเม่แนะนำตัวเองควรกระชับเห็นแล้วเข้าใจง่าย และมีความสวยงามสักนิดนึง ประเภทพิมพ์ใส่กระดาษ A4 แล้วส่งมาเลยนี่อย่าทำ ดูไม่เห็นถึงความตั้งใจในการเล่าเรื่องราวของตัวเอง ปัจจุบันมีเว็บออกแบบเรซูเม่สวยๆ เยอะตัวอย่างเช่น Canva ไปลองทำดูได้
  • เรซูเม่ ควรใส่แต่สิ่งที่จำเป็นต่อการทำงานจริงๆ ความสามารถพิเศษประเภทรำไทย หรือรางวัลคัดลายมือดีเด่นตอน ม.ปลายไม่ต้องใส่มาเลยไม่มีผล
  • พอร์ตงานไม่ต้องส่งมาทุกอย่างที่มีเลือกมาเน้นๆประเภทไฟล์หลัก 16GB นี่อย่าส่งเลยไม่โหลดแน่นอน
  • ถ้าเป็นไฟล์วิดีโอควรอัปลงยูทูบหรือเว็บฝากไฟล์วิดีโอแล้วส่งลิงค์มา ไม่ต้องส่งไฟล์มาให้โหลด
  • พอร์ตเยอะไม่ได้แปลว่าเขาจะสนใจคุณท่องไว้ว่าเอาแต่พอดีน่ารักๆ คัดมาเน้นๆ
  • ย้ำอีกทีคัดงานที่เด่นๆ มานะ เยอะไปไม่อ่าน

เตรียมตัววันสัมภาษณ์ให้พร้อม

5-ways-to-get-job-4

หลังจากผ่านด่านแรกคืออีเมลสมัครงานไปแล้วก็มาถึงการดูตัว ซึ่งการที่เขาเรียกเราไปสัมภาษณ์นั้นก็มีหลายเหตุผลแต่หลักๆ มีสองข้อคือถูกใจแล้วแต่อยากรู้ว่าคุยกันรู้เรื่องไหม กับเกือบจะถูกใจแล้วล่ะขอคุยอีกสักรอบนึงเพื่อตัดสินใจ

ดังนั้นการจะทำให้มาถึงจุดนี้ได้ถือว่าคุณเกือบได้ทำงานที่นี่ไปครึ่งตัวแล้ว แต่หลังจากนี้แหละว่าคุณพร้อมแค่ไหน และสิ่งที่ควรเตรียมตัวมาให้ดีได้แก่

  • ถ้าเอาพอร์ตงานที่อยู่ในเว็บมาโชว์ควรโหลดใส่คอมพ์มาเลยตั้งแต่แรก มาถึงก็เปิดให้ดูได้เลย อย่ามาขอยืมไวไฟที่ออฟฟิศเพื่อเปิดงานในยูทูบให้ดู มันดูไม่โปรและไม่เตรียมพร้อมเลย
  • แต่งตัวไปให้สุภาพที่สุด ต่อให้บริษัทนั้นเป็นโคตรบริษัทครีเอทีฟที่ชิลขนาดไหนก็ตาม แต่วันแรกที่เจอหน้ากันแล้วควรจะสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ไม่ใช่มาแนวเซอร์ เสื้อกล้ามหลวมๆ เสื้อยีนเก่าๆ กางเกงยีนขาสั้น รองเท้าแตะ เพราะคิดว่าที่นี่ชิลขนาดนี้กูก็ชิลบ้างสิพี่ๆ เขาโอเค ซึ่งบอกเลยว่าพี่คนไหนก็ไม่โอเคหรอก
  • อย่ามาเตรียมอะไรตรงหน้างานเช่นยืมปากกา ยืมที่ถ่ายเอกสาร ยืมกรรไกรตัดรูปสมัครงาน ยืมยางลบ ยืมคอม (อย่าคิดว่ามุกนะเรื่องจริง) ยืมเงิน (อันนี้มุก) แบบนี้แสดงให้เห็นว่าไม่โปร ไม่เตรียมตัว ไม่พร้อม
  • ไปให้ทันเวลา อันนี้สำคัญมากมาไม่ทันเวลาโอกาสที่จะไม่ได้งานนี่โคตรสูง

