category 7 วิธี ช่วยให้ตื่นตรงเวลา(ได้เอง) ไม่ต้องสะดุ้งเพราะเสียงแม่ปลุก

Writer : Taey Ch

: 16 กุมภาพันธ์ 2560
how-to-wake-up-in-the-morning-feature

“สายแล้วววววววว ตื่นได้แล้วววววว” ในวัยเด็กทุกคนคงจะคุ้นกับประโยคนี้กันเป็นอย่างดี เป็นเสียงที่มาพร้อมกับอาหารสะดุ้งโหยงและต้องตื่นขึ้นมาพบว่า ยังนอนต่อได้อีกตั้งครึ่งชั่วโมง! .. แต่พอโตมาเราคงจะให้แม่ปลุกต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ เพราะต้องดูแลและรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว Mango Zero จึงได้รวบรวมวิธีที่จะทำให้เช้าของคุณสดใสได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องสะดุ้งเพราะคุณแม่อีกต่อไป

1. กินดี อยู่ดี ตั้งแต่ก่อนนอน

how-to-wake-up-in-the-morning-1

 

หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟและแอลกอฮอล์ 3-4 ชั่วโมง ก่อนเวลานอน เพราะอย่างที่รู้กันว่าคาเฟอีนทำให้รู้สึกตื่น และจะมีผลทำให้นอนไม่หลับได้

อย่ากินอาหารที่เผ็ด หรือมันๆ เลี่ยนๆ ในตอนเย็น เพราะอาหารพวกนี้อาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้องได้

ก่อนนอนอย่าเล่นมือถือเยอะ เพราะจากผลวิจัยบอกว่าแสงจากหน้าจอจะทำให้นอนหลับไม่สบายและอาจทำให้ปวดหัวได้อีกด้วย

 

2. ทำบรรยากาศห้องให้เหมาะกับการนอน

how-to-wake-up-in-the-morning-2

 

นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว บรรยากาศในห้องนอนก็เป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้การนอนหลับของคุณราบรื่นตลอดคืน ไม่เว้นแม้วันมามาก #เห้ยนั่นมันผ้าอนามัย

หากใครที่ตื่นเช้ามารู้สึกว่านอนไม่เต็มอิ่ม อยากจะนอนต่อยาวๆ ลองสังเกตดูว่าบรรยากาศในการนอนของตัวเองดีหรือยัง เช่นควรเปลี่ยนผ้าปูเป็นประจำ ไม่ทิ้งของรกบนเตียง รวมถึงดูว่าตอนก่อนนอนไม่มีแสงแยงตาที่จะทำให้นอนไม่หลับด้วย

 

3. ฝึกนอนให้เป็นกิจวัตร

how-to-wake-up-in-the-morning-3

 

การที่เราตื่นไม่ตรงเวลาอีกอย่างก็เป็นเพราะเรานอนไม่ตรงเวลานั่นเอง ร่างกายคนเราควรพักผ่อนเฉลี่ยประมาณ 8 ชั่วโมง หากเรานอนสายก็จะทำให้เราตื่นสายไปด้วยเพราะร่างกายยังพักผ่อนได้ไม่ครบรอบ

ดังนั้นจึงควรนอนให้เป็นกิจวัตร เช่นหากต้องตื่นมา 7 โมงเพื่อไปทำงาน ก็ควรนอนก่อนห้าทุ่ม เป็นต้น ในช่วงแรกๆ อาจจะฝืนๆ อยู่บ้าง แต่หากทำเป็นประจำ ร่างกายก็จะจำได้ว่าต้องตื่นเวลาไหน และสมองก็จะตื่นตัวตามเวลานั้นๆ

 

4. ตั้งเสียงนาฬิกาปลุกที่เหมาะกับตัวเอง

how-to-wake-up-in-the-morning-4

 

จริงๆ แล้ว หากเราทำตามข้อสามได้ เราอาจไม่ต้องพึ่งพาเสียงจากนาฬิกาปลุกเลย เพราะร่างกายจะตื่นขึ้นมาได้เอง แต่สำหรับคนที่ยังต้องใช้นาฬิกาปลุก ก็ลองหาเสียงที่จะทำให้รู้สึกตื่นตัวและไม่ทำลายเช้าที่สดใสของเราดู แค่นี้ก็จะเป็นการถูกปลุกที่แฮปปี้แล้ว : )

นอกจากนี้เมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก ก็มีข้อแนะนำให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย ไม่งั้นอาจจะขอนอนต่ออีกห้านาที จนกลายเป็นตื่นสายก็ได้!

 

5. ตั้งเป้าหมายว่าตื่นเช้ามาจะทำอะไร

how-to-wake-up-in-the-morning-5

 

ถ้าเรามีเป้าหมายว่าแต่ละวันจะทำอะไร จะทำให้เรามีแรงฮึดในการตื่นมากขึ้น! เช่น เช้านี้ฉันจะตื่นมาออกกำลัง จะตื่นมาจัดห้อง ตื่นมากินข้าวเช้า(ที่โหยหามาตั้งแต่เมื่อคืน) หรือว่าจะตื่นมาเพื่อโทรปลุกใครบางคนก็ได้นะ อิอิ

และนอกจากเป้าหมายแล้ว เราอาจจะตั้งรางวัลไว้ให้กับตัวเอง เช่น เช้านี้ตื่นขึ้นมา ฉันจะยิ้มให้ตัวเองหนึ่งที่ จะให้ตัวเองได้แอบกินอาหารอ้วนๆ(แต่อร่อยมาก) หรือจะตื่นขึ้นมาเพื่อเปิดเพลงสบายๆ ให้ตัวเองได้ฟังก็ได้

 

6. นึกถึงหัวหน้าตัวเองไว้ ว่าถ้าตื่นสายต้องเจอดีแน่นอน!

how-to-wake-up-in-the-morning-6

 

แรงกระตุ้นของคนเรามีหลายอย่าง แต่สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเราจะมีร่วมกันก็คือเจ้านายยยยยยย และกองงานที่สะสมไว้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ พอตื่นมาให้ลองนึกหน้าเจ้านายแล้วตะโกนใส่ตัวเองว่า “ตื่นว้อยยยยยยยยยยยยยย” รับรอง เพียงแค่นี้ชีวิตคุณจะไม่มีคำว่าสายอีกต่อไป #ใครอยากจะพิมพ์รูปเจ้านายแปะไว้บนหัวเตียงก็ได้นะ อิอิ

 

7. หาคนโทรปลุก

how-to-wake-up-in-the-morning-7

 

ว้ายยยยย จะบอกว่าถ้าทั้ง 6 ข้อด้านบนยังไม่ช่วยอะไร จุดนี้มันหมายความว่าคุณไม่มีความสามารถในการตื่นด้วยตัวเองได้แล้ว วิธีที่ต้องทำก็คือ.. หานาฬิกาปลุกเสียงหล่อๆ (หรือสวยๆ) ไว้คอยโทรปลุกทุกเช้า ส่งเสียงหวานๆ บอกว่า ‘มอนิ่งที่รัก’ แค่นี้เช้านั้นก็คงสดใสเบิกบานแล้ว #แต่ถ้าต้องหาคนปลุกก็หานาฬิกาน่าจะง่ายกว่านะ

 


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save