category เจาะเบื้องหลัง "เมคอัพสเปเชียล" เปลี่ยนหน้าจากอีกคนเป็นอีกคน


: 12 พฤศจิกายน 2561

“ความยากคืออันนี้ยากที่สุด เพราะมันคือต้องทำอีกคนหนึ่งให้เป็นอีกคนหนึ่ง แต่ถ้าเกิดว่าเป็นเอเลี่ยนหรือเป็นมอนสเตอร์ง่ายกว่า” คำตอบจากปากของ “อาจารย์เจี๊ยบ” ผู้คุมการแต่งหน้าเอฟเฟคในรายการ “เปลี่ยนหน้าท้าโชว์ Sing Your Face Off” ที่กำลังออกอากาศในตอนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับเสียงฮือฮาของคนดูมาตลอด จากการเปลี่ยนหน้าจากอีกคนไปเป็นอีกคน ที่เหมือนราวกับแกะ

ทั้งหมดใช้เทคนิคแต่งหน้าเท่านั้น ครั้งนี้ทีมงาน Mango Zero มีโอกาสเจาะลึกเบื้องหลังของการเปลี่ยนหน้าด้วย ซึ่งบอกว่าทุกขั้นตอนโคตรยากและต้องใช้ความละเอียดสูง เพราะถ้าพลาดต้องนับหนึ่งใหม่นั่นเอง นอกจากนี้เรายังพูดคุยถึงธุรกิจ “เมคอัพสเปเชี่ยล” ในประเทศไทยด้วยซึ่งน่าสนใจว่ามีคนทำน้อยแต่รายได้โคตรเยอะ มาหาคำตอบจากคลิปนี้กัน

เมื่อไปถึงกองถ่ายรายการ “เปลี่ยนหน้าท้าโชว์ Sing Your Face Off” ก็ได้ยินคนในกองถ่ายเรียก “อาจารย์เจี๊ยบ” แว่วตลอดทางเมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆ จึงได้เห็นว่าอาจารย์กำลังวุ่นวายกับการแต่งหน้าอยู่ ซึ่ง อาจารย์เจี๊ยบ ฐาน ธัญศญาพร คือผู้อยู่เบื้องหลังของการเปลี่ยนหน้านั่นเอง

จุดเริ่มต้น…

เริ่มทำตั้งแต่อายุ 19 ย่าง 20 ปี เป็นคนเริ่มอาชีพนี้เร็ว ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ช่วงซัมเมอร์แล้วเราไม่ได้ลงเรียนซัมเมอร์ก็ว่าง เลยหาอะไรเรียน บวกกับช่วงนั้นดูหนังต่างประเทศบ่อยแล้วมีพวกเอฟเฟคเยอะ เพราะถือเป็นสเปเชี่ยลเอฟเฟคแล้วขึ้นเครดิตตอนท้ายเป็นเบื้องหลัง เราก็เออน่าสนใจจึงหาที่เรียน เลือกเรียนที่ MTI เขาก็สอนตั้งแต่แต่งหน้าปกติจนถึงเอฟเฟคอันนี้ ตอนที่เราไปสมัครเรียนเขาก็บอกว่าถ้าเราจะเรียนเอฟเฟคต้องเริ่มที่แต่งหน้าปกติก่อน ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากแต่งหน้าปกติแต่ว่ามันมีความจำเป็น ต้องเริ่มตรงนี้เพราะว่าเป็นพื้นฐานในการรู้โครงหน้าอะไรอย่างนี้ พอเรียนได้ระยะหนึ่งเขาส่งออกกองเลยเพราะมีแววว่าจะทำได้ทำให้ยังไม่ได้เรียนเอฟเฟค ตอนออกกองปรากฏว่าได้เรียนเอฟเฟคจากรุ่นพี่อีกที ซึ่งเขาก็มีชื่อเสียงด้านการแต่งหน้า แล้วก็กลับเข้ามาสอบคือเรียนข้างนอกแล้วกลับเข้ามาสอบเพื่อเอาวุฒิ แล้วก็เรียนเพิ่มเติมเอาบ้าง (หัวเราะ)