สัมภาษณ์งานอย่างเป็นธรรมชาติ

5-ways-to-get-job-5

ขั้นตอนสุดท้ายคือการสัมภาษณ์งานซึ่งนี่คือช่วงเวลาที่คุณจะได้ปลดปล่อยสกิลอัลติเมทที่เก็บสะสมมาตลอดหลายวัน งัดมาใช้ให้ถูกจังหวะวันนี้นี่แหละ จะได้งานหรือไม่ได้งานก็หลังจากนี้เลย

  • วางตัวสบายๆ อย่าเกร็ง ถ้าเกร็งจะยิ่งตื่นสนามคราวนี้คุยไม่รู้เรื่องหนักกว่าเดิมอีก
  • อย่าตอบคำถามโดยที่เราเองก็ทำไม่ได้ เช่นเขาถามว่าสามารถทำกราฟิกได้ไหม เราทำไม่ได้นิดหน่อยแต่ตอบไปว่าโห้ว! ผมนี่โคตรเซียน เพราะหวังว่าจะให้เขารับเข้าทำงานไปก่อนเดี๋ยวไปวัดกันทีหลังแล้วนี่ไม่เอานะ
  • พูดความจริง ชอบอะไร สนใจอะไร ทำอะไรได้ก็ตอบไปตามเนื้อผ้า อย่าตอบคำถามเพื่อเอาใจ
  • คิดก่อนจะตอบคำถาม อย่าตอบคำถามออกไปโดยไม่คิด ถ้าไม่ชัวร์นิ่งคิดสักนิดนึงก่อนได้
  • รักษาบุคลิกภาพของตัวเองให้ดี บางคนพอร์ตงานดีมาก แต่บุคลิกไม่ดี กลิ่นตัวแรงเหมือนแบกมะนาวมาทั้งสวน ดูแล้วทำงานด้วยยากเขาก็สามารถตัดคุณออกไปได้ง่ายๆ เลย
  • ทำการบ้านมาก่อนจะดีมากว่าบริษัทที่คุณสมัครงานไปนั้นเกี่ยวกับอะไร ถ้าคุณไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยก็ทำการบ้านให้พร้อม เช่นมาสัมภาษณ์งานที่ Mango Zero แต่ไม่รู้ว่า Mango Zero คือเว็บอะไร (ไม่มุกนี่เรื่องจริง) ความนิยมตกตั้งแต่ตอนนั้นเลยเถอะ
  • อย่าลืมความมั่นใจ เก่งอะไรโชว์ออกไปเลยจะได้ไม่เสียดายทีหลังแบบ “กูไม่น่าเล้ยยยย ทำไมไม่…วะ” โอกาสบางทีก็มาแค่ครั้งเดียว

และตอนนี้ Mango Zero เปิดรับสมัครงานอยู่พอดี บังเอิญมากๆ ใครที่สนใจอยากจะสมัครงานในตำแหน่งดังนี้…

the-zero-team-6

1.Content Creator (3 ตำแหน่ง)
2. Graphic & Video Editor (2 ตำแหน่ง)

ถ้าอยากมาร่วมงานกับเรา อยากทำงานที่สนุก และมีความสุขกับการทำงาน ส่ง Resume, ผลงานที่เคยทำ, แนะนำตัวเองมาเล็กน้อย (ไม่ต้องยาวนะ คิดซะว่าอัพสเตตัสเฟซบุ๊คก็พอ ไม่ต้องเขียนยาวมาแบบเรื่องสั้น)

แล้วส่งมาที่ mangozero2016@gmail.com ตำแหน่ง Content Creator เขียนชื่อหัวอีเมลว่า ‘เรามาช่วยคุณแล้วโรเจอร์ งานที่กองอยู่นั้นฉันจัดการเอง’ ตำแหน่ง Graphic & Video Editor เขียนชื่อหัวอีเมลว่า ‘โทนี่นายจะตายไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ดูวิดีโอที่ชั้นตัด’

 

 

Writer Profile : Sam Ponsan
นักเขียนหนุ่มสุดเท่ที่ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ ขนาดฝนตกยังยอมขี่รถตากฝนเลยเพราะคิดว่าทำแล้วเท่ งานอดิเรกของเขาคือการไปออกกำลังกายเพราะเชื่อว่าทำแล้วเท่ ปัจจุบันก็ยังชอบทำ Content อะไรเท่ๆ ลงเว็บ Mango Zero ด้วย แหม่...เท่จริงๆ
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save