category 7 วิธีการชงกาแฟแบบต่างๆ ที่น่ารู้สำหรับคนดื่มกาแฟ

Writer : Taey Ch

: 15 พฤษภาคม 2560

coffee-brewing-methods-08-2

นอกจากอาหาร 5 หมู่ที่คนเราต้องทานให้ครบในแต่ละวันแล้ว กาแฟก็ถือเป็นอีกสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้าวันไหนไม่ได้กินนี่เหมือนร่างกายจะ Shut down เอาซะอย่างนั้น.. แต่จะกินเฉพาะกาแฟผง 3 in 1 สำหรับชงน้ำร้อนชีวิตก็ไม่ค่อยจะมีสีสัน เลยอยากจะมาแนะนำวิธีการชงกาแฟแบบต่างๆ ให้เป็นทางเลือกสำหรับคอกาแฟกัน

coffee-brewing-methods-1

1. Drip

เป็นการชงกาแฟผ่านกระดาษกรอง โดยให้น้ำร้อนหรือหยดน้ำร้อนค่อยๆ ไหลผ่านกระดาษกรอง (หรือ filter สำหรับที่ใช้ชงกาแฟแบบ drip) ลงไปยังภาชนะรองรับ และอาศัยอุณหภูมิน้ำที่พอเหมาะ รวมถึงความเร็วในการเทน้ำที่พอดี เพื่อจะได้กาแฟที่ดีที่สุดออกมา

coffee-brewing-methods-2

2. French Press

French Press การชงกาแฟแบบกด โดยที่ใช้แค่น้ำกับกาแฟบดโดยตรง เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่บริสุทธิ์ที่สุด โดยมีขั้นตอนการชงที่เรียบง่ายที่สุดเช่นกัน แต่วิธีนี้จะต้องใช้เมล็ดกาแฟบดที่มีขนาดหยาบเพื่อให้เมล็ดกาแฟไม่หลุดผ่านตัวกรองลงมา โดยวิธีการชงก็คือให้ใส่เมล็ดกาแฟบดลงไป แล้วตามด้วยน้ำร้อน จากนั้นก็ปิดฝารอเวลาประมาณ 4 นาที แล้วจึงกดเพื่อให้กากกาแฟลงไปด้านล่าง ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน

coffee-brewing-methods-4

3. Espresso

การชงกาแฟแบบ Espresso คือการชงโดยใช้แรงอัดไอน้ำหรือน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วที่บดละเอียด ซึ่งเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้

โดยมีวิธีการชงแบบใช้แรงอัด ทำให้ได้รสชาติกาแฟที่เข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่วไปที่ชงผ่านน้ำหยด และเพราะรสชาติเข้มข้นและหนักแน่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้คอกาแฟมักดื่มเอสเปรสโซโดยไม่ใส่น้ำตาลหรือนมเพิ่ม และมักจะเสิร์ฟเป็นช็อต (แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป

coffee-brewing-methods-6

4. Aeropress

การชงกาแฟแบบ Aeropress เป็นวิธีที่ง่ายมากๆ เพราะมีวิธีการแค่เติมน้ำร้อนที่ได้อุณหภูมิตามที่ต้องการให้เหมาะสมกับกาแฟแต่ละชนิด โดยการทำกาแฟแบบ Aeropress จะเป็นการใช้แรงดันอากาศ ดันน้ำร้อนให้ผ่านผงกาแฟ และกรองด้วย filter ที่มีรูพรุนขนาดเล็ก

coffee-brewing-methods-5

5. Moka Pot

Moka Pot คือหม้อต้มกาแฟสดสไตล์อิตาเลียน โดยวิธีการชงแบบนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับคอกาแฟที่ต้องการกาแฟเข้มๆ โดย Moka pot จะมีส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วน ได้แก่ หม้อใส่น้ำ, กรวยใส่กาแฟ และตัวกาด้านบน โดยวิธีชงก็สามารถทำได้โดยการใส่น้ำลงไปในหม้อให้ถึงขีดที่มีแนะนำเอาไว้ ใส่กรวยกาแฟลงไป จากนั้นจึงใส่กาแฟตาม หลังจากนั้นก็ปิดฝา และนำไปต้มบนเตาแก๊ส เมื่อถึงจุดที่น้ำในหม้อน้ำร้อนได้ที่ ไอน้ำจะดันให้น้ำพุ่งขึ้นผ่านกาแฟ (คล้ายกับหลักการของ Syphon) จากนั้นเมื่อเราปิดไฟ น้ำกาแฟที่เหลือจะดันตัวขึ้นมาอยู่ในกาด้านบน ถือเป็นการเสร็จขั้นตอนการชงโดยใช้หม้อ Moka Pot

coffee-brewing-methods-7-2

6. Syphon

การชงกาแฟแบบสูญญากาศ ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยปี ค..1840 ซึ่งหลังจากนั้นมาอีกร้อยกว่าปีอะกิร่า โคโนะ’ (คนญี่ปุ่น) ได้คิดค้นการดัดแปลงกรรมวิธีเดิมนี้ให้เป็นรูปแบบสมัยใหม่ เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟสดที่กลมกล่อม ซึ่งปัจจุบันวิธีการชงกาแฟแบบสูญญากาศนี้ถูกเรียกว่า Syphon Coffee

โดยวิธีการชงจะใช้หลักสูญญากาศ ซึ่งจะต้องใส่กาแฟไว้ในหม้อด้านบนโดยที่ต้องมีตัวกรองอยู่ด้วยเพื่อไม่ให้ผงกาแฟหล่นลงด้านล่าง จากนั้นจึงเติมน้ำใส่ลงไปในหม้อด้านล่าง ปิดฝาหม้อด้านบน แล้วจุดไฟต้มน้ำให้เดือด จากนั้นน้ำจะถูกดันขึ้นไปยังหม้อด้านบน เมื่อถึงเวลานี้ก็ให้ดับไฟและรอให้น้ำร้อนไหลผ่านกาแฟลงมายังหม้อด้านล่าง เพียงเท่านี้ก็จะได้กาแฟจากการชงแบบ Syphon แล้ว น่าสนใจมาก เหมือนเรียนวิทยาศาสตร์เลย

coffee-brewing-methods-3

7. Chemex

Chemex คือ กรวยชงกาแฟชนิดหนึ่ง โดยวิธีการชงแบบนี้จะมีลักษณะคล้ายๆ กับการ Drip ที่ใช้น้ำร้อนเทใส่ผงกาแฟและผ่านกระดาษกรองลงไป แต่จะแตกต่างกันที่วิธีการนี้ทุกขั้นตอนจะต้องทำด้วยมือตั้งแต่การบดไปจนถึงการเทน้ำร้อนใส่ลงบนผงกาแฟ

ขอบคุณข้อมูลจาก

[Quiz] แบบทดสอบวัดความ ‘แซ่บ’ 'แซ่บ' เบอร์ไหนที่เป็นคุณ

[Review] พาไปชิม ไอศกรีม Ben and Jerry's สาขา The EmQuartier


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save