อีกหนึ่งข่าวสารที่น่าติดตาม เมื่อระบบตัดแต้มตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 142/1 โดยผู้ใช้รถทุกคนต้องรู้ ย้ำเตือนตัวเองในเรื่องวินัยการขับขี่ ไม่ทำผิดกฎจราจร และระมัดระวังในการขับขี่บนท้องถนน ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 9 มกราคมปี 2566 เงื่อนไขของเกณฑ์การตัดคะแนนมีดังนี้ ✅ ผู้ขับขี่ทุกคนจะมีคะแนนเต็มอยู่ดั้งเดิมที่ 12 คะแนน ตัด 1 คะแนน > ขับรถเร็วเกินกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ตัด 2 คะแนน > ขับรถผ่าไฟแดง , ขับรถย้อนศร ตัด 3 คะแนน > ขับชนแล้วหนี ขับผิดวิสัยคนขับรถปกติ และขับรถขณะร่างกายไม่พร้อม ตัด 4 คะแนน > เมาแล้วขับ ขับขณะเสพยาเสพติด แข่งรถโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยวิธีการตัดคะแนนใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์จากฐานข้อมูลใบสั่ง PTM หรือระบบจัดการใบสั่งออนไลน์ครบวงจรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากผู้ขับขี่ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ หรือห้ามขับรถทุกประเภท เป็นเวลา 90 วัน หรือหากฝ่าฝืนขับรถขณะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่อีกถึง 4 ครั้งอาจถูกพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ เงื่อนไขในการคืนคะแนน ❇️ แบ่งเป็นการคืนคะแนนโดยอัตโนมัติ และการคืนคะแนนเมื่อผ่านการอบรมจากกรมการขนส่งทางบก โดยจะได้รับคืนเมื่อครบกำหนด 1 ปี นับจากวันกระทำผิดครั้งนั้นๆ แต่ถ้าถูกตัดเหลือ 0 คะแนน จะได้รับคืนเมื่อพ้นกำหนดเวลาการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ และได้รับคืนเพียง 8 คะแนน และถ้าหาต้องการคะแนนคืนผ่านเข้ารับการอบรมกับกรมการขนส่งทางบกทำได้ 2 กรณี คะแนนเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน สามารถเข้าอบรมได้เพียงปีละ 2 ครั้ง ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0 คะแนน ต้องการคะแนนกลับคืนมาทั้งหมด 12 คะแนน โดยเงื่อนไขจะต้องผ่านการทดสอบได้คะแนนตั้งแต่ 60% ขึ้นไป หากไม่ผ่านสามารถก็สามารถสอบใหม่ได้ในวันเดียวกัน และหากยังไม่ผ่านการทดสอบอีก จะต้องสอบครั้งที่ 3 ภายใน 7 วัน หลังจากสอบครั้งแรกไม่ผ่าน นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการใช้ระบบตัดแต้ม เปรียบเสมือนการยกระดับให้เป็นมาตรฐานสากลเหมือนหลายประเทศ เพราะทุกวันนี้แทบไม่เห็นตำรวจตรวจใบขับขี่ ทำให้คนไม่มีทักษะ หรืออายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่มีใบขับขี่ขับรถ หรือเมาแล้วขับ ซึ่งก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน