[Review] iPhone SE แอปเปิ้ลผลเล็ก สเป็คเลิศ ใช่แล้ว! สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทุกคนนี้ คือ iPhone SE สมาร์ทโฟนน้องใหม่จากค่ายแอปเปิ้ล ที่เพิ่งเปิดตัวไปพร้อมความฮือฮาเมื่อราวๆ กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยราคาที่สุดย่อมเยา สตาร์ทไม่ถึงหมื่นห้าแต่ได้ไอโฟนที่ทั้งใหม่และแรง กลายเป็นกระแสตั้งแต่ก่อนขายจริง ว่าถ้าเทียบกับไอโฟนรุ่นอื่นๆ หรือแม้แต่เทียบกับแอนดรอยด์ iPhone SE มีข้อเด่นข้อด้อยยังไง และวันนี้ มันก็มาอยู่ในมือ Mango Zero แล้ว! เลยขออนุญาตแกะกล่องออกมาบอกต่อว่าเจ้า iPhone SE รุ่นใหม่นี้ใช้งานได้ดียังไง ซึ่งจากการแกะออกมาเทสต์นู่นนี่นั่นแบบเร็วๆ ก็ต้องบอกเลยว่า นี่คือแอปเปิ้ลผลเล็กที่สเป็คเลิศอยู่นะ กะทัดรัด…แต่ (จอ) ชัดเจน แว้บแรกที่เห็นเจ้า iPhone SE หลังจากแกะกล่อง ก็ต้องบอกว่า ขนาดมันเล็กจริงตามที่ใครๆ เขาบอก ไม่ใช่ไซส์ที่เราคุ้นเคยจากไอโฟนรุ่นใกล้ๆ หรือมือถือรุ่นใหม่ๆ เจ้าอื่นๆ แต่พอได้ลองจับถือ ก็พบว่ามันจับได้ถนัดมือดีแท้ แถมยังเบามากๆ ด้วย ยืนยันด้วยตัวเลขเหล่านี้ -ความสูง 138.4 มม. -ความกว้าง 67.3 มม. -ความหนา 7.3 มม. -น้ำหนัก 148 กรัม ดีไซน์สวยงามแบบกระจก และเป็นอะลูมิเนียมที่ทนทาน บวกกับความชัดเจนจากจอภาพ Retina HD 4.7” ที่มองมุมไหนก็งดงาม (งด แปลว่ายังงามอยู่) และความละเอียด 1334 x 750 พิกเซลที่ 326 ppi อ้อ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องภายนอก ก็ต้องบอกว่ามันไม่มีช่องเสียบ 3.5 มม.ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้บอดี้เหมือน iPhone 8 ถ้าจะเสียบแจ็คหูฟัง ก็ต้องเป็นหูฟังที่เชื่อมจากช่อง Lightning เช่น EarPods (ที่แถมมาในกล่องนั่นแหละ) หรือพวกหูฟัง Bluetooth สรุปสั้นๆ ว่ามันคือมือถือไซส์กะทัดรัดที่อาจจะดูหนังฟังเพลงได้ไม่สะใจขนาดนั้น แต่ก็ทดแทนด้วยภาพที่คมชัด เรียกว่าเล็กแต่แซ่บก็ได้ กล้องชัด สีจัดจ้าน เอ้าา 1-2-3 ยิ้มมมม 😀 มั่นใจได้เลยว่าทุกช่วงเวลาดีๆ ของคุณจะถูกบันทึกเป็นภาพที่คมชัดด้วยกล้องสุดล้ำจาก iPhone SE ด้วยชิพ A13 Bionic ที่ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ถ่ายภาพแบบสวยสดหมดห่วง จบที่หลังกล้องนี่แหละ ตามสเป็คนี้เลย -กล้องไวด์ ความละเอียด 12MP -รูรับแสงขนาด ƒ/1.8 ซูมดิจิตอลได้สูงสุด 5 เท่า -โหมดภาพถ่ายบุคคล พร้อมโบเก้ที่สมจริงและการควบคุมระยะชัดลึก -จัดแสงภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟกต์ 6 แบบ (แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวที, แสงไฟเวทีขาวดำ, แสงไฟขาวดำไฮคีย์) -ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล -ชุดเลนส์ 6 ชิ้น -แฟลช True Tone แบบ LED พร้อมคุณสมบัติสโลว์ซิงค์ -พาโนรามา (สูงสุด 63MP) -HDR อัจฉริยะเจเนอเรชั่นถัดไปสำหรับภาพถ่าย -ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ -โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง -กล้องหน้าความละเอียด 7MP รูรับแสงขนาด ƒ/2.2 ภาพเคลื่อนไหวก็เลิศไม่แพ้กัน iPhone SE รองรับการวิดีโอระดับ 4K ที่ให้ความละเอียดกว่าวิดีโอ HD 1080p ถึง 4 เท่า และด้วยช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น จะช่วยเพิ่มรายละเอียดของไฮไลท์และเงาให้มากขึ้นด้วย นอกจากนั้นก็ยังมี -ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล -ซูมดิจิตอลได้สูงสุด 3 เท่า -แฟลช True Tone แบบ LED -QuickTake -สโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps หรือ 240 fps -ไทม์แลปส์ พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว -ระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ (4K, 1080p และ 720p) -ออโต้โฟกัสแบบต่อเนื่อง -ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 8MP ขณะบันทึกวิดีโอระดับ 4K -ซูมขณะเล่น -บันทึกเสียงสเตอริโอ อะ คิดท่าโพสต์สวยๆ รอเลยนะ พร้อมถ่ายด้วย iPhone SE แล้ว A13 Bionic ชิพไว ใช้ทน สิ่งที่ยืนยันว่า iPhone SE คือแอปเปิ้ลผลเล็ก แต่สเป็คเลิศ คือมันมาพร้อมชิพที่ทรงพลังที่สุด A13 Bionic เหมือนเอาสมองของ iPhone 11Pro ใส่ลงในเครื่อง iPhone SE ยังไงงั้น ว่ากันว่านี่เป็นชิพที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเปิดแอป เล่นเกม หรือสนุกกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็รวดเร็วลื่นไหลอย่างมหัศจรรย์ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมแบตเตอรี่เทียบเท่ากับ iPhone 8 ที่ 1821 mAh ซึ่งก็เรียนตามตรงว่ามันอาจจะน้อยไปสำหรับคนที่คิดจะใช้งานอย่างหนักหน่วงตลอดวัน รองรับการชมวิดีโอนานสูงสุด 13 ชั่วโมง ถ้าไม่ได้แคร์ในจุดนี้มาก (หรือพกเพาเวอร์แบงค์ติดตัวจนชิน) ก็โอเค๊ Touch นี้ที่คุ้นเคย ข้อนี้เหมาะมากๆ ในช่วง New Normal ที่ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยเข้าหากัน เพราะ iPhone รุ่นนี้มาพร้อมปุ่ม Home ที่มีระบบ Touch ID ให้เราสแกนนิ้วเพื่อปลดล็อคหน้าจอได้ ไม่ใช่ระบบสแกนใบหน้าหรือ Face ID เหมือนไอโฟนรุ่นใหม่ๆ คราวนี้ก็ไม่ต้องคอยดึงแมสก์ลงจากหน้าเพื่อสแกนปลดล็อคมือถือแล้ว ไอโฟนรุ่นสุดท้ายที่มีระบบ Touch ID ต้องย้อนกลับไป iPhone 8 โน่นเลย ซึ่งก็เป็นระบบที่หลายคนคุ้นเคย ถึงจะคุ้นกับการสแกนใบหน้ากันแล้ว แต่ก็มีคนไม่น้อยที่คิดถึงการใช้นิ้วในการสแกน เอาล่ะ นี่แหละสิ่งที่เราเรียกหามาตลอด Dual Sims สองซิม ไม่ติงนัง สองเบอร์ในเครื่องเดียวมีอยู่จริง ไม่ติงนัง เพราะ iPhone SE เขารองรับ 1 eSim กับ 1 ซิมขนาดนาโน ในเครื่องเดียว ใครที่ต้องการโทรศัพท์ที่มีทั้งเบอร์ส่วนตัวและเบอร์สำหรับทำงาน (หรือสำหรับอื่นๆ ใดๆ) iPhone SE ก็ตอบโจทย์ ไม่ต้องซื้ออีกเครื่องให้เปลืองเงิน เครื่องเดียวอยู่! ตกน้ำไม่ไหล กันได้ 1 เมตร นอกจากจะทำตกจนจอแตก อีกอุบัติเหตุที่เกิดบ่อยกับโทรศัพท์มือถือเราก็คือ เผลอทำน้ำหกใส่ หรือเลยเถิดไปถึงทำตกน้ำ ซึ่ง iPhone SE ก็ตระหนักถึงปัญหานี้ เพราะคนเราก็ซุ่มซ่ามพลาดพลั้งกันได้ เลยออกแบบมาให้ทนน้ำได้ลึกถึง 1 เมตร อยู่ได้นาน 30 นาที และถ้าเป็นน้ำอื่นๆ อาทิกาแฟ ชา หรือน้ำอัดลม ถ้าหกใส่ยังไงก็ไม่หวั่น ราคาสบายใจ จ่ายได้สบายกระเป๋า ดีงามอย่างนี้ อย่าเพิ่งคิดว่ามันจะมีราคาแพงระดับหลักหมื่นที่ขึ้นต้นด้วยเลข 2 เพราะนี่คือราคาแท้จริงของมัน! -64GB = 14,900 บาท -128GB = 16,900 บาท -256GB = 20,900 บาท ถูกจริงไม่จกตา ถ้าให้แนะนำก็บอกเลยว่า ตัว 128GB น่าซื้อน่าคบหาสุดแล้ว เพราะบวกเงินเพิ่มจาก 64GB แค่ 2,000 ก็ได้ความจุที่มากขึ้นตั้งเท่าตัว ไม่เพียงเท่านี้ ใครที่เคยใช้ iPhone 7 หรือ 8 ก็เอาเคสของมือถือรุ่นนั้นมาใช้กับ iPhone SE ได้ด้วยนะ ประหยัดค่าเคสไปอี๊ก ใครที่คิดจะเปลี่ยนค่ายมาซบอกแอปเปิ้ล, เป็น First Jobber, ยังเรียนอยู่ หรือคิดจะเปลี่ยนมือถือใหม่พอดี นี่คือตัวเลือกที่เข้าท่ามากๆ