Gravity Motion จากเด็กชอบเต้น K-POP สู่เบื้องหลัง MV สาย Cover dance

Writer : fonn

: 10 กรกฏาคม 2562

 

หนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตของเหล่าแฟนคลับ K-POP ในทุกยุค ก็คือการเต้น Cover dance ซึ่งทุกวันนี้ไม่ธรรมดา เพราะเรามักจะเห็นการเต้นของวง Cover dance มาพร้อมกับ Music video ที่สวยงาม และหนึ่งในทีม Production ที่สรรสร้างการทำ Music video เหล่านี้ ก็คือทีม Gravity Motion

Gravity Motion ทีม Production ที่เกิดจากการรวมตัวกันของคน 3 คน ที่ชอบดนตรี K-POP และยังเป็นเพื่อนที่เรียนด้านภาพยนตร์มาด้วยกัน โดยแต่ละคนจะแบ่งตำแหน่งหน้าที่ในกองถ่ายคือ คุณไหม ฐานิตา เสริบุตร เป็นผู้กำกับ คุณดิว ภูเมศร์ วิสุทธยา เป็นผู้กำกับภาพและตัดต่อวิดีโอ คุณตั๊ก ฑิตธนา พวงอินทร์ เป็นโปรดิวเซอร์และทำวิชวลเอฟเฟกต์

ทั้ง 3 คน ต่างต้องการส่งพลังความชอบ K-POP ในตัวพวกเขาให้สานต่อ ผ่านการทำ Music video ที่สวยงาม เพื่อช่วยให้เหล่าวง Cover dance ได้เข้าใกล้ความฝันมากขึ้น และมีหลายวงที่ได้รับรางวัลจากประเทศเกาหลี

ทีมงาน MangoZero จึงชวนทุกคนมาเจาะลึกเบื้องหลัง Gravity Motion กับการสัมภาษณ์สมาชิกตั้งต้นทั้ง 3 คน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความชอบ K-POP และนำไปสู่การทำ Production ให้กับ Cover จนประสบความสำเร็จ

จุดเริ่มต้นที่มาทำ Production สาย K-POP คืออะไร ?

ตอนอยู่มัธยม พวกเราเคยเต้น Cover dance กันมาก่อนและเป็นแฟนคลับวงต่างๆ เราชอบฟังเพลงเกาหลีกันมาตั้งนานแล้ว แต่ปัจจุบันนี้เราไม่ได้เต้นแล้ว เพราะไม่มีโอกาสและเวลา เราจึงเปลี่ยนมาลองผลักดันเด็กๆ ที่เต้น Cover dance แทน เพราะเหมือนเราได้สานต่อความฝันของตัวเองด้วย

อีกทั้งพอเข้ามหาวิทยาลัย พวกเราเรียนด้านวิดีโอและดิจิทัลมีเดีย จึงได้รู้จักว่าการถ่ายวิดีโอมันสนุกมาก และทำให้เราอยากเล่าเรื่องราวผ่านภาพ บวกกับความหลงใหลของตัวเองลงไปด้วย

ความแตกต่างของ Production เราคือ MV ของ Cover dance ทั่วไปมักไม่ได้คำนึงถึงแสง สี องค์ประกอบ ฉาก แต่เราเรียนมาสายนี้ จึงอยากนำเสนอในรูปแบบที่เราคิดว่าดีออกไป และสามารถปรับเปลี่ยนวงการ Cover dance อีกด้วย ตอนที่เราเริ่มหันมาถ่ายสายเกาหลี เรารู้สึกว่ามันคือความสนุก ต้องตื่น 6 โมงเช้าเพื่อไปรอแสง ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ด้วยความที่ชอบเพลงเกาหลีอยู่แล้ว และนำเพลงที่ชอบซึ่งมีจังหวะแตกต่างจากเพลงไทยมาทำ

คลิปแจ้งเกิด Gravity Motion ?

คลิปแรกที่เราทำนั้นยังไม่เกิดกระแส เป็น Cover dance ของวง 2NE1 โดยมีน้องคนหนึ่งติดต่อเข้ามา เพราะต้องการส่งประกวด Cover dance ซึ่งมีโจทย์ว่าต้องถ่ายเป็นลักษณะกึ่งๆ MV ให้มีเรื่องราวด้วย น้องๆ ก็ไม่รู้จะให้ใครถ่ายดี ถ้าตั้งกล้องเฉยๆ ก็น่าจะแพ้ จึงติดต่อมา ตอนนั้นเราก็ลังเลว่าจะรับทำดีไหม เพราะแต่ละคนพอเรียนจบก็เริ่มมีงานทำ จึงแยกย้ายกันไป ดังนั้น Gravity Motion จึงเป็นการรวมพวกเรากลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง

แต่เราเริ่มมาบูมจริงๆ คือคลิปที่ 2 เพลง RYTHM TA ของ iKON เพลงนี้จะเริ่มเกิดการแชร์ออกไปในโลกโซเชียล ทั้ง Pantip Facebook แชร์จนเราตกใจเหมือนกันว่า มีคนสนใจขนาดนี้เลยเหรอ คลิปนี้จึงเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นเลยของ Gravity Motion ที่ทำให้วงการ Cover dance รู้จักเรา

เราคิดว่าที่คลิปนี้บูมขึ้นมา เพราะเป็นการถ่ายที่สมจริง แทบจะเหมือน MV ต้นฉบับเลย แต่เราไม่ได้ลอกนะ คือเรานำ MV เดิมและความหมายของเพลงมาตีความใหม่ในสไตล์ของเรา อีกทั้งมีการตัดต่อและการแต่งสีภาพที่ดูมืออาชีพ จึงเกิดการแชร์ปากต่อปากในวงการ Cover dance ว่าเดี๋ยวนี้ MV ของวง Cover dance เขาลงทุนทำกันขนาดนี้เลย

ภาพจาก YouTube ของ Gravity Motion

เบื้องหลังภาพสวยสุดอลังการ ทำงานกันยังไง ?

กระบวนการทำงานของเรา จะต้อง Location scouting ก่อน เพื่อดูว่าต้อง Block shot มุมไหน เช่น มุมนี้จะใช้ถ่ายฉากจบ มุมนี้จะใช้ถ่ายฉากเปิด หรือตรงนี้แดดจะร้อนมาก ต้องถ่ายข้างในก่อน พอแดดร่มค่อยออกมา เพราะเราต้องนำสิ่งที่เรียนมาปรับใช้กับงานเหล่านี้ด้วย

เราอยากได้งานภาพที่สวย เพราะรู้สึกว่า ถ้าไม่ทำงานด้วยใจ งานก็จะไม่ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ และเนื่องจากเวลาของพวกเรา รวมถึงคิวของน้องๆ วง Cover dance ไม่ค่อยตรงกัน จึงพยายามถ่ายแต่ละ MV ให้จบภายใน 1 วันให้ได้ ที่เห็น MV บางตัวแบบเล่นใหญ่อลังการแบบนั้น แต่จริงๆ ถ่ายวันเดียว เหนื่อยมาก

การทำงานของพวกเรา ถึงเราจะเริ่มจากการทำเล่นๆ แต่เราทำงานละเอียด ช่วง Pre-Production เราก็ทำ Story board และทำตารางการถ่ายทำด้วย เหมือนเวลาทำงานจริงๆ และช่วงแรกด้วยความที่เราเป็นทีมเล็กๆ ก็จะต้องช่วยกัน ต่อให้เรามีหน้าที่ประจำ ก็ต้องลงไปช่วยในส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น เซ็ตฉาก ถือกล้อง หรือยกไฟ

ทำไมถึงยอมทำ MV ให้ฟรี ?

ช่วงแรกเรารับหมดทุกทีม และเราก็ไม่คิดเงิน เพราะอยากช่วยเหลือน้องๆ Cover dance จริงๆ และเราอยากทดลองงาน เนื่องจากการถ่าย MV ของ Cover dance เราก็ได้ทดลองความรู้ใหม่ๆ ที่เราอยากลองเหมือนกัน อย่างเช่น การถ่าย Slow motion การถ่ายเทคนิคต่างๆ เพราะน้องๆ Cover dance ไม่มีกำแพงมากั้นว่าเราต้องถ่ายแบบไหน ไม่มีลูกค้ามาควบคุม เราจึงมองว่าการมาถ่ายทำงานแบบนี้เป็นการฝึกตัวเราอีกแบบเหมือนกัน

