เสน่ห์ของภาพยนตร์สายลับอย่างเจมส์ บอนด์ หรือมิสชัน อิมพอสสิเบิล นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากปริศนาลึกลับและภารกิจเสี่ยงตายต่างๆ แล้ว ก็คือบรรดาอุปกรณ์ไฮเทคที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เหล่าตัวเอกนั่นเอง ในการ์ตูนสืบสวนสุดฮิตอย่าง ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เอง อุปกรณ์เหล่านี้ก็มีบทบาทสำคัญที่เป็นเหตุผลให้การ์ตูนเรื่องนี้สนุกไม่เคยเสื่อมคลายเหมือนกัน! หูกระต่าย / หน้ากาก / สายรัดคอ / ปากกาเปลี่ยนเสียง + ลำโพงกระดุม อุปกรณ์ไฮเทคชิ้นแรกที่โคนันได้รับมาจากดร.อากาสะ เพื่อให้สามารถไขคดีได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัว และเป็นชิ้นสำคัญที่โคนันพกไว้ไม่เคยห่าง สามารถปรับให้เป็นเสียงคล้ายใครก็ได้เพียงหมุนแป้นตัวเลข ปกติจะใช้ทำเสียงโมริ โคโกโร่ หรือคนอื่นๆ เพื่อไขคดี แต่ก็ใช้ในสถานการณ์อื่นๆ เช่นหลอกล่อศัตรูหรือสั่งการตำรวจและพวกผู้ใหญ่ หากใช้คู่กับลำโพงรูปกระดุม โคนันก็จะสามารถเปลี่ยนเสียงพูดจากระยะไกลๆ ได้ด้วย เทคโนโลยีเดียวกันนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นหน้ากากเปลี่ยนเสียงเพื่อให้ไฮบาระ ไอ ใช้ปลอมตัวเป็นโคนัน และสายรัดคอเปลี่ยนเสียงของโอคิยะ สุบารุ นอกจากนั้นดร.อากาสะยังเอาไปใช้ทำเป็นปากกาเปลี่ยนเสียง (ในฉบับอนิเมะเป็นเครื่องเปลี่ยนเสียงลายหน้ากากไยบะ) วางจำหน่าย ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากลูกค้าเด็กๆ รวมถึงสมาชิกขบวนการนักสืบเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง รองเท้าเพิ่มพลังเตะ + เข็มขัดยิงลูกบอล อุปกรณ์ที่เหมาะกับโคนันซึ่งเก่งเรื่องการเล่นฟุตบอลระดับเคยถูกทีมชาติมาทาบทามที่สุดนี้จะปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้มกล้ามเนื้อบริเวณเท้าของโคนันเพื่อให้สามารถเตะออกไปด้วยพลังแรงสูงได้ ข้อเสียก็คือหากวัตถุที่เตะไม่แข็งแรงพอ มันก็จะแตกเละคาเท้า ภายหลังดร.อากาสะจึงประดิษฐ์เข็มขัดที่สามารถสูบลมและปล่อยลูกฟุตบอลออกมาได้ แต่จะฟีบไปในเวลาเพียง 10 วินาทีและมีบอลบรรจุอยู่เพียง 2 ลูกเท่านั้น โคนันจึงมักใช้เมื่อหาอย่างอื่นเตะไม่ได้จริงๆ ในมูฟวี่ เข็มขัดนี้ยังสามารถสูบลมลูกฟุตบอลให้ใหญ่ยักษ์เป็นบอลลูน เพื่อลอยขึ้นจากน้ำ หรือเมื่อจมหิมะได้ ในภาค 18 ดร.เพิ่มบอลแบบพิเศษซึ่งสามารถระเบิดออกเป็นพลุหลากสีได้ ซึ่งโคนันใช้ส่องแสงตอนกลางคืนเพื่อระบุตำแหน่งศัตรู นาฬิกาปืนยาสลบ / ไฟฉาย / โทรศัพท์ดาวเทียม / แฟลชไดรฟ์ ถึงจะมีหูกระต่ายเปลี่ยนเสียงแต่กลับไม่มีอุปกรณ์ที่ทำให้โคโกโร่หมดสติ ในครั้งแรกๆ โคนันจึงใช้วิธีเตะของกระแทกหัวโคโกโร่ให้สลบเพื่อไขคดี แต่ถ้าทำแบบนั้นทุกครั้งคงตายก่อน ดร.อากาสะจึงประดิษฐ์นาฬิกายิงยาสลบให้ ทั้งเพื่อใช้คลี่คลายคดีและเพื่อจัดการกับคนร้าย เมื่อกดปุ่ม กระจกหน้าปัดนาฬิกาจะเปิดออกเป็นเครื่องเล็งเป้า และสามารถยิงเข็มเคลือบยากล่อมประสาทอ่อนๆ ใส่เป้าหมายให้สลบได้ใน 5 วินาทีเมื่อกดอีกครั้ง นาฬิกาบรรจุเข็มได้ครั้งละเล่มเท่านั้น จึงจะยิงพลาดไม่ได้เด็ดขาด มีระยะยิงหวังผลอยู่ประมาณ 2 เมตร ในช่วงหลังๆ ดูเหมือนตัวโคโกโร่จะโดนยิงบ่อยจนเริ่มดื้อยา ทำให้เวลาสลบลดน้อยลง นาฬิกาของเขายังสามารถใช้งานเป็นไฟฉายและไฟแบล็คไลท์ได้ ซึ่งฟังก์ชันนี้ดร.อากาสะก็ทำให้เด็กๆ สมาชิกขบวนการนักสืบเยาวชนทุกคนได้ใช้ด้วย นอกจากนั้นในมูฟวี่ภาค 17 นาฬิกาของโคนันยังถูกดัดแปลงเพิ่มให้เป็นโทรศัพท์ดาวเทียมและแฟลชไดรฟ์เก็บข้อมูลด้วย แว่นตาดักฟัง / ติดตามตัว / ส่องทางไกล / กันกระสุน แว่นตาของโคนันเดิมทีเป็นแว่นของพ่อเขาซึ่งใส่เพื่ออำพรางตัวเท่านั้น เขาถอดเลนส์สายตาทิ้งตั้งแต่ตอนแรกเพราะใส่แล้วเวียนหัว ดร.อากาสะจึงดัดแปลงเลนส์ให้ใหม่โดยเปลี่ยนเป็นแว่นเรดาร์ติดตามคนร้าย เมื่อกดปุ่มที่แว่นจะมีเสาอากาศยืดออกมา สามารถติดตามเครื่องส่งสัญญาณได้รัศมี 20 กิโลเมตร ขาแว่นของโคนันเป็นเทคโนโลยีนำเสียงที่เรียกว่า “โบน คอนดัคชั่น” หรือการสร้างแรงสั่นสะเทือนไปยังกระดูกในหูเพื่อให้เกิดเสียง วิธีนี้ดีกว่าการนำเสียงผ่านอากาศแบบหูฟังโดยทั่วไปเพราะจะไม่มีเสียงออกมาภายนอกและไม่จำเป็นต้องใส่อุดรูหูด้วย จึงมีหูฟังสำหรับการออกกำลังกายหลายรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีนี้วางจำหน่ายอยู่จริงๆ โคนันมักใช้ในการดักฟังบทสนทนาของคนร้ายและชายชุดดำ เวลาต่อมาดร.อากาสะยังได้เพิ่มฟังก์ชั่นมองเห็นในที่มืด (ไนท์-วิชั่น) ซูมภาพ และจับการเคลื่อนไหวของเป้าหมายลงไปในแว่นตา นอกจากนั้นในมูฟวี่ภาค 3 โคนันรู้ว่าคนร้ายมีนิสัยชอบเล็งยิงที่ตาเท่านั้น จึงขอให้ดอกเตอร์ดัดแปลงเลนส์แว่นให้เป็นกระจกกันกระสุนเพื่อป้องกันตัวด้วย เข็มกลัดขบวนการนักสืบ ดร.อากาสะ ประดิษฐ์เข็มกลัดนี้ให้กับเด็กๆ สมาชิกขบวนการนักสืบเยาวชนทุกคน เป็นเข็มกลัดรูปเชอร์ล็อคโฮล์มส และตัวอักษร DB (ดีเทคทีฟ บอยส์) สามารถใช้งานเป็นวิทยุสื่อสาร (วอล์กกี้ ทอล์กกี้) ได้ นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์ติดตามตัวที่สามารถใช้แว่นตาของโคนันตามหาได้ จึงเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่มีประโยชน์มาก ในภาคมูฟวี่ 18 ดร.อากาสะดัดแปลงเข็มกลัดเพื่อเพิ่มระยะในการสื่อสาร เพราะโคนันบ่นว่าเป็นเข็มกลัดห่วยๆ แต่เกิดข้อผิดพลาดที่ทำให้เข็มกลัดส่งสัญญาณมอสคีโต้ซาวนด์ ซึ่งเป็นเสียงที่มีเฉพาะเด็กๆ เท่านั้นจะได้ยินออกมา โคนันจึงใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการหาตัวคนร้ายในที่มืด สายรัดกางเกงยืดหดได้ สายรัดเข็มขัดที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นสูง สามารถยืดยาวได้มากถึง 100 เมตร และเมื่อกดปุ่มก็จะหดกลับมาเท่าความยาวปกติ สามารถใช้ในการยก ดึง ลาก แม้แต่สิ่งของหนักๆ ได้โดยไม่ขาด สเก็ตบอร์ด / สโนวบอร์ดติดเทอร์โบ โคนันบนสเก็ตบอร์ดเป็นภาพที่หลายๆ คนคุ้นตา แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาใช้งานมันในเนื้อเรื่องหลักเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ตรงกันข้ามกับในฉบับมูฟวี่ซึ่งสเก็ตบอร์ดมีบทบาทในการไล่ล่าคนร้ายเป็นอย่างยิ่ง ความเร็วสูงสุด 80 ก.ม./ช.ม. ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เดิมจึงไม่สามารถใช้ได้ในเวลากลางคืน แต่ได้รับการอัพเกรดให้สามารถเก็บพลังงานไว้ใช้ตอนกลางคืนได้ 30 นาที ในเวลาต่อมา ในมูฟวี่ภาค 15 สเก็ตบอร์ดถูกดัดแปลงเป็นสโนวบอร์ดสำหรับวิ่งบนหิมะ และในมูฟวี่โคนันปะทะลูแปง สเก็ตบอร์ดนี้ยังถูกดัดแปลงให้สามารถเก็บล้อแล้ววิ่งบนน้ำได้ด้วย อุปกรณ์อื่นๆ ที่เคยปรากฏในเรื่อง ข้าวกล่องโทรสาร เครื่องโทรศัพท์และส่งโทรสารในรูปข้าวกล่อง เปิดใช้งานได้โดยกดปุ่มรูปบ๊วยดอง อาหารทั้งหมดในกล่องเป็นอาหารจริงๆ สรุปว่ามันก็แค่การเอาโทรสารใส่ลงไปในกล่องข้าวแค่นั้นแหละ ทั้งเรื่องโคนันใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ต่างหูโทรศัพท์ โทรศัพท์ที่อยู่ในรูปของต่างหู โคนันเคยให้รันใช้เพื่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ทั้งเรื่องโคนันได้ใช้เพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ลำโพง / เครื่องดักฟังรูปกระดุมข้อมือ สามารถใช้ได้ทั้งเพื่อดักฟังผ่านหูฟังที่ขาแว่น และส่งเสียงผ่านหูกระต่ายเปลี่ยนเสียง เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่โคนันได้ใช้เพียงครั้งเดียวในมูฟวี่ภาค 9 เครื่องร่อนขนาดพกพา เครื่องร่อนที่สามารถเก็บพับเหลือขนาดเท่ากระเป๋าเป้ปกติ สามารถบังคับทิศทางได้โดยดึงเชือกสองเส้น โคนันใช้ครั้งเดียวเพื่อต่อกรกับเครื่องร่อนของจอมโจรคิดในมูฟวี่ภาค 8 ถังอากาศขนาดพกพา ถังออกซิเจนขนาดเท่าปากกา เพียงแค่คาบไว้ก็สามารถหายใจในน้ำได้นานถึง 10 นาที โคนันใช้ดำน้ำในมูฟวี่ภาค 11 น่าเสียดายที่เพราะโคนันอยู่มายาวนานถึงกว่า 20 ปี โทรศัพท์ในเรื่องเองก็กลายเป็นสมาร์ทโฟนไปหมดแล้ว แถมยังมีคดีที่ใช้ไอแพ็ดในการฆาตกรรมด้วย ความไฮเทคของสิ่งประดิษฐ์หลายๆ อย่าง เช่นโทรศัพท์หรือโทรสารจึงลดลงและหายไปตามกาลเวลา น่าสนใจอย่างยิ่งว่าหากการ์ตูนเรื่องนี้ยังดำเนินต่อไปในยุคไอทีนี้ เราจะได้เห็นสิ่งประดิษฐ์น่าสนใจแบบไหนอีกนะ น่าลุ้นจริงๆ เลย!
