เมื่อพูดถึงประเทศเกาหลีใต้ สิ่งหนึ่งที่เราน่าจะพอรู้กันอยู่แล้วก็คือคนที่นี่เดินทางไปไหนมาไหนกันด้วยรถไฟกันเป็นหลัก นั่นทำให้ที่นี่มีสายรถไฟไว้อำนวยความสะดวกอยู่หลายสายทีเดียว และสำหรับคนที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวประเทศนี้เป็นครั้งแรก เปิดแผนที่รถไฟมาแล้วอาจจะยังงงๆ หรือเป็นกังวลว่าจะเดินทางด้วยรถไฟกันอย่างไรไม่ให้เสียเวลาไปกับการเดินหลงหรือนั่งรถผิดสาย วันนี้ทีมงาน Mango Zero เลยมาแชร์เทคนิคให้เหล่ามือใหม่ขึ้นรถไฟเกาหลีกันได้แบบไม่มีงง ไปดูกันเลย!! *** คู่มือนี้เน้นการขึ้นรถไฟในกรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งอาจแตกต่างไปจากเมืองอื่นๆ เล็กน้อยนะจ๊ะ *** เปิดแผนที่ ดูสีรถไฟ อันดับแรกเรามาเปิดแผนที่รถไฟในกรุงโซลกันก่อน เรียกได้ว่าเห็นแล้วหลายคนคงงงเป็นไก่ตาแตก รถไฟในกรุงโซลจะมีอยู่ด้วยกัน 9 สายที่ชื่อเป็นตัวเลข (1-9) นอกเหนือจากนั้นจะมีชื่อสายเป็นของตัวเอง รวมถึงสายสนามบินอินชอน หรือ AREX ด้วย ที่นี่จะแยกสายรถไฟตามสี เช่น สาย 1 สีน้ำเงิน เป็นสายเก่าแก่ที่สุด สถานีสำคัญ เช่น Seoul, Sindorim สาย 2 สีเขียว สายนี้วิ่งเป็นวงกลม สถานีสำคัญ เช่น มหาวิทยาลัยฮงอิก หรือย่านฮงแด, กังนัม สาย 3 สีส้ม สถานีสำคัญ เช่น พระราชวังเคียงบกกุง สาย 4 สีฟ้า สถานีสำคัญ เช่น เมียงดง, ทงแดมุน สาย 5 สีม่วง สถานีสำคัญ เช่น พระราชวังกวางฮามุน, ท่าอากาศยานกิมโป สาย 6 สีน้ำตาล สถานีสำคัญ เช่น อีแทวอน, สนามกีฬาเวิลด์คัพ สาย 7 สีเขียวเข้ม สาย 8 สีชมพู สาย 9 สีน้ำตาลอ่อน สายสนามบิน (AREX) สีฟ้า ไว้สำหรับนั่งไปท่าอากาศยานอินชอน สาย Bundang สีชมพูบานเย็น สาย Gyeongui สีเขียวมิ้นต์ ยัง ยังไม่หมด ยังมีรถไฟอีกหลายสายเลยแหละที่เรายังไม่ได้พูดถึง แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะงงเพราะการขึ้นรถไฟเกาหลีนั้นเราไม่จำเป็นต้องรู้สายรถทั้งหมดหรอก เพียงแค่รู้คอนเซ็ปต์ไว้คร่าวๆ ว่าที่นี่ใช้สีในการแบ่งสายรถไฟเป็นหลักก็พอ แล้วเดี๋ยวทุกอย่างจะดีเอง… ดูแผนที่รถไฟแบบเต็ม คลิก! แอปรถไฟ ช่วยชีวิตตลอดกาล ที่เราบอกว่าไม่จำเป็นต้องรู้จักรถไฟทุกสาย เพราะว่าแค่เรามีแอปรถไฟและรู้สถานีต้นทางกับปลายทางเราก็สามารถเดินทางไปยังจุดหมายได้แบบไม่งงแล้ว เริ่มแรกคือหาโหลดแอปรถไฟเกาหลีมาติดมือถือไว้สักแอปก่อน ที่คนนิยมใช้กันก็เช่น Kakao Metro (แนะนำแอปนี้ หน้าตาน่ารักและใช้ง่ายที่สุด), Subway Korea, Seoul Subway วิธีที่ง่ายที่สุดในการขึ้นรถไฟเกาหลีก็คือ 1. เปิดแอปรถไฟ 2. ระบุสถานีต้นทาง (Depart) 3. ระบุสถานีปลายทาง (Arrive) จากนั้นแอปจะคำนวณเส้นทางที่เร็ว/ง่ายที่สุดที่จะไปถึงสถานีปลายทาง บอกจำนวนและชื่อสถานีระหว่างทาง สถานีที่ต้องลงเพื่อเปลี่ยนสายรถไฟ พร้อมกับเวลาเดินทางคร่าวๆ รวมไปถึงบางแอปยังมีการบอกค่าโดยสารที่ต้องจ่ายอีกด้วย! ตัวอย่าง ถ้าอยู่ที่สถานีมหาวิทยาลัยฮงอิกและต้องการไปยังสถานีเมียงดง ใส่ชื่อสถานีต้นทางและปลายทางลงไปในช่อง Depart และ Arrive จากนั้นแอปจะโชว์เส้นทางเดินรถที่เร็วที่สุดมาให้ อย่างในตัวอย่างจะต้องนั่งสายสีเขียวเบอร์ 2 จากสถานี Hongik University ไปทาง Sinchon 9 สถานี จากนั้นลงที่สถานี Dongdaemun History&Culture Park แล้วเปลี่ยนไปยังสายสีฟ้าเบอร์ 4 ไปทางสถานี Sadang อีก 2 สถานี ก็จะถึง Myeong-Dong ปลายทางของเรา! การคิดค่าโดยสาร สำหรับการคิดค่าโดยสารรถไฟที่นี่ ส่วนใหญ่ที่เราเห็นในหลายสายคือ เมื่อแตะบัตรเข้าสถานีเราจะโดนหักค่าโดยสารไปก่อน 1,250 วอน หรือประมาณ 30 กว่าบาท หลังจากนั้นถ้ามีการเดินทางเกิน 10 กม. จะมีบวกเพิ่มเข้ามา 100 วอนต่อ 5 กม. ในตอนที่เราแตะบัตรออก โดยรวมแล้วเดินทางครั้งนึงก็จะประมาณ 1,250 ถึง 1,450 วอนนี่แหละ ไม่ได้แพงไปกว่าเดิมมาก ส่วนถ้าเป็นสายสนามบินราคาก็จะแพงขึ้นมาหน่อยตามระยะทางระหว่างสถานีที่ไกลมากขึ้น เช่น ถ้านั่งจากท่าอากาศยานอินชอนมาถึงย่านนักท่องเที่ยวอย่างฮงแด ราคาจะประมาณ 4,500 วอน บัตรรถไฟ ไอเท็มสำคัญสุด ไอเท็มสำคัญที่เราต้องมีในการขึ้นรถไฟเกาหลีก็คือบัตรรถไฟนั่นเอง ซึ่งบัตรก็มีหลายแบบ ได้แก่ T-Money บัตรเดินทางแบบนี้นิยมมากในโซล ราคาใบละประมาณ 60-150 บาท สามารถหาซื้อได้ตามมินิมาร์ทเกาหลีทั่วไป (หรือถ้าอยากได้ลายน่ารักๆ เดี๋ยวนี้ก็สามารถเลือกรูปบนบัตรได้เองตามตู้ทำบัตร หรือซื้อเอาในช็อป อาทิ Kakao Friends, Line Friends) วิธีใช้คือเติมเงินลงในบัตรขั้นต่ำ 1,000 วอน แล้วใช้แตะผ่านเมื่อเข้าสถานี บัตรนี้สามารถใช้ได้หลากหลายไม่ใช่แค่ขึ้นรถไฟเท่านั้น ซื้อของในมินิมาร์ท ขึ้นรถบัสก็ได้เหมือนกัน! เราแนะนำบัตรนี้!! CashBee เป็นบัตรโดยสารที่คล้ายกับ T-Money นี่แหละ ราคาบัตรพอๆ กัน คนนิยมใช้ในต่างจังหวัดมากกว่าในโซล แต่จะใช้ขึ้นรถไฟในโซลก็ได้เหมือนกัน MPass บัตรโดยสารแบบเหมาสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ราคาเป็นแบบเหมา 1 วัน 3 วัน 7 วัน แล้วแต่เราเลือก เริ่มต้นที่วันละประมาณ 450 บาท ใครที่คิดว่าคุ้มแน่ๆ ก็ลองหาซื้อมาใช้กันได้ตามศูนย์บริการนักท่องเที่ยวในโซลได้เลย! ขึ้นให้ถูกฝั่ง เปลี่ยนให้ถูกสาย ปัญหาหลักของการขึ้นรถไฟของที่นี่ก็คือการขึ้นไม่ถูกฝั่ง เพราะดูไม่เข้าใจ!!! การดูฝั่งรถไฟเกาหลีแบบง่ายที่สุดก็คือการเปิดแอปและเลือกสถานีต้นทางกับปลายทางให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นเช็คว่าระหว่างทางกว่าจะไปถึงที่นั่นเราต้องผ่านสถานีใดบ้าง ซึ่งป้ายบอกทางของรถไฟแต่ละสายนั้นมักจะระบุสถานีสำคัญๆ ไว้ 3-4 สถานี ถ้าบนป้ายมีสัก 1 สถานีที่ตรงกับระหว่างทางที่เราจะไปก็แปลว่ามาถูกทางแล้วล่ะ ตัวอย่าง ตอนนี้อยู่ที่สถานี Hongik University ต้องการจะไปสถานี Dongdaemun ซึ่งระหว่างทางที่จะไปต้องผ่านสถานีสำคัญ เช่น Ewha Womans Univ., City Hall, Euljiro 1 แปลว่าถ้าเดินหาป้ายที่มีชื่อสถานีเหล่านี้เมื่อไหร่ก็ไปฝั่งนั้นได้เลย อีกวิธีที่ช่วยให้เราชัวร์ได้ว่าจะไม่ขึ้นผิดฝั่งก็คือการดูแผนที่ที่อยู่ตรงหน้าชานชาลารถไฟ จะมีบอกอย่างละเอียดว่าเราต้องนั่งรถจากฝั่งไหน ไม่ยากแน่นอน!! ทางออกต้องแม่น การเดินทางที่นี่ สิ่งหนึ่งที่เราต้องจำเอาไว้ก็คือแค่ชื่อสถานีไม่พอ ทางที่ดีควรจะรู้ด้วยว่าสถานีที่เราจะไปนั้นอยู่ใกล้กลับทางออกที่เท่าไหร่ของสถานี นั่นก็เพราะว่าแต่ละสถานีมีมากถึง 9 ทางออก และแต่ละทางออกก็ไม่ใช่ใกล้ๆ เลย ส่วนถ้าใครที่พร้อม มีชื่อสถานี มีทางออกที่ต้องการแล้วเรียบร้อยก็มองหาป้ายสีเหลืองดำแล้วพุ่งไปได้เลย! ป.ล. เทคนิคและคำแนะนำเหล่านี้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวในการขึ้นรถไฟของเราเท่านั้น หากมีบางอย่างตกหล่นหรือผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยจ้า ป.ล. 2 ใครที่กำลังไปเที่ยวเกาหลี ขอให้สนุกสนานกับการเดินทางตลอดทั้งทริปนะจ๊ะ