ปกติเป็นคนชอบเรียนเพิ่มเติมโดยดูจากนิตยสารจากต่างประเทศบ้าง เอามาอ่านเพราะว่าเครื่องสำอางที่แต่งเอฟเฟคมันจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีอาการแพ้ เขาก็พัฒนาเพื่อให้อาการแพ้มันน้อยลง จนหายไป ดังนั้นเราต้องศึกษาเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ เอง เพราะว่าที่นี่ไม่มีสอน หลังๆ ก็ต้องศึกษาผ่าน youtube บ้าง

ความยากง่ายระหว่างแต่งหน้าสวยกับเอฟเฟค

จริงๆ แล้วความยากคืออันนี้ยากที่สุด เพราะมันคือต้องทำอีกคนหนึ่งให้เป็นอีกคนหนึ่ง แต่ถ้าเกิดว่าเป็นเอเลี่ยนหรือเป็นมอนสเตอร์ง่ายกว่า เพราะมันมาจากจินตนาการของช่างเองแล้วก็รวมกับของผู้กำกับหรือของดีไซน์เนอร์กองถ่ายรวมกัน แล้วสร้างตัวนั้นขึ้นมา การสร้างใหม่จะง่ายกว่าการทำคัดลอก

ขั้นตอนการ “เปลี่ยนหน้า” จากอีกคนเป็นอีกคน

เราจะต้องหล่อหน้าเขาออกมาก่อนเป็นปูน จากนั้นปั้นดินเราต้องดูว่าเราจะทำหน้าใครจากนั้นก็ปั้นเป็นโครงหน้าของคนนั้นทับบนหน้าศิลปินพอปั้นดินเสร็จแล้วเวลาเราจะถอดชิ้นดินเราจะถอดออกมาทีละส่วนแยกเป็นส่วนๆ แล้วเอามาประกอบโดยชิ้นส่วนที่แยกออกมาประกอบด้วยหน้าผาก จมูก แก้ม ปาก คาง บางคนก็จะมีคอด้วยกรณีที่เปลี่ยนหน้าจากผู้หญิงไปเป็นผู้ชายหรือเปลือยตัวก็ต้องทำชิ้นส่วนที่ตัวมันแล้วแต่โจทย์ว่าต้องการมากน้อยแค่ไหน

พอแยกชิ้นเสร็จแล้วจะเอามาแปะกาวโดยชิ้นเนื้อจะเป็นซิลิโคนชิ้นจะมีซิลิโคนสิ่งที่เราจะประกอบมันติดกับผิวจะใช้ต่างกัน ถ้าเกิดซิลิโคนเราจะใช้กาวซิลิโคนเราจะติดเรียงลำดับทีละชิ้นเพราะว่ามันต้องมีชิ้นที่เกยกันเวลาเราตัดชิ้นปุ๊ปเราจะต้องปาดขอบ มันอธิบายยากเพราะเป็นขั้นตอนที่ยาก สมมติเราตัดชิ้นมันจะมีความหนาของดินในความหนาของดินที่เราเชื่อมต่อกันมันต้องถูกปาดลงสองฝั่งก็แล้วแต่ว่าฝั่งที่เนื้อเยอะกว่าต้องเป็นตัวลงก่อน

แต่ละหน้าต้องใช้เวลาเท่าไหร่

ใช้เวลา 2-8 ชั่วโมง คือหมดทั้งตัวตั้งแต่รอยสักแล้วแต่โจทย์ซึ่งบางโจทย์ก็ใช้เวลายาวนานมาก

อะไรยากกว่ากัน

มันยากเหมือนกัน อย่างนักแสดงเราพบแพทย์ซะส่วนใหญ่ เสริมจมูกบ้าง ทุกอย่างมาครบ (หัวเราะ) บางศิลปินเขายังไม่ได้ทำ เช่น พี่หม่ำ จ๊กมก ไม่ได้ทำจมูก ซึ่งเราต้องเปลี่ยนน้องที่ทำจมูกแล้วให้แบน หรือคนไหนที่เป็นชาวต่างชาติก็ต้องเติมดั่งให้โด่งขึ้นหรือบีบบังคับให้เล็กลง คือถ้าเล็กลงจะยากหรือถ้าขยาย คือการเพิ่มเป็นการทำให้ง่ายแต่ถ้าการลดเป็นเรื่องยาก การลดก็ต้องมาใช้เรื่องแสงและเงาในการแต่งหน้าช่วยมันต้องอยู่ร่วมกัน 

แบบนี้นักแสดงต้องอดทนหรือเปล่า

ยิ่งคนไหนนานต้องอดทนมากเพราะนั่งอยู่ตรงนี้ขั้นต่ำก็หนึ่งชั่วโมง ต่อจากนั้นก็จะลุกไปทำผมไปทำสี เพราะว่าชิ้นเนื้อติดเสร็จก็ต้องมาแต่งสีผิวเพื่อให้เข้ากับสีผิวของศิลปิน

ใช้ทีมงานเยอะขนาดไหน

หนึ่งคนใช้ทีม 2-3 คน แต่อย่าง 8 ชั่วโมงใช้ทีมงาน 8 คน เพราะแต่ละหน้าที่จะเปลี่ยนไป มีฟันบางคนต้องทำฟันด้วยมีใส่เลนส์ แต่งหน้า ทำผม รอยสัก เพราะฉนั้นคนจะเยอะขึ้นตามโจทย์ เราจะเริ่มที่ 2-8 คน เหมือนตามชั่วโมงเลยคือโจทย์ยิ่งเยอะคนก็จะเยอะขึ้น

เมื่อใช้งานเสร็จแล้วเอาไปทำอะไรต่อ

ทิ้งเพราะพวกนี้ใช้ได้แค่ครั้งเดียวเพราะขอบมันไม่สามารถเกลี่ยให้ดีได้เหมือนเดิมแล้ว แต่ถ้าใช้แบบไม่ซีเรียสสามารถใช้ได้แต่ว่าอาจจะถ่ายไกลๆ

เมื่อผลงานเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

มันก็เป็นช่างอ่ะเนอะ บางทีคนดูอาจจะดูไม่ออก อย่างช่างจะดูออกว่างานเสร็จกี่เปอร์เซ็นต์ เราก็ภูมิใจแทนทีมงาน ก็ดีใจ แต่ก็นอยด์เรื่องของการคาดหวังไว้สูงแต่เราได้ไม่ถึงมันก็มี

จากที่คุยกันมาตั้งแต่ต้นเหมือนว่าทำงานหนักมาก

เข่าเสียตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว (หัวเราะ) บางวันยืนไม่ได้นั่ง 12 ชั่วโมงนะ มาถึงพอเริ่มแต่งจนถ่ายเสร็จบางวันก็ไม่ได้นั่งเลย เราต้องดูทีมทั้งหมด คือเมื่อก่อนซีซั่นแรกเอาตัวเราคนเดียวเราจะได้พักบ้าง บางวันพี่ไม่ได้ทานข้าวด้วยนะ เพราะว่าใครไม่ได้อะไรทุกคนก็เรียกหล่ะ ผมไม่ได้ก็วิ่งไปดูผม หน้าตรงโน้นไม่ได้ เราก็ต้องวิ่งเพราะนั้นงานตรงนี้หนักมาก ถามว่าพี่เก่งทุกอย่างไหม ไม่ใช่พี่เหมือนเป็ดอ่ะ ได้หมดเราก็ต้องดูได้ทั้งหมด ต้องดูภาพรวมได้บางคนเขาจะมีความสมาร์ทแต่ละจุด อันนี้แหละที่เป็ดอย่างเราต้องไปดึงความสมาร์ทของแต่ละคนออกมารวมกัน

ผลตอบแทนที่ได้มาคุ้มหรือเปล่า

ถือว่าคุ้มนะ ถ้าไม่เกี่ยวกับค่ารักษาร่างคุ้มทางใจนะ (หัวเราะ) แต่ถ้ารวมค่ารักษาร่างแล้วจริงๆ ก็เหมือนงานทั่วๆ ไปแหละ แต่มันแค่มีความท้าทาย ถ้าใครชอบความท้าทายอันนี้มันคืองานที่ค่อนข้างท้าทาย

สรุปแล้วการแต่งหน้าเอฟเฟคมันเป็นความสวยงามหรืองานศิลป์

รวมหมดเพราะบางคนมันก็แต่งหน้าสวยด้วยเอฟเฟค อันนี้เราจะใช้สเปเชี่ยลเอฟเฟคตอนที่เราติดเท่านั้นแหละแต่มันจะไม่ได้ออกมาเป็นมอนสเตอร์หรือตัวอะไรประหลาดๆ มันออกมาเป็นคนปกติ พี่ถึงบอกว่าศาสตร์นี้มันค่อนข้างลึกซึ้งมากถ้าจะเรียนคุณต้องเรียนหลายอย่างมาก ในการทำงานอันนี้ถ้าจะทำตรงนี้ทำแบบเป็ดอย่างพี่ต้องเรียนทุกส่วน คุณต้องมีความรู้ทุกส่วนแล้วคุณต้องมองภาพรวมให้ได้คือพี่ต้องมองภาพรวมตั้งแต่การปั้นแล้วพี่ต้องไปดูตั้งแต่การปั้นดินเพราะว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะเหมือนไม่เหมือนอยู่ที่ตอนปั้นด้วย

ธุรกิจแต่งหน้าเอฟเฟคในประเทศไทยมีมากน้อยขนาดไหน

ตอนนี้ในประเทศไทยมีไม่น่าถึง 10 เพราะมันใช้งบประมาณสูงในการทำ พอมีเรื่องของการลงทุนคนไทยอาจจะยังไม่ค่อยรับเท่าไหร่ อีกอย่างก็คืออยากให้คนไทยช่วยกันดูงานคนไทยเพื่อจะได้มีเม็ดเงินในการทำเพิ่มขึ้น ถ้าคนไทยทำหนังหรือว่าอะไรก็ตาม แต่ว่าคนไทยไม่ดูกำลังใจเขาก็หายแน่ๆ เพราะว่าเขาตั้งใจที่จะทำงานเมื่อไม่มีเงินเข้ามาลงทุนก็จะไม่มีงานนั่นเอง สังเกตุดูว่าเอฟเฟคเมืองไทย คือพี่ก็ไปทำละครบ้างนะก็มีที่ละครบางเรื่องเขาก็ลงทุนแต่พอจะลงทุนสูงๆ ไม่มีเลยงบละครคือพี่ไม่รู้งบประมาณของแต่ละแบบน่าจะมีต่างกันละครอาจจะมีจำนวนน้อยกว่าภาพยนต์ อันนี้แล้วแต่โปรดักชั่น ส่วนโฆษณาก็จะมีเงินก้อนใหญ่กว่าหรือขึ้นอยู่ว่าเขาเอาเรียลแค่ไหนถ้าเขาเอาฮาความเรียลก็ไม่ต้องมาก็ได้

อนาคตธุรกิจนี้จะในไปทิศทางไหน

อยากให้คนไทยดูผลงานของคนไทย อนาคตของเด็กไทยก็ขึ้นอยู่กับทุกๆ คน เพราะว่าถ้าเรามีทุนเขาก็จะมีงานแบบนี้ทำ จริงๆ ต้องขอบคุณรายการนี้นะ ตั้งแต่ทำรายการอื่นมา รายการนี้ลงทุนเยอะมากเยอะสุดแล้วตั้งแต่พี่ทำรายการมา

สามารถติดตามผลงานเพิ่มเติมของอาจารย์ได้ที่ IG : thantansayapon

Writer Profile : หญิงเกศ
สตรีผู้หลงใหลในการกิน อินกับการเดินทาง หลงทางในตัวหนังสือ(นิยาย) ทำปากจือเวลาถ่ายรูป
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save