[8.5/10] รีวิว Kong: Skull Island คอง มหาภัยเกาะกะโหลก

Writer : Taey Ch

: 9 มีนาคม 2560

[8.5/10] รีวิว Kong: Skull Island คอง มหาภัยเกาะกะโหลก

รีวิว Kong: Skull Island คอง มหาภัยเกาะกะโหลก

ภาพยนตร์รีเมคภาคใหม่ ที่น่าจะถูกใจคอหนังแอคชั่นหลายๆ คน กลับมาคราวนี้คองพาเราไปเจอกับเกาะกะโหลก ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดเอฟเฟกต์อลังการ และยังแทรกเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ที่แสวงหาความเป็นอำนาจ บนฉากเบื้องหลังเป็นยุคสงครามที่อเมริกาบุกไปรบกับประเทศต่างๆ เพื่อแสดงอำนาจผ่านอาวุธยุโธปกรณ์

รู้จักกับ Kong: Skull Island (2017) 

  • เป็นหนังรีเมค (remake) ของ King Kong เวอร์ชันต้นฉบับ โดยนำมาเล่าใหม่ผ่านตัวละครที่แสดงโดย Tom Hiddleston รับบทเป็นทหารเก่าผู้มารับหน้าที่นำการเดินทางคณะทหารและนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกา ที่ต้องการสำรวจเกาะหัวกะโหลกเพื่อค้นหาสัตว์ประหลาดยักษ์ และสิ่งมหัศจรรย์ที่ยังไม่มีมนุษย์จากชาติอื่นค้นพบ ซึ่ง Kong ในเวอร์ชันนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีการสร้างมาเลย
  • กำกับโดย จอร์แดน โว้ค-โรเบิร์ต (Jordan Vogt-Roberts) ผู้กำกับหนัง The Kings of Summer
  • นำแสดงโดย ทอม ฮิดเดิลสตัน (Tom Hiddleston), บรี ลาร์สัน (Brie Larson) เจ้าของรางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Room (2015) และ ซามูเอล ลี แจ็กสัน (Samuel L. Jackson)

หนังแฝงความรู้ประวัติศาสตร์

ในช่วงต้นเรื่อง หนังได้เกริ่นเรื่องราวสงครามตามช่วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่ ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (1940s) ไล่มาจนถึงยุคสงครามเวียดนาม (1970s) ซึ่งคนที่สนใจประวัติศาสตร์น่าจะรู้สึกอินไปกับตรรกะของบทได้ดีเลย ทั้งเรื่องการสร้างขีปนาวุธเพื่อแสดงถึงความก้าวล้ำของสหรัฐ รวมไปถึงการบุกไปประเทศต่างๆ เพื่อแสดงความเป็นอภิมหาอำนาจ โดยเส้นเรื่องหลักๆ จะอยู่ในยุคที่ ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ

ศัตรูไม่มีอยู่จริง จนกระทั่งเราออกตามหา

หนังเรื่องนี้แทรกความคิดแบบประเทศมหาอำนาจตลอดทั้งเรื่อง ตั้งแต่ช่วงต้นที่พูดถึงทหารยศสูงนายหนึ่ง ที่ชอบการออกรบเป็นพิเศษ พูดถึงอาวุธของตัวเองว่าดีที่สุด ไม่มีอะไรจะทำลายล้างได้ รวมถึงยังแสดงออกถึงความคิดแบบมหาอำนาจที่เมื่อโดยใครหยามแล้วต้องเอาคืนให้สำเร็จ ทั้งหมดนี้หนังได้เล่าผ่านตัวละครตัวหนึ่ง ซึ่งก็คือ แพ็คการ์ด (Packard) ทหารยศใหญ่ที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็บอกเล่าในมุมของทหารลูกน้องที่บางครั้งก็ไม่ได้มีความคิดสุดโต่งเหมือนหัวหน้า แต่ก็ต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย (ถึงจะไม่เต็มใจก็ตาม)

ศัตรูไม่มีอยู่จริง จนกระทั่งเราออกตามหา

หนังเรื่องนี้แทรกความคิดแบบประเทศมหาอำนาจตลอดทั้งเรื่อง ตั้งแต่ช่วงต้นที่พูดถึงทหารยศสูงนายหนึ่ง ที่ชอบการออกรบเป็นพิเศษ พูดถึงอาวุธของตัวเองว่าดีที่สุด ไม่มีอะไรจะทำลายล้างได้ รวมถึงยังแสดงออกถึงความคิดแบบมหาอำนาจที่เมื่อโดยใครหยามแล้วต้องเอาคืนให้สำเร็จ ทั้งหมดนี้หนังได้เล่าผ่านตัวละครตัวหนึ่ง ซึ่งก็คือ แพ็คการ์ด (Packard) ทหารยศใหญ่ที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็บอกเล่าในมุมของทหารลูกน้องที่บางครั้งก็ไม่ได้มีความคิดสุดโต่งเหมือนหัวหน้า แต่ก็ต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย (ถึงจะไม่เต็มใจก็ตาม)

สถานที่ถ่ายทำส่วนใหญ่อยู่ที่เวียดนาม

นอกจากเส้นเรื่องในหนังจะเกิดในช่วงสงครามเวียดนามปี 1970s แล้ว สถานที่ถ่ายทำส่วนใหญ่ของหนังเรื่องนี้ก็อยู่ที่ประเทศเวียดนามด้วย ใครที่เคยไปฮานอย และมีโอกาสได้ไปเที่ยวฮาลองบก และ ฮาลองเบย์ ถ้ามาดูภาพยนตร์เรื่องนี้อาจรู้สึกคุ้นกับสถานที่แทบทุกฉากเลย หรือใครอยากไปตามรอยหนังก็ไปได้ง่ายๆ

ไม่ใช่หนัง Drama แต่เป็น Action-Comedy

แน่นอนว่า Kong ถูกสร้างให้เป็นหนัง action อยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่สงสัยว่าเป็นแนวเครียดหรือตลก ก็บอกเลยว่าไม่ใช่หนังที่ดูแล้วเครียดแน่นอน เพราะตั้งแต่ตัวนักแสดงเองก็มีความตลกเป็นทุนเดิม มุกต่างๆ ถูกปล่อยออกมาแบบไม่ล้นเกิน ทำให้ตลอด 2 ชั่วโมง เป็นการดูที่ผ่านไปไวมาก ลองไปดูกัน !

ไม่ใช่หนัง Drama แต่เป็น Action-Comedy

แน่นอนว่า Kong ถูกสร้างให้เป็นหนัง action อยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่สงสัยว่าเป็นแนวเครียดหรือตลก ก็บอกเลยว่าไม่ใช่หนังที่ดูแล้วเครียดแน่นอน เพราะตั้งแต่ตัวนักแสดงเองก็มีความตลกเป็นทุนเดิม มุกต่างๆ ถูกปล่อยออกมาแบบไม่ล้นเกิน ทำให้ตลอด 2 ชั่วโมง เป็นการดูที่ผ่านไปไวมาก ลองไปดูกัน !

อีกหนึ่งความดีงามของการดูหนังรอบนี้ ก็คือระบบ MX4D ของ SF World Cinema ที่ตอนแรกเราคิดว่า เหย..มันจะทำให้เสียอรรถรสการดูหนังหรือเปล่า แต่พอดูแล้วรู้สึกว่ามันเนียนไปกับหนังดีมาก จังหวะการปล่อยลมปล่อยน้ำต่างๆ ก็ไม่ได้แย่งซีนจากหนัง แต่กลับทำให้อินกับหนังมากขึ้น (เออแปลกดี) ข้อเสียอย่างเดียวก็คือกลิ่นลมที่ไม่ค่อยชอบเท่านั้น นอกนั้นดีงามมาก อยากให้ไปลองกัน

สรุป Kong: Skull Island มหาภัยเกาะกะโหลก

  • เอาไป 8.5 คะแนน
  • บทหนัง มีการผูกเรื่องประวัติศาสตร์เข้าไป ทำให้คนที่สนใจตรรกะในหนังอย่างเราเชื่อ และอินไปกับหนัง
  • เอฟเฟกต์ต่างๆ ถูกโชว์ออกมาเยอะมาก ตั้งแต่พวกเรื่องระเบิด รวมถึงสัตว์มหัศจรรย์ทั้งหลาย อย่างคิงคองตัวบิ๊กเบิ้ม เป็นต้น
  • เพลงประกอบ ใส่ออกมาได้อารมณ์ยุคนั้นมาก คือไม่คิดว่าหนังสงคราม คิงคอง จะใช้เพลงสนุกๆ มาประกอบ ทำให้อยากไปหาฟังต่อเพิ่ม
  • การดำเนินเรื่อง ไม่น่าเบื่อเลย ถึงแม้ว่าช่วงกลางๆ เป็นต้นไป บทบางอย่างอาจไม่ค่อยสมเหตุสมผล แต่ก็ยังสนุกและดูไปได้จนจบ
  • นักแสดง ความดีงามอย่างแรกคือหุ่นของพี่ทอม อย่างสองคือความชิคของนางเอก และโดยรวมนักแสดงทุกคนเล่นได้ดีมากๆ (รวมถึงคิงคองด้วย)
  • บท 70%
  • เอฟเฟกต์ 96%
  • การดำเนินเรื่อง 80%
  • เพลงประกอบ 89%
  • นักแสดง 83%
  • คะแนนรวม 85%
Writer Profile : Taey Ch
Blog : tharanya.co Social Media : Facebook, Twitter
View all post
[10/10] รีวิว Dunkirk : ไม่ดราม่า ไม่ระเบิดตู้มต้ามอลังการ แต่บีบคั้นหัวใจสุดๆ

[10/10] รีวิว Dunkirk : ไม่ดราม่า ไม่ระเบิดตู้มต้ามอลังการ แต่บีบคั้นหัวใจสุดๆ

[7.5/10] รีวิว A Silent Voice รักไร้เสียง แอนิเมชั่นที่พ่อแม่และวัยรุ่นไม่ควรมองข้าม

[8/10] รีวิว Beauty and the Beast โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 2017

[7/10] รีวิว What Happened to Monday 7 เป็น 7 ตาย

[9/10] รีวิว Despicable me 3 มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3

[10/10] รีวิว 'ฉลาดเกมส์โกง' หนังไทยระดับฮอลลีวูดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

[10/10] รีวิว 'ฉลาดเกมส์โกง' หนังไทยระดับฮอลลีวูดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

รีวิว : ร่างทรง (2021)

[9/10] รีวิว Die Tomorrow หนังของพี่เต๋อที่แค่จบพาร์ทแรกก็อยากลุกกลับบ้านแล้ว


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save