ช่วงแรกพวกเราไม่ได้เก่งมาก และการมาทำตรงนี้ก็เป็นช่องทางพัฒนาตัวเรา และยังได้เจอวง Cover dance เก่งๆ ใหม่ๆ อีกด้วย การมาทำงานแบบนี้เราไม่มีเงินลงทุน และต้องลงทุนด้วยแรงของเรา ดังนั้นเราต้องหาวิธีถ่ายทำให้อยู่ในงบที่เรารับได้

เวลามีงานประกวด มักจะมีน้องๆ Cover dance มาทักขอให้ช่วยถ่าย MV ให้หน่อย เพราะอยากนำไปประกวดที่ต่างๆ เช่น ช่องของประเทศเกาหลี เช่น 1theK หรือ M-net เพราะรายการเพลงเกาหลีมักจะจัดประกวด ซึ่งส่วนใหญ่เราก็ทำให้ฟรี เนื่องจากเราชอบเล่าเรื่องด้วยภาพ และมีของอยากลองเยอะ ถ้าเราถ่ายกับ MV ของประเทศไทยสิ่งที่เราอยากลองมันอาจจะใช้ไม่ได้ เพราะเราชอบมุมกล้องเยอะๆ แต่งสีภาพเยอะๆ สิ่งเหล่านี้จึงช่วยสร้างประสบการณ์ให้เรา

ภาพจาก YouTube ของ Gravity Motion

ระหว่างทางเจออุปสรรคอะไรบ้างไหม

ปกติช่วง Pre-production ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะพวกเราเป็นคนทำงานค่อนข้างละเอียดอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาช่วง Production โดยเฉพาะเรื่องคิวการถ่าย ซึ่งควบคุมไม่ได้ เนื่องจากพวกเราทำงานกันค่อนข้างเนี้ยบ เช่น ถ้าน้องๆ เต้นไม่ได้ เราก็จะบอกให้เต้นใหม่ ทำให้คิวแตก บางทีคิวก็แตกไปถึงตอนเช้าก็มีเหมือนกัน

ส่วนช่วง Post-production ยกตัวอย่างคลิปหนึ่งที่เราเคยไปถ่าย ในขณะที่น้องๆ เขาเต้นอยู่ มีคนหนึ่งเหน็บทิชชู่ไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วทิชชู่ก็หลุดออกมาระหว่างเต้น ซึ่งทีมที่เต้นวันนั้นมีฉากที่เต้นพร้อมกันทั้งหมด 21 คน ทำให้เราหยุดการถ่ายไม่ได้ สุดท้ายเราต้องมาแก้ไขในช่วง Post-production โดยลบทิชชู่ทิ้งทีละเฟรม เพื่อให้งานออกมาดี

ทุก MV เราทำเหมือนทำงานจริงๆ เราไม่เคยมองว่ากองเล็กแค่นี้ เราไม่ทำ Pre-Production ดีกว่า เพราะผลงานที่ออกมา เรารู้ว่าถ้าไม่ทำ มันจะพังแน่ เรื่องของสภาพอากาศก็เช่นเดียวกัน มันควบคุมไม่ได้ บางทีเราไป Block shot ไว้ล่วงหน้า แต่พอไปถึงวันจริงองค์ประกอบที่วางไว้มันหายไป ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยมาก แต่เราก็ต้องแก้ไขปัญหาตรงนั้นเลย เพราะเราทำมาขนาดนี้แล้ว เราก็ต้องทำให้สุด ไม่หยุดกลางทาง แม้ตอนจบเราจะตายก็ตาม

เมื่อผลงานไปสู่สายตาศิลปินต้นฉบับรู้สึกอย่างไร ?

ล่าสุดเราส่ง MV เพลง Butterfly ของวง Loona ไปงานประกวด เราได้รางวัลที่ 1 และผู้กำกับหลักที่ทำ MV ต้นฉบับก็ได้เห็นผลงานของเรา แล้วเขาก็แคปวิดีโอจาก MV แล้วอัปลง Instagram ส่วนตัว และชื่นชมผลงานของพวกเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในความประทับใจ แค่เจ้าของผลงานต้นฉบับได้เห็นผลงานของเราแล้วรู้สึกทึ่ง เราก็โอเคแล้ว

นอกจากนี้อีก MV ที่เราเคยชนะการประกวดแข่งขันคือเพลง Cherry bomb ของวง NCT และ MV นี้ วง NCT ซึ่งศิลปินต้นฉบับก็ได้เห็นผลงานของเราเหมือนกันผ่านวิดีโอ Reaction เรารู้สึกว่าผลงานของเราถูกเอาไปฉายไกลถึงประเทศเกาหลี และทุกคนก็ได้เห็นผลงานของเรา ถือเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆ

วันที่รู้ว่าวง NCT นำ MV ของเราไปทำ Reaction มันกะทันหันมาก เป็นความรู้สึกดีใจปนตกใจ เหมือนเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะหลายครั้งที่ศิลปินมีโอกาสได้เห็นผลงานของเรา เราโคตรมีความสุข ทั้งตัวน้องๆ ที่เต้น Cover dance ทั้งทีม Production เอง เพราะเรากับศิลปินอยู่ห่างกันขนาดนี้ แต่มีโอกาสได้เห็นผลงาน

จากถ่ายทำ MV สู่การจัดงานอีเวนท์เกาหลี ?

อีเวนท์ที่พวกเรากำลังจะจัดขึ้นคืออีเวนท์ Seoul Street Festival Thailand จัดที่ CentralWorld โดยเราได้ร่วมมือกับบริษัท PANO Industries ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาก่อน และชอบเกาหลีเหมือนกัน จึงรวมตัวกันเพื่อสร้างอีเวนท์นี้ขึ้นมา เพราะอยากให้อีเวนท์นี้รวมทุกอย่างเกี่ยวกับเกาหลี ทั้ง Street food แฟชั่น และเครื่องสำอางของเกาหลี รวมไปถึงด้านดนตรี K-POP และจัดการแข่งขัน Cover dance อีกด้วย

หลังจากที่เราทำ Production ถ่ายทำ MV ให้วง Cover dance ก็ต่อยอดเป็นการจัดงานประกวดขึ้นเอง เพราะเราอยากจะผลักดันด้านนี้ให้สุด และยังเปิดเวทีให้ทุกคนมาแสดงความสามารถอีกด้วย โดยมีเวทีเล็กสำหรับใครที่ไม่ผ่านเข้ารอบงานประกวด Cover dance ของเรา เพื่อเปิดโอกาสให้แสดงความสามารถ

เพราะจริงๆ แล้วบางคนเก่งมาก แต่ไม่ถูกมองเห็น เมื่อเราเปิดเวทีที่สร้างโอกาสให้ พวกเขาอาจรู้สึกว่าตัวเองได้ลองทำแล้ว ถึงแม้จะไม่ผ่านเข้ารอบเวทีใหญ่ของอีเวนท์ Seoul Street Festival Thailand ก็ตาม แต่ก็ยังมีเวทีเล็ก ทำให้ได้กล้าออกมาทำ

ฝากอะไรถึงคนที่มีความชอบเหมือนกันหน่อย ?

เราคิดว่าโอกาสไม่เคยรอใคร ถ้ารู้สึกว่าตัวเองชอบอะไร ก็อยากให้ลองทำเลย เพราะถ้าไม่ลองทำ ก็จะไม่รู้ว่าทำได้หรือเปล่า เพราะตอนแรกตัวเราเองก็ไม่คิดว่าจะได้มาถ่าย MV แบบนี้ สมมติว่าคุณอยากเต้น Cover dance ก็อยากให้ลองก่อน และถ้าเราอยากให้คนอื่นรู้จักเรา เราก็ต้องกล้าเปิดเผยความสามารถเราออกไป

ความชอบนั้นมีพลังแฝงเยอะมากโดยที่เราไม่รู้ตัว อย่างคนใกล้ตัวเรา เขาชอบวงการเกาหลี แล้วเขาไปเรียนภาษา เพื่อให้สามารถพูดคุยได้ จึงมาเป็นล่าม เราก็เอาความชอบของเราเป็นตัวตั้งก็ได้ เพราะอนาคตเราอาจจะได้ทำงานที่เราชอบ แค่ต้องเริ่มต้นเท่านั้น

เรารู้สึกว่าอย่าปล่อยให้โอกาสวิ่งมาหาเรา เวลามีโอกาสที่จะได้ทำอะไร แล้วเราไม่ได้ทำ เรารู้สึกว่าเราพลาดหลายครั้งนะ เพราะบางครั้งมันอาจจะไม่ใช่เส้นทางสายตรง แต่ถ้าเรามีโอกาสได้ลอง แม้จะแค่เสี้ยวหนึ่ง ไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้อะไร เราอยากให้ลอง


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save