หลายคนถ้าใครมาบอกว่าคุณติดโซเชียล คุณคงไม่ยอมรับและเชื่อว่าตัวคุณสามารถควบคุมปริมาณการเลื่อนฟีด, ลงรูป, ตั้งสเตตัส, เช็กอิน ได้โดยไม่ได้ลำบากอะไร แต่รู้หรือไม่คนส่วนใหญ่นั้นไม่รู้ตัวซะแล้วว่าเขากำลังติดโซเชียลอยู่ ไม่ได้เล่นแล้วจะเริ่มกระสับกระส่าย อยากแชร์อยากเห็นยอดไลค์แทบทนไม่ได้ ซึ่งตอนนี้คุณเองก็กำลังอ่านโพสต์นี้ผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เช่นกัน เพราะฉะนั้นลองมาเช็กเล่นๆ กันหน่อยดีกว่าว่าตอนนี้คุณติดโซเชียลมีเดียมากไปหรือเปล่า ? เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการเล่นโซเชียล FOMO Fear of Missing Out คำย่อที่ใช้เรียกอาการกลัวพลาดข่าวสาร หรือรู้ไม่เท่าคนอื่น ทำให้อยากเชื่อมต่อกับโลกโซเชียลอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารใดๆ 18% ของคนเล่นโซเชียลมีเดีย ทนไม่ได้ถ้าใน 2 – 3 ชั่วโมงหลังจากตื่นนอนไม่ได้เช็กโซเชียลมีเดียทุกช่องทางที่ตัวเองมี ใช้เวลาประมาณ 1.40 ชั่วโมงต่อวันอยู่ในโลก Social Media คนประมาณ 350 ล้านคน ติดเฟซบุ้ก โดยเป็นคนอายุตั้งแต่ 16 – 25 ปีเป็นส่วนใหญ่ และ 60% เป็นผู้หญิง ที่อ่านฟีดสุดฮิตคือบนเตียงระหว่างห่มผ้าห่ม คิดเป็น 66% 31% ของวัยรุ่น ชอบเขียนสเตตัสหรืออ่านฟีดขณะนั่งอยู่ในห้องน้ำ 45% ของผู้ใช้ ชอบเช็กไทม์ไลน์ตัวเองระหว่างทานอาหาร ข้อดีของ Social Media (จากผลสำรวจของวัยรุ่น 1,000 คน) 50% บอกว่าการเล่นโซเชียลช่วยเรื่องมิตรภาพ 30% บอกว่าช่วยให้พวกเขาเป็นคนเข้าสังคมขึ้น 4 ใน 5 คน คิดลบขึ้น เมื่อไม่ได้เชื่อมต่อโลกโซเขียล 1 วัน เช็กกันหน่อย คุณติดโซเชียลถึงขั้นไหนแล้ว คุณเช็กมือถือของคุณเมื่อเห็นการแจ้งเตือนของแอปใดๆ ก็ตามเด้งขึ้นมา คุณคิดว่าเมื่อไม่มีอินเทอร์เน็ต โลกของคุณก็จบสิ้นด้วยเช่นกัน คุณคิดว่าคนอื่นๆ เข้าใจศัพท์เฉพาะที่คุณใช้ในโลกโซเชียลเช่นกัน เช่น กลจ (กำลังใจ), อห (โอ้โห), ถถถถ(5555) เมื่อไปสถานที่ใหม่ๆ คุณมักจะเช็กอินเสมอเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนแล้ว คุณมักบอกทุกคนในโลกโซเชียลว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่แทบทุกชั่วโมง คุณมักไปพบปะเพื่อนที่ติดโซเชียลเหมือนกันและแพลนว่าวีคหน้าจะอัปเดตชีวิตผ่านเฟซบุ้กยังไงบ้าง คุณแท็กเพื่อนบนรูปแม้จะไม่มีเพื่อนคนนั้นอยู่ในรูปก็ตามเพื่อให้เพื่อนคนนั้นเห็นรูปที่ถูกแท็กบนไทม์ไลน์ ในแคปชั่นรูปคุณจะใส่ #แฮชแท็ก แทบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องในรูปเสมอ คุณส่งคำเชิญในเกมที่คุณเล่นไปให้เพื่อนและครอบครัวเป็นประจำ คุณเชื่อว่าชีวิตของคุณในโซเชียลมีความเคลื่อนไหวมากกว่าชีวิตจริงคุณมักประสาทเสียถ้าอัปรูปลงในโซเชียลไม่ได้ คุณสร้างบัญชีโซเชียลให้สัตว์เลี้ยงของคุณด้วย คุณอยู่ไม่ได้หากไม่มีโซเชียลมีเดียคอยอยู่เป็นเพื่อน ถ้าเพื่อนของคุณไม่มีเฟซบุ้คคุณจะมองว่าเขาเป็นคนประหลาด คุณจะรู้สึกเครียดหากเพื่อนใหม่ไม่รับคำขอเป็นเพื่อนของคุณ คุณชอบที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการรวบรวมเพื่อนไว้ในสต็อคของคุณ คุณภูมิใจถ้ารูปของตัวคุณเองได้ยอดไลค์เกิน 100 อาหารที่คุณทานมักไปปรากฎบนโซเชียลมีเดียเสมอ คุณแอบเล่นโซเชียลมีเดียในที่ทำงานอยู่บ่อยๆ คุณเคยบังเอิญเขียนชื่อนามแฝงที่ใช้ในโลกโซเชียลไปเซ็นเอกสารในชีวิตจริง คุณจะรู้สึกนอยด์ถ้าไม่มีใครมาคอมเมนต์สเตตัสของคุณ คุณใช้เวลาในโซเชียลมากกว่า 4 ช.ม. ต่อวัน คุณแอ้ดคนแปลกหน้าเป็นเพื่อนเพื่อเพิ่มยอดในบัญชีผู้ใช้ของคุณ เมื่อตื่นขึ้นมากลางดึกคุณจะไม่พลาดที่จะเช็กมือถือของคุณเสมอ คุณจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเมื่อพูดคุยกับคนที่ไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดีย ถ้าคุณได้ 1-9 ข้อ คุณเล่นโซเชียลในแบบพอดี ถ้าคุณได้ 10 – 20 ข้อ สัญญานว่าคุณเริ่มจะติดโซเชียลหนักไปแล้ว อย่าลืมออกไปสูดอากาศข้างนอก หรือไปเจอเพื่อน พูดคุยแลกเปลี่ยนกันนอกโลกโซเชียลดูบ้าง ถ้าคุณได้ 20 ข้อ ขึ้นไป คุณควรลดการใช้โซเชียลลงบ้างเพราะคุณติดโซเชียลมากไปเสียแล้ว ระวังว่าอาการนี้จะทำให้ชีวิตจริงของคุณพังลง 7 วิธีช่วยเลิกติดโซเชียล ปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด วิธีนี้จะทำให้เช็กการแจ้งเตือนเป็นรอบๆ เมื่อไ่เห็นการแจ้งเตือนที่เด้งมาแบบเรียลไทม์จะทำให้ไม่เบี่ยงความสนใจไปมากนัก ตั้งลิมิตให้ตัวเอง ตั้งเวลาบนมือถือหรือนาฬิกาเพื่อจำกัดเวลาการเล่นแต่ละครั้ง อาจเป็นวันละชั่วโมง คราวนี้เวลาเราเล่นแต่ละครั้งก็ค่อยๆ หักลบเวลาที่เราตั้งไว้ไปเรื่อยๆ ถึงจะดูเป็บททดสอบตัวเองที่ดูท้าทายและทำได้ยากแต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน หากิจกรรมที่ตัวเองสนใจทำ เติมเต็มเวลาว่างด้วยการหาอะไรทำเพื่อให้จิตใจและสมองไม่ไดไปติดอยู่แต่กับเรื่องออนไลน์อย่าเดียว เช่น การวาดรูป ฟังเพลง กีฬา ต่างๆ เป็นต้น ใช้เวลากับคนที่เรารักมากขึ้น ใช้เวลากับคนที่เรารักในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว, เพื่อน, คนรัก สร้างความทรงจำร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องบันทึกทุกเรื่องราวผ่านการเซล์ฟฟี่ ให้เป็นรางวัลตัวเอง ทำให้การเช็กโซเชียลมีเดียเป็นการให้รางวัลตัวเองเมื่อคุณทำอะไรสำเร็จซักอย่างในชีวิตจริง คุณก็ค่อยอนุญาตให้ตัวเองเช็กหน้าจอของคุณได้วิธีนี้จะเปลี่ยนวิธีที่คุณมองโซเชียลมีเดียว่าไม่ได้เป็นทุกอย่างในชีวิตคุณ ออกไปเจอผู้คนในชีวิตจริง พูดคุยกันแบบไม่ผ่านโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นนัดกินข้าว เล่นบอร์ดเกม หรือออกกำลังกายร่วมกันก็ได้ หักดิบการใช้โซเชียล คุณอาจหยุดเล่นโซเชียลไปเลยโดยปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตของมือถือทิ้งซะหรือลบแอปโซเชียลมีดียทิ้งไปเลยก็ได้ อาจเริ่ม 1 วันต่อสัปดาห์ โดยวิธีนี้อาจฟังดูโหดร้ายแต่ก็ทำให้คุณมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกเยอะและอาจทำให้คุณเห็นมุมมองใหม่ๆ ของชีวิตเพิ่มขึ้นด้วย ขอบคุณที่มาจาก : Small Business, Laurelpapworth, Brandongaille