หลายคนคงสงสัย หากเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องขาดอาหาร ไม่สามารถหาอะไรกินได้ มีเพียงน้ำเท่านั้นที่พอช่วยประทังชีวิต แล้วแบบนี้ร่างกายเราจะเป็นยังไง จะอยู่รอด สู้ไหวได้ยังไง ทีมงาน Mango Zero ขอพามารู้จักกับร่างกายมนุษย์เมื่อขาดอาหาร ร่างกายเราจะกลายเป็นยังไง? หากอดอาหารใน 4 ชม.แรก ในช่วง 4 ชั่วโมงแรกของการขาดอาหาร จะไม่ค่อยมีผลอะไรมาก ยังสบายๆ ได้อยู่ เพราะร่างกายจะนำพลังงานของอาหารที่กินไปมื้อล่าสุดมาใช้ก่อน ถ้าใช้พลังงานจนหมดแล้ว ก็จะนำไกลโคเจน ซึ่งเป็นพลังงานที่สะสมในร่างกายมาใช้ทดแทนไปก่อนค่ะ หากอดอาหาร 24 ชม. หากผ่านไป 1 วันแล้วยังไม่ได้กินอะไรตกถึงท้องเลย สิ่งที่ตามมาคือท้องร้องหิวข้าวค่ะ และจะรู้สึกอ่อนเพลียด้วย นั่นหมายความว่าไกลโคเจนที่ถูกดึงมาใช้ก่อนหน้านี้ได้หมดลงไปแล้ว ทำให้ร่างกายต้องคว้านหาพลังงานใหม่ที่จะมาใช้ทดแทน นั่นก็คือกลูโคสเป็นน้ำตาลที่อยู่ในกระแสเลือดของมนุษย์ ซึ่งจะถูกนำไปใช้กับสมอง หากอดอาหาร 36 ชม. มาถึงชั่วโมงที่ 36 ตอนนี้สภาพร่างกายจะเริ่มเห็นได้ชัดละ นั่นก็คือตัวเริ่มซีด ผิวหนังแห้ง ปากแห้ง ลิ้นแห้งรวมถึงเริ่มมีกลิ่นปากแรง เพราะไม่มีสารอาหารอะไรตกถึงท้องเลย ถ้ากลูโกสหมด โปรตีนที่อยู่ในร่างกายก็จะถูกดึงนำมาใช้งานต่อไป ให้ร่างกายมนุษย์ยังรู้สึกมีแรงต่อ หากอดอาหาร 48 ชม. พอถึงวันที่ 2 เป็นช่วงที่ร่างกายค่อนข้างหนัก พลังงานที่มีอยู่เริ่มหมด ทำให้ร่างกายต้องพยายามขุดไขมันต่างๆ ที่มีอยู่มาใช้ ในช่วงนี้จะรู้สึกปวดหัว ดวงตาล้า และไม่ค่อยมีแรงจะขยับตัว หากอดอาหาร 60 ชม. เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มปรับตัวได้ และดึงทั้งไขมันและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายมาใช้ ทำให้ร่างกายมีลักษณะผอมแห้งเป็นอย่างมาก หากอดอาหาร 72 ชม. ร่างกายอาจจะมีรู้สึกวูบเล็กบ้าง ตอนที่กำลังลุกขึ้นมา และมีอาการเวียนหัว จากน้ำตาลในเลือดที่ลดลง หากอดอาหาร 90 ชม. เป็นต้นไป ร่างกายเริ่มซูบผอมลงเรื่อยๆไม่ค่อยมีแรงแต่จะค่อยๆปรับตัวและชินกับสภาวะที่เป็นอยู่ อาการทั้งหมดนี้จะสามารถอยู่ได้นานหลายวัน หากได้รับการดื่มน้ำ เพราะร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบ 60% และเซลล์ต่างๆในร่างกายมีน้ำเป็นส่วนสำคัญต่อการทำงานค่ะ และเมื่อย้อนไปปี 1965 แองกัส ( Angus Barbieri ) ชายชาวสกอตแลนด์วัย 27 ปี กลายเป็นบุคคลที่อดอาหารนานที่สุดในโลกถึง 382 วันโดยที่ไม่ตาย เหตุผลของเขาคือต้องการลดน้ำหนัก จากน้ำหนัก 207 กิโลกรัม จนเหลือ 82 กิโลกรัม ใครคิดจะอดอาหารด้วยวิธีนี้ไม่มีอะไรที่ส่งผลดีต่อสภาพร่างกายและพาให้สุขภาพการใช้ชีวิตแย่ลงอีกด้วยซ้ำ ขอบคุณข้อมูล : หมอเวร , Rungsrit Kanjanavanit
