category เจาะลึก 4 เรื่องราวลับ “ตลาดน้อย” ชุมชนจีนที่อยากให้คนไทยลองไป

Writer : uss

: 25 เมษายน 2565

เจาะลึก 4 เรื่องราวลับตลาดน้อยชุมชนจีนที่อยากให้คนไทยลองไป

“ตลาดน้อย” ถือเป็นอีกหนึ่งย่านชุมชนคนจีนที่เก่าแก่ในเขตกรุงเทพฯ โดยเป็นตลาดใหม่ที่ขยายพื้นที่มาจากตลาดสำเพ็ง เดิมทีย่านนี้มีคนจีนอาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นย่านการค้าที่มีขนาดเล็กซุกซ่อนอยู่ในตรอกแถวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และด้วยความเก่าแก่ของย่านตลาดน้อย แน่นอนว่า…ย่อมมีเรื่องราวความลับที่หลายคนไม่รู้ว่าซ่อนอยู่  

วันนี้ MANGO ZERO เลยอยากชวนทุกคนมาร่วมเดินทาง พร้อมเจาะหาความลับที่ซ่อนอยู่ตามจุดแลนด์มาร์คในย่านตลาดน้อย ที่พวกเราเชื่อว่าหากทุกคนได้เข้าไปสัมผัสแล้วจะหลงเสน่ห์ไม่แพ้เยาวราชเลยทีเดียว

มาเริ่มกันที่แรก! สถานที่นี้อยู่บนถนนเจริญกรุงที่ตัดผ่านย่านสำคัญหลายแห่ง ตั้งอยู่ริมถนนมีต้นโพธิ์ใหญ่ให้ร่มเงา มองเข้าไปด้านในจะเห็นพระอุโบสถศิลปะจีนตกแต่งปูนปั้นอย่างวิจิตร ชวนสัมผัสความงดงามระหว่างไทย – เวียดนาม ที่  “วัดอุภัยราชบำรุง” หรือที่คนแถวนั้นคุ้นเคยกันดีว่า “วัดญวนตลาดน้อย” 

 

ความลับแรกที่เราจะพาทุกคนมาเจาะลึกนั่นก็คือ “วัดอุภัยราชบำรุงเป็นหนึ่งในศาสนสถานที่แสดงถึงความสัมพันธ์ และตอกย้ำสัมพันธไมตรีอันยาวนานระหว่างประเทศไทยกับเวียดนาม 

ทำไมวัดอุภัยราชบำรุง ถึงเป็นสถานที่ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของไทยกับเวียดนาม ?

เพราะว่า  เป็นวัดฝ่ายอนัมนิกายที่มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยองเชียงสือ และพวกพ้องซึ่งเป็นชาวญวนได้เข้ามาพึ่งพาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระองค์จึงได้พระราชทานที่ดินให้ตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในการก่อสร้างวัด ชาวเวียดนามจึงได้สร้างวัดศรัทธาของตนขึ้น ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีวัดจีนในบางกอก ชาวจีนที่นับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายานก็ได้อาศัยทำบุญที่วัดแห่งนี้ด้วย

เติมบุญกันไปเรียบร้อยแล้ว อยากชวนทุกคนมาเปลี่ยนบรรยากาศก้าวข้ามประตูเข้าไปในบ้านเก่า พร้อมเจาะลึกความลับงานสถาปัตยกรรมจีนที่ผ่านฮวงจุ้ยเพื่อสะท้อนให้เกิดสิริมงคลกับผู้อาศัย และที่นั่งซึ่งมองเห็นทัศนียภาพของของแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ร้าน “ฮงเซียงกง” 

ฮงเชียงกงเป็นคาเฟ่แห่งใหม่ที่ตกแต่งแบบจีนโบราณ โดยดัดแปลงมาจากบ้านหลังเก่าซึ่งยังคงโครงสร้างเก่า และรายละเอียดต่างๆ ของบ้านไว้ มีความแปลกตาด้วยรากไม้ใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมผนัง พร้อมเฟอร์นิเจอร์ไม้ และของตกแต่งข้าวของเครื่องใช้แบบจีนโบราณ 

ภายในร้านมีพื้นที่ค่อนข้างโปร่งกว้างโดยบรรยากาศเป็นคาเฟ่ริมแม่น้ำ มีทั้งโซนนั่งรับลมด้านนอก หรือนั่งดื่มด่ำไปกับการตกแต่งสไตล์จีนด้านในร้าน พร้อมทั้งโซนที่นั่ง Outdoor ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงมีส่วนของ Gallery ที่อยู่บริเวณชั้นสองของร้าน 

อิ่มปุ๊บเราไปลุยต่อปั๊บกับ “เฮงเส็ง” ร้านขายเบาะกับที่มาของเบาะไหว้เจ้าทำมือตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มาสู่สินค้าตกแต่งบ้านในปัจจุบัน 

ร้านเฮงเส็งถือเป็นร้านที่เราจะได้ไปชมวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของวัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม เพราะร้านนี้ก่อตั้งมานานกว่า 100 ปี จากรุ่นสู่รุ่น และยังเป็นร้านแรกและร้านเดียวในตลาดน้อย โดยมาพร้อมกับความลับที่สำคัญของร้านนี้นั่นก็คือ เป็นการผลิตมือในทุกขั้นตอน 

โดยร้านเฮงเส็งถือเป็นร้านทำเบาะที่ดังมาก ๆ เพราะศาลเจ้าในระแวกใกล้เคียง และทั่วประเทศได้มีการติดต่อให้ทำเบาะไหว้เจ้าอยู่เสมอ ซึ่งเบาะที่ทำนั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งทรงกลม หมอน และมุ้ง 

อีกหนึ่งเคล็ดลับที่ทำให้เฮงเส็งยังประสบความสำเร็จคือการใส่ใจในทุกขั้นตอน เพราะว่าเป็นงานทำมือ ย่อมมีความละเอียด และเห็นได้ถึงความใส่ใจในการทำ โดยขั้นตอนในการทำนั้นก็มีความพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นการใส่นุ่น กากมะพร้าวเข้าไปไว้ตรงกลางเพื่อให้ทรงคงที่  รวมถึงการเย็บมือที่ต้องอาศัยความแม่นยำเพื่อให้ออกมาเป็นรูปทรงที่สวยงาม 

โดยความสนุกอีกอย่างของเบาะไหว้เจ้าคือ สีเบาะจะเปลี่ยนตามเทศกาล เทศกาลกินเจคนนิยมสั่งทำเบาะสีเหลือง แต่ถ้าเป็นงานกงเต๊กคนนิยมสั่งทำเบาะสีน้ำเงิน 

 

และที่สุดท้ายเรามาสำรวจเรื่องราวความน่าสนใจแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ผ่านอาคารบ้านเรือนต่างๆ ณ “บ้านเลขที่ ๑ เจริญกรุง” ประวัติศาสตร์ที่งดงามเหนือกาลเวลา

บ้านเลขที่ 1 เป็นอาคารเก่าแก่ อายุเกือบร้อยปีตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 30 หรือตรอกกัปตันบุช ลักษณะของอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปยุคนีโอคลาสสิค โดยความลับของชื่อว่าทำไมถึงชื่อ “บ้านเลขที่ 1 “ นั่นก็คือ เนื่องจากเขตบางรัก (เดิมเป็นเขตสี่พระยา) ถือว่าบ้านหลังนี้เป็นสมบัติขององคมนตรี และได้รับเกียรติเป็นอันดับหนึ่ง จึงกลายเป็นบ้านเลขที่ 1 นั่นเอง

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือว่าบ้านหลังที่ 1 เป็นโครงสร้างที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ซึ่งแสดงถึงสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคแท้ เพราะอาคารแสดงออกถึงความแข็งแกร่งและสง่างาม รวมถึงตัวบ้านยังสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 5 หลังจากเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป

โดยในปัจจุบันบ้านเลขที่ 1 ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกลายมาเป็นสถานที่จัดงานของคนที่หลงใหลในเสน่ห์ความเป็นไทย โดยแต่ละชั้นสามารถรองรับแขกได้ประมาณ 60 คน และมีลานจอดรถรองรับที่ 150 คัน 

 

 

Writer Profile : uss
ชอบฟังเพลงพอๆ กับชอบนอนหลับ :)
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save