เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมคนยุคนี้ถึงชอบออกไปเที่ยวมากขึ้น? หรือทำไมเราถึงเลือกลงทุน ใช้เงินซื้อประสบการณ์จากการท่องเที่ยวมากกว่านำเงินไปใช้อย่างอื่น 10 ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ อาจเป็นเวลามากพอที่จะให้เราได้ลองสังเกตตัวเอง สังเกตคนรอบข้างว่าพฤติกรรมการท่องเที่ยวของเรานั้นไม่ได้เหมือนกับในอดีตอีกต่อไป ผลสำรวจเรื่องแผนการท่องเที่ยวระดับโลกของวีซ่า (Visa Global Travel Intentions Study) เมื่อปี 2561 พบว่าคนไทยมีพฤติกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศบ่อยที่สุดในโลก นั่นก็เพราะว่าทุกวันนี้มีปัจจัยมากมายที่ทำให้การออกไปเที่ยวของเราเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน มีเทคโนโลยีที่ทำให้เราเที่ยวอย่างสะดวกสบาย มีแรงดึงดูดที่อยากทำให้เราออกไปเจอสิ่งใหม่ๆ มากกว่าการนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน ไม่ใช่แค่กับเหล่าวัยรุ่นหรือวัยทำงานเท่านั้นนะ คนยุคนี้ถูกเรียกว่า Generation Go คือ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน หรือโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ยังรักและกระตือรือร้นที่จะอยากออกไปเที่ยวและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ นอกบ้าน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาจนทำให้พฤติกรรมการท่องเที่ยวของเราเปลี่ยนไปมีอะไรบ้าง แล้วชาว Generation Go เขาเที่ยวกันอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกัน! สถานที่แปลกใหม่ ไม่ใช่แค่แลนด์มาร์ก ในอดีตเราคงคุ้นเคยกับการไปท่องเที่ยวตามสถานที่แลนด์มาร์กทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราไปเกาหลีใต้เพราะอยากจะไปคล้องกุญแจคู่รักกันที่หอคอยนัมซาน เราไปอังกฤษเพราะอยากจะไปถ่ายรูปกับหอนาฬิกาบิ๊กเบน และใช่ นั่นคือความคิด 10 ปีที่แล้ว แต่ในตอนนี้ถ้าลองสังเกตตัวเอง สังเกตคนรอบข้าง สิ่งหนึ่งที่ยืนยันความเป็น Generation Go ของคนยุคนี้ ก็คือการที่เราไม่ได้หยุดอยู่แค่สถานที่เที่ยวแลนด์มาร์กเท่านั้น แต่ยังเสาะหาที่เที่ยวใหม่ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในประเทศเดิมที่ชอบไป เช่น ไปเกาหลีเดี๋ยวนี้เราอาจจะไม่ได้อยู่แค่กรุงโซล แต่ได้ลองนั่งรถไฟออกไปปูซาน หรือไปญี่ปุ่นแทนที่จะนั่งเครื่องไปลงโตเกียว เดี๋ยวนี้ก็มีภูมิภาคอื่นอย่างโทโฮคุ ที่คนก็เริ่มบินไปชมธรรมชาติสวยๆ กัน และยังรวมไปถึงการออกไปเที่ยวในประเทศใหม่ๆ อย่างในตอนนี้ถ้าอยากดูแสงเหนือก็ไม่จำเป็นต้องไปยุโรