วันนี้ Mango Zero จะพาทุกคนไปทำความรู้จักว่า Apple Watch นั้นทำอะไรได้บ้าง แทนโทรศัพท์ได้เลยหรือไม่ แล้วทำไมถึงเป็นสิ่งที่ต้องมี! ดูเวลาจากหน้าปัดสุดโปรด ไม่พูดถึงก็ดูยังไงอยู่ ใช่ เพราะว่าเป็นนาฬิกา Apple Watch สามารถดูเวลาได้ แต่เพิ่มความพิเศษขึ้นมาตรงที่เลือกภาพพื้นหลังได้! ไม่ว่าจะเป็นรูปโปรดจากอัลบั้มในโทรศัพท์ หรือเป็นลวดลาย อย่าง Gradient ไล่สี Solar ที่ให้ความรู้สึกเหมือนนักวิทยาศาสตร์ สายศิลปะต้องถูกใจ Kaleidoscope หรือสปอร์ตๆ แบบ Infograph Modular ที่พูดมาเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายลายให้เลือกได้ตามใจ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกแอปโปรดขึ้นมาแสดงผลที่หน้าจอแบบเรียลไทม์ได้ ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ ฟังเพลง แสดงอัตราการเต้นของหัวใจ หุ้น สถานะแบตเตอรี่ และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับนาฬิกาทั่วไป จะเสียอย่างเดียว ก็คือเวลาในการอ่านให้ครบทุกแอปเพิ่มอย่างเพลิดเพลินเท่านั้นล่ะ แจ้งเตือนข้อมูลจากโทรศัพท์ โทรศัพท์กำลังผจญภัยอยู่ที่ไหนสักแห่งในดินแดนกระเป๋าใบใหญ่ แต่เพลงที่ไม่ชอบก็ดันโพล่งขึ้นมาระหว่างยืนเบียดบนบีทีเอสพอดี ปัญหานี้จะหมดไปหากเชื่อมต่อ Apple Watch กับโทรศัพท์ เพราะสามารถกดเลื่อนเพลงได้ รวมไปถึงปรับระดับความดัง/เบาได้อีกต่างหาก ไม่ใช่แค่แอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงเท่านั้นที่สามารถทำแบบนี้ได้ แต่ยังมีอีกหลายแอปฯ อาทิ ZERO (สำหรับการทำ Intermitten Fasing) หรือ Telegram เพื่อส่งข้อความ และทุกๆ การแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นในโทรศัพท์ ก็จะปรากฎบนหน้าจอ Apple Watch เช่นเดียวกัน ทั้ง Line Instagram หรือแจ้งเตือนทั่วๆ ไปอย่าง Grab และ Reminder ต่างๆ คุยโทรศัพท์ เปลี่ยนสถานการณ์เป็นอยู่บ้านกันบ้าง หากเผลอวางโทรศัพท์ไว้ที่ห้องไหนก็ไม่รู้ แล้วดันมีคนโทรเข้ามาทั้งที่ปิดเสียงอยู่ หากใส่ Apple Watch ก็สามารถรับสายแล้วพูดคุยได้เลยโดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์ (อาจจะดูเหมือนเป็นสายลับนิดๆ ที่คุยกับข้อมือตัวเอง แต่มันเวิร์คอยู่นะ) และยังสามารถคุยกับสิริเหมือนตอนใช้ iPhone หรือคุยกับเพื่อนที่มี Apple Watch เหมือนกันได้ด้วย Walkie Talkie แอปฯ สีเหลืองที่หลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่หากได้ลอง รับรองว่าสนุกสนานเหมือนตอนส่งข้อความไลน์ไปหาเพื่อนแน่นอน วัดข้อมูลทางด้านสุขภาพ หนึ่งเหตุผลที่บ่งชี้ว่าทำไม Apple Watch ถึงเหมาะกับผู้สูงอายุ ก็คือการตรวจวัดข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพ พร้อมทั้งแจ้งเตือนทันทีที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น วัดจังหวะการเต้นของหัวใจ และแจ้งเตือนหากมีจังหวะการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในรุ่น *Apple Watch Series 6 * ที่จะมีแอป ECG สามารถวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ ซึ่งมีประโยชน์ในการวินิจฉัยภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) ระดับออกซิเจนในเลือด *เฉพาะรุ่น Apple Watch Series 6 * สามารถวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด ซึ่งบ่งบอกถึงระดับสุขภาพโดยรวม ตรวจจับการล้ม สำหรับผู้ใช้ที่อายุ 65 ขึ้นไป ระบบนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อตรวจจับถึงแรงสั่นสะเทือน ระบบจะแจ้งเตือนให้โทรเข้าหาเบอร์ที่เซ็ตไว้เป็นเบอร์ฉุกเฉิน และหากไม่มีการเคลื่อนไหนเป็นเวลาหนึ่งนาที นาฬิกาจะทำการโทรออกฉุกเฉินทันที สุขภาพการได้ยิน เมื่อระดับเดซิเบลรอบตัว หรือเสียงที่เฮดโฟนดังจนอาจเป็นอันตรายต่อการได้ยิน Apple Watch จะส่งเสียงเตือน หรือจะตั้งขีดความปลอดภัยเองก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ออกกำลังกายสบายยิ่งขึ้น สายสปอร์ตถูกใจสิ่งนี้ Apple Watch ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของการออกกำลังกาย เพราะมีการวัดหลากหลายแนวกิจกรรม ทั้งโยคะ วิ่ง เล่นแบดมินตัน ไปจนถึงการปีนเขา ระหว่างที่คุณทำกิจกรรมอยู่นั้น เจ้านาฬิกานี้ก็จะช่วยจับเวลา วัดระบบชีพจร และนับแคลอรี่ที่เราเผาผลาญไป หากไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ ก็ยังมีวงแหวนกิจกรรม ที่คอยกระตุ้นให้คุณยืน เดิน และหายใจมาทดแทนให้สุขภาพดีอย่างพอเหมาะอีกด้วย เป็นแผนที่ ชี้ถูกไม่มีหลง ในตัว Apple Watch นั้นมีแอปฯ แผนที่ ที่บอกทิศทางเหมือนมีไกด์มาเดินอยู่ข้างๆ ด้วยการส่งเสียงและสั่นเตือนเพื่อบอกว่าต้องเลี้ยวเมื่อไหร่ และยังช่วยลุ้นด้วยการสั่นเตือนว่าถึงที่ตามที่ปักไว้แล้ว และยังมีแอปฯ เข็มทิศ ที่ระบุความชัน ละติจูด ลองจิจูด และระดับความสูงจากพื้นแบบเรียลไทม์ ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นบน Apple Watch โดยไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์