ใครบ้างไม่ชอบเที่ยว? แต่กว่าจะไปเที่ยวได้แต่ละทริปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะต้องเก็บเงิน ไหนจะต้องวางแผน ไหนจะต้องลางาน (ลาเยอะก็ไม่ได้อีก!) ถ้าแบบนั้นแล้วทำไมถึงไม่ไปหางานทำตอนที่เที่ยวเลยล่ะ? เป็นความคิดที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นจริงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ แต่ด้วย 5 โครงการเหล่านี้ จะทำให้เราทำงานไปด้วย และได้เที่ยวรอบโลกไปด้วย แค่ได้ยินก็ตื่นเต้นแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีโครงการไหนที่เหมาะกับเราบ้าง Work and Holiday Work and Holiday (ประเทศออสเตรเลีย) เป็นโครงการมีจะมีโควต้าให้คนแต่ละประเทศไปกดจองโควต้าได้ในจำนวนจำกัดทุกปี เมื่อได้โควต้าแล้วจึงไปทำเรื่องขอวีซ่าเพื่อไปทำงานที่ออสเตรเลียนั่นเอง โดยวีซ่าที่จะต้องไปขอจะมีชื่อว่า “Work and Holiday Visa” นั่นเอง โดยระยะเวลาของวีซ่าประเภทนี้คือ 1 ปีเต็ม ๆ ที่เราสามารถทำงานในประเทศออสเตรเลียได้อย่างถูกกฏหมาย และยังใช้วันว่าง ๆ สนุกไปกันการท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ ของออสเตรเลียอีกด้วย ข้อกำหนด – อายุระหว่าง 18 – 30 ปี (ต้องไม่เกิน 31 ปีบริบูรณ์ในวันที่ยื่นขอวีซ่า) – การศึกษาขั้นต่ำคือปริญญาตรี – ต้องมีผลสอบ IELTS หรือ TOEFL Working Holiday โครงการ Working Holiday นี่ก็เหมือนกับโครงการของประเทศออสเตรเลียเลย แตกต่างกันก็เพียงแค่ชื่อเรียกและปประเทศเท่านั้นเอง คนที่อยากไปโครงการนี้บอกเลยว่าต้องรีบกดโควต้าในแต่ละปีให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปยื่นขอวีซ่าที่ชื่อว่า “Working Holiday Visa” ซึ่งจะทำให้เราได้ไปทำงานที่นิวซีแลนด์อย่างถูกกฏหมายเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม ๆ นอกจากจะทำงานแล้วยังได้เที่ยวในนิวซีแลนด์อีกด้วย ใครที่ชอบเที่ยวประเทศที่มีภูมิทัศน์สวย ๆ ต้องห้ามพลาดโครงการนี้เลยฃ ข้อกำหนด – อายุ 18 – 30 ปี – การศึกษาขั้นต่ำคือปริญญาตรี – ต้องมีผลสอบ IELTS หรือ TOEFL Aupair ออร์แพร์คือโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่เราจะได้ทำงานเป็นเหมือนพี่เลี้ยงเด็กตามครอบครัวต่าง ๆ นั่นเอง โดยระยะเวลาของการเข้าร่วมโครงการคือ 12 – 24 เดือน การที่เราเป็นออร์แพร์นั่นหมายถึงการไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวเจ้าของบ้าน ช่วยเขาดูแลลูก ๆ เมื่อครอบครัวไปเที่ยวกัน เราก็จะได้ไปเที่ยวด้วย!! ใครที่มองว่าโครงการนี้อาจจะเหมือนให้เราไปเป็นแม่บ้าน เป็นคนรับใช้หรือเปล่า รีบดึงสติกลับมาด่วนค่ะ! เพราะพื้นฐานของชื่อโครงการเอง ในภาษาฝรั่งเศสก็หมายถึงความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันของเจ้าของบ้านและผู้ทำหน้าที่ออแพร์เองค่ะ ดังนั้นไม่ต้องห่วง ทำหน้าที่เท่าที่เราต้องทำก็พอแล้วจ้า ข้อกำหนด – อายุ 18 – 26 ปี – มีประสบการณ์การดูแลเด็กอย่างน้อย 200 ชั่วโมงใช่หรือเปล่า – จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า(เป็นอย่างน้อย) Work on Cruise การทำงานบนเรือสำราญเป็นอีกงานหนึ่งที่ฟังดูแล้วแปลกหูแปลกตา นึกไม่ออกว่าจะต้องไปทำอะไรบนเรือบ้าง แถมเวลาออกเรือแต่ละครั้งก็ใช้เวลาหลายวันเหลือกัน บางทริปอาจจะเป็นปี ๆ เลยนะ! แต่ข้อดีของการทำงานบนเรือสำราญก็มีอยู่มากมาย ทั้งได้เที่ยวรอบโลก (บางครั้งก็จอดเทียบท่าในแต่ละประเทศเป็นเวลาหลายวัน) ได้เห็นโลกในมุมใหม่ ๆ (ปกติไปไหนมาไหนก็เครื่องบิน แต่นี่ไปด้วยเรือ!) ได้รู้จักกับเพื่อน ๆ หลากหลายเชื้อชาติ และสุดท้าย ได้เงินดีสุด ๆ ไปเล้ย!! โครงการที่ทำให้เราได้ทำงานบนเรือนั้นมีเยอะมาก ๆ เรียกว่าเป็นงานที่เปิดรับอยู่แทบจะตลอดเวลา เราสามารถเลือกสมัครได้ตามใจชอบ ตามความถนัดของเราเลย หรือถ้าใครยังเป็นนิสิต นักศึกษา ก็มีโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมความยาว 6 เดือนไว้ให้ได้สมัครเข้าร่วมด้วยนะ ข้อกำหนดขึ้นอยู่กับเรือแต่ละลำ แต่ละโครงการ WWOOF โครงการทำงานในฟาร์มของญี่ปุ่นที่ฮอตฮิตตลอดการอย่าง WWOOF ก็ยังเป็นอีกหนึ่งโครงการที่คนไทยให้ความสนใจและอยากจะไปสัมผัสการใช้ชีวิตแบบ WWOOF สักครั้งในชีวิต เพราะไปอยู่ก็อยู่ฟรี กินก็กินฟรี (กับบ้านเจ้าของฟาร์มนั่นแหละ) โดยโครงการนี้มีการเปิดรับตลอดทั้งปี และมีฟาร์มให้เราเลือกสมัครได้ทั่วทุกภูมิภาคของญี่ปุ่น ระยะเวลาการเข้าร่วมโครงการก็นับไป 1 ปีจากวันที่สมัคร จะไปกี่ครั้ง กี่ที่ก็ได้ภายใน 1 ปีนั้น ใครที่คิดว่าการทำงานในฟาร์มจะต้องลำบากมากแน่ ๆ ขอให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะงานในโครงการนี้ไม่ได้หนักขนาดนั้น ส่วนมากจะเน้นไปทางสวนผัก สวนผลไม้มากกว่า ทำให้งานในแต่ละวันไม่หนักมาก มีความเป็นกันเอง และที่สำคัญ ได้สัมผัสการใช้ชีวิตแบบคนญี่ปุ่นจริง ๆ อีกด้วย ข้อจำกัด – ต้องสมัครสมาชิก WWOOF ราคา 5500 เยนต่อปี – อายุ 16 ปีขึ้นไป