หลายๆคนคงเคยเจอปัญหาในการจัดกระเป๋า Backpack ไม่ว่าจะไปเดินป่า ไปเข้าค่าย หรือไปเที่ยวไหนก็ตาม การที่ต้องจัดของที่จำเป็นทุกอย่างใส่กระเป๋าเพียงหนึ่งใบนี่มันเป็นเรื่องยากเหลือเกิน จะต้องใส่อันไหนก่อนอันไหนหลัง งงสับสนไปหมด จะยัดของใส่ท่าเดียวก็ใส่ไม่พอ ไม่ลงล็อคสักที วันนี้เราเลยจะมาแนะนำวิธีการแพคของลงกระเป๋า Backpack แบบกระจายน้ำหนักที่นอกจากจะช่วยให้พื้นที่ในกระเป๋าของเราลงล็อคมากขึ้นแล้ว ยังเข้ากับสรีระของร่างกายและไม่ทำให้รู้สึกว่ากระเป๋าหนักเกินไป ทำให้การเดินทางที่ต้องแบกเป้ใบโตของทุกคนสะดวกมากขึ้นแน่นอน ก้นกระเป๋า – ของที่มีน้ำหนักเบา ใส่ของที่มีน้ำหนักเบา นุ่ม เพื่อรับน้ำหนักของของอื่นๆได้และเป็นของที่เราไม่จำเป็นต้องหยิบมาใช้ในระหว่างวัน เช่น ถุงนอน หมอนเป่าลม เสื้อผ้าตอนกลางคืน ถัดขึ้นมาจากก้นกระเป๋า – ของที่มีน้ำหนักกลางๆ จะเป็นของที่มีปริมาณเยอะแต่ไม่หนักมากอย่าง พวกเสื้อผ้าต่างๆทั้งเสื้อยืด แจ็คเกต กางเกง รวมถึงรองเท้าที่ไม่ได้หยิบมาใช้ระหว่างวัน พับม้วนๆแล้วจัดเรียงลงไปได้เลย แต่ถ้าหากของส่วนนี้ที่เรามีมันเยอะซะจนเลยขึ้นไปเกินบริเวณสะโพก ขอแนะนำให้เพิ่มพื้นที่ว่างในกระเป๋าด้วยการใช้ถุงสูญญากาศใส่เสื้อผ้า เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะยัดไม่ลงแล้วล่ะ ส่วนหน้าของกระเป๋า – ของที่มีน้ำหนักเบา ฝั่งด้านนี้ใส่ของที่มีน้ำหนักเบาอีกเช่นกัน โดยจะเป็นของที่เราอาจจะจำเป็นต้องหยิบมาใช้ระหว่างเดินทางได้ เช่น เสื้อยืดเบาๆไว้เปลี่ยนระหว่างวัน ผ้าเช็ดตัว ถุงเท้า ถุงมือ ชุดชั้นใน โดยของที่มีน้ำหนักเบาในส่วนนี้เราสามารถใส่เข้าไปแทรกตามพื้นที่ว่างในกระเป๋าเพื่อประหยัดพื้นที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย ส่วนกระเป๋าที่แนบกับหลัง – ของที่มีน้ำหนักมาก ส่วนนี้เป็นเหมือนใจกลางของกระเป๋า ที่ควรจัดให้อยู่ชิดแนบกับแผ่นหลัง โดยไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป เพื่อสามารถใช้สะโพกช่วยพยุง เพื่อที่จะทำให้รู้สึกว่ากระเป๋าไม่หนักจนรั้งเราเกินไปและป้องกันอาการปวดหลังได้ ของที่ใส่ในส่วนนี้ก็จะเช่น ขวดน้ำระหว่างเดินทาง เครื่องครัวทำอาหารพกพาสำหรับใครที่ไปเดินป่า ตั้งแคมป์ หรือพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างโน๊ตบุ๊ค (สำหรับคนติดงาน !) และกล้องถ่ายรูป ส่วนบนสุดของกระเป๋า – ของที่มีน้ำหนักเบา ส่วนนี้จะเป็นที่ใส่ของที่เราจำเป็นต้องหยิบมาใช้บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าตังค์ มือถือ ครีมกันแดด แบตสำรอง หมวก ทิชชู่พกพา ไฟฉาย และอื่นๆที่จำเป็นต่อการเดินทางสำหรับเรา สามารถซื้อครีมกันแดดออนไลน์ได้ ที่นี่ ที่มา : wikihow, worldofcamping