ให้ศิลปะได้สื่อสารความรู้สึก “JUST LET ME BE" นิทรรศการภาพวาดจากศิลปินผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม ที่รวบรวมผลงานจากศิลปินกว่า 50 ชีวิต

Writer : kukigugi

: 14 สิงหาคม 2568

🎨 ให้ศิลปะได้สื่อสารความรู้สึก “JUST LET ME BE” นิทรรศการภาพวาดจากศิลปินผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม ที่รวบรวมผลงานจากศิลปินกว่า 50 ชีวิต 🖼️

ครั้งแรกของประเทศไทย ที่ได้รวบรวมผลงานจากศิลปินผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรมกว่า 50 ชีวิต จนเกิดเป็นนิทรรศการ “JUST LET ME BE”  ณ บริเวณโถงชั้น G พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA BANGKOK

เรื่องราวของ “ศิลปะ” เป็นเรื่องที่ไม่สามารถจำกัดความแน่ชัดได้ เพราะองค์ประกอบต่างๆ ที่รวมกันจนได้เป็นผลงานศิลปะในแต่ละชิ้น มักมาจากต่างที่มา ต่างความ แล้วแต่ความรู้สึกที่ศิลปินผู้นั้นจะถ่ายทอดออกมา ไหนจะการตีความจากผู้พบเห็นงานศิลปะชิ้นนั้นที่อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างออกไป ทำให้คำว่า “ศิลปะ” กลายเป็นสิ่งที่ไร้กฎเกณฑ์ แต่เปี่ยมไปด้วยคุณค่า

ดังนั้นเวลาจะเกิดนิทรรศการขึ้นสักครั้งหนึ่ง การวางความหมายจนกลายเป็นคอนเซปต์ของงานนั้น ถือเป็นสิ่งที่ศิลปินเจ้าของผลงานตั้งใจจะสื่อออกมาให้ผู้คนได้เข้าใจความหมายของผลงานศิลปะชิ้นนั้นๆ 

ถึงแม้บางครั้งผู้คนอาจจะเข้าไม่ถึง ตีความคนละแบบ หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่ศิลปินต้องการจะสื่อ นั่นไม่ใช่ความผิดของใคร เพียงแค่ต้องยอมรับความแตกต่าง ด้วยความคิดที่ว่า “ถ้าไม่เข้าใจไม่เป็นไรเลย แค่ปล่อยให้เราได้เป็นตัวของเราเอง”

ซึ่งแนวคิดนี้ได้สอดคล้องไปกับนิทรรศการ “JUST LET ME BE” ได้อย่างสวยงาม เพราะหากเทียบศิลปะเป็นบุคคล เชื่อเถอะว่าคนเหล่านั้นก็มีทั้งเข้าใจง่าย และไม่สามารถเข้าใจได้เลย

เช่นเดียวกับศิลปินกลุ่มนี้ ที่หลายคนอาจจะรู้จักกันในภาษาสากลว่า “ผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม” บางครั้งเราอาจจะไม่เข้าใจในการกระทำของพวกเขา แต่นั่นก็เป็นเพียงการสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่พวกเขาเข้าใจ ดังนั้น “ศิลปะ” จึงกลายเป็นสื่อกลางอย่างหนึ่ง ที่จะสื่อสารอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาออกมาโดยไม่มีผิดไม่มีถูก แต่เราก็ยังคงเรียกสิ่งเหล่านั้นว่า “ศิลปะ”

นิทรรศการภาพวาด “JUST LET ME BE” จึงจัดขึ้นภายใต้แนวคิด IF YOU DON’T UNDERSTAND ME DON ’T WORRY, JUST LET ME BE” ถ้าไม่เข้าใจไม่เป็นไรเลย แค่ปล่อยให้เราได้เป็นตัวของเราเอง 

นิทรรศการที่จะถ่ายทอดความเข้าใจ ในแบบฉบับของตัวเอง ผ่านศิลปินผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรมกว่า 50 ชีวิต ผู้สร้างผลงานศิลปะอันแสนล้ำค่าไม่น้อยหน้าไปกว่าใคร

วันนี้ Mango Zero ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้อยู่เบื้องหลังที่ไม่ใช่เพียงสนับสนุนจนเกิดนิทรรศการนี้ขึ้นมา แต่เป็นผู้ดันหลังให้น้องๆ ทุกคน ได้กลายเป็นศิลปินจริงๆ 

โดยเราได้รับเกียรติจาก คุณสุชาติ โอวาทวรรณสกุล นายกสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย และคุณเปิ้ล-จาริณี เมธีกุล ศิลปินผู้ก่อตั้ง 21/3 STUDIO ที่คอยเป็นกำลังหลักสำคัญที่ทำให้น้องๆ กลุ่มนี้ได้กลายเป็น “ศิลปิน” อย่างเต็มตัว

🌟ความเป็นมาของนิทรรศการ

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นด้วย “ความบังเอิญ” ทำให้คุณเปิ้ล ได้มีโอกาสสอนศิลปะน้องๆ ผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม ด้วยการชักชวนจากคุณสุชาติ 

คุณเปิ้ลเล่าว่า ในตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นศิลปิน แต่เพราะความบังเอิญทำให้คุณเปิ้ลได้สัมผัสกับน้องๆ กลุ่มนี้ ได้ลองสอนศิลปะที่ในตอนแรกจะเป็นการสอนพื้นฐานง่ายๆ แต่เมื่อจากการแจกกระดาษเปล่าสิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นผลงานศิลปะที่ถูกแต่งเติมอย่างไร้ทิศทาง แต่สื่อความหมายได้มากมาย ทำให้คุณเปิ้ลเกิดความสนใจขึ้นมาทันที

หลังจากความคิดนั้นจึงได้เกิดความรู้สึกเสียดายที่จะปล่อยผลงานล้ำค่าเหล่านั้นไปเฉยๆ จึงได้มีการพูดคุยกับคุณสุชาติ เพื่อริเริ่มโครงการสอนศิลปะให้กับน้องๆ ผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์และสถานที่ต่างๆ จนกลายมาเป็นสตูดิโอแห่งแรกในไทย ที่ได้รับสอนผู้ที่มีภาวะดาวน์ซินโดรมที่มีชื่อว่า “21/3 STUDIO” 

เมื่อมีทุกอย่างพร้อม เหล่านักเรียนก็เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น จนมีผู้ปกครองของผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรมมากมายเริ่มหันมาสนใจ และลองเปิดใจ เพราะสตูดิโอนี้ นอกจากจะเข้าเรียนแบบไม่มีค่าใช้จ่ายแล้ว ยังคอยซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เรียนให้ได้มากที่สุดเพื่อจุดมุ่งหวังเดียวคือ การให้ศิลปะเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจ

เป็นไปตามคาด หลังจากผู้คนเปิดกว้างและเปิดใจให้ศิลปะได้แทรกซึมเข้าไป ก็ทำให้เกิดเป็นผลงานศิลปะที่แสนสร้างสรรค์จากเหล่าน้องๆ มากมาย ซึ่งคุณเปิ้ลได้มองว่างานศิลปะพวกนี้ มันล้ำค่าเกินกว่าจะตั้งอยู่เฉยๆ จึงตัดสินใจสร้างนิทรรศการ “JUST LET ME BE” ขึ้นมา เพื่อเป็นการรวบรวมผลงานของน้องๆ กว่า 50 ชีวิต ให้ปรากฏสู่สายตาผู้อื่น

🌟แนวคิดและคอนเซปต์

นิทรรศการ “JUST LET ME BE” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด IF YOU DON’T UNDERSTAND ME DON ’T WORRY, JUST LET ME BE” ถ้าไม่เข้าใจไม่เป็นไรเลย แค่ปล่อยให้เราได้เป็นตัวของเราเอง ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวันดาวน์ซินโดรม ผสมผสานกับมุมมองในแง่ของศิลปะ 

อย่างวลีที่คุ้นหูกันว่า ศิลปะไม่มีถูกผิด ดังนั้นผลงานแต่ละชิ้นขึ้นอยู่กับการตีความผ่านมุมมองของแต่ละบุคคล ซึ่งหากผู้ที่พบเห็นผลงานนั้นไม่เข้าใจ ก็เพียงแค่ปล่อยให้ผลงานชิ้นนั้นมีคุณค่าในตัวของมันต่อไป เหมือนกับเหล่าน้องๆ ที่ผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม เราไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามกับสิ่งที่พวกเขาเป็น เพียงแต่ปล่อยให้พวกเขาได้เป็นตัวของตัวเองก็พอ

ซึ่งหลังจากเกิดโครงการนี้ขึ้น ตัวคุณเปิ้ลและคุณสุชาติเอง ก็ได้เข้าใจในตัวน้องๆ มากยิ่งขึ้นเช่นกัน แถมความเข้าใจนี้ก็ถูกส่งต่อไปให้กับเหล่าผู้ปกครองหลายๆ คนที่อาจจะยังไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ แต่เมื่อได้เปิดใจและพาผูัที่มีภาวะดาวน์ซินโดรมในความดูแลมาเข้าเรียนที่สตูดิโอแห่งนี้ ก็จะพบว่า น้องๆ เองก็มีเรื่องราวที่อยากสื่อสารออกไป เพียงแต่บางครั้งอาจจะไม่ใช่การสื่อสารที่คนทั่วไปเข้าใจได้โดยง่าย งานศิลปะเหล่านี้เอง จึงเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดความรู้สึก 

🌟 ความมุ่งหวัง

แน่นอนว่าความมุ่งหวังอันสูงสุดคือการได้พัฒนาศักยภาพของน้องๆ ได้อย่างเต็มที่ที่สุด สร้างทักษะรวมถึงพลังใจให้กับผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรมทั้งที่เรียนอยู่ที่แห่งนี้ หรือผู้อื่นๆ ที่มีประสบการณ์ร่วมกัน เพราะศิลปะนั้นช่วยบำบัดได้จริง การใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางเพื่อให้คนกลุ่มนี้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน

เพราะเริ่มแรกคุณสุชาติได้เล็งเห็นถึงปัญหาและการเรียกร้องสิทธิ์ในการเข้าเรียนของผู้มีภาวะดาวซิโดรม มีผู้คนมากมายผ่านความเจ็บปวดทางการศึกษาเพียงเพราะพวกเขาไม่ได้เป็นเหมือนใคร เมื่อคุณสุชาติและคุณเปิ้ลเองมีกำลังมากพอที่จะส่งเสียงแทนคนกลุ่มนี้ พวกเขาจึงพยายามอย่างเต็มกำลัง

รวมถึงการยกระดับของคนกลุ่มนี้ในแง่ของศิลปะที่บางครั้งทักษะที่พวกเขามี อาจจะมากกว่าคนทั่วไปเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่ได้รับโอกาส ไม่ได้ถูกมองเห็น ดังนั้นการจัดนิทรรศการในครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนกระบอกเสียงที่จะทำให้ทั่วโลก ได้มองเห็นผลงานและความสามารถเหล่านี้มากขึ้น

🌟 การต่อยอดในอนาคต

แน่นอนว่าการจัดนิทรรศการครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง ที่ทำให้ผู้คนได้มองเห็นผลงานของศิลปินกลุ่มนี้มากขึ้น และทั้งคุณเปิ้ลและคุณสุชาติเอง ก็ไม่ได้อยากจะหยุดเพียงเท่านี้ 

ยังมีแพลนอีกมากมายเพื่อที่จะต่อยอดให้กลุ่มผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม ได้ใช้ชีวิตแบบปกติ อาทิเช่น การเปิดสตาร์ทอัพร้านกาแฟ ร้านอาหาร ให้กับน้องๆ เพื่อมีทางเลือกในอาชีพมากขึ้น เพราะบางคนอาจจะไม่ได้ถนัดศิลปะ แต่ถนัดทำอาหาร หรือถนัดงานด้านอื่นๆ ดังนั้นหากสามารถขยายการจ้างงานได้ครอบคลุมหลายอาชีพมากขึ้น คุณภาพชีวิตของพวกเขาก็จะดีขึ้นเช่นกัน

แต่ในขณะเดียวกัน “ศิลปะ” ก็ยังคงจะเป็นหนึ่งในทางเลือกสำคัญที่จะคอยส่งเสริมทักษะและความสามารถของพวกเขาต่อไป และหวังว่าจะได้มีโอกาสไปจัดแสดงงานที่ต่างประเทศสักครั้งหนึ่ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกของประเทศไทยจริงๆ และเชื่อว่าจะยังสามารถต่อยอดนิทรรศการนี้ได้อีกไกลอย่างแน่นอน

หากใครที่สนใจเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการ “JUST LET ME BE” สามารถเข้าชมได้แล้วตั้งแต่วันที่ 14-31 สิงหาคม 2568 ณ บริเวณโถงชั้น G พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA BANGKOK

มาร่วมสนับสนุนผลงานดีๆ จากน้องๆ ที่มีความสามารถ และเชื่อว่าทุกคนจะได้รับพลังที่สื่อผ่านผลงานแต่ละชิ้นกลับไปไม่มากก็น้อยเช่นเดียวกัน

Writer Profile : kukigugi
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

[NEWS] ใส่ใจทุกคน! Sony เปิดตัวจอย PS5 สำหรับผู้บกพร่องทางร่างกาย

[NEWS] ปรับก่อนไม่รอแล้วนะ! ญี่ปุ่น ฮ่องกง ประกาศขึ้นค่าแรง - ค่าล่วงเวลา


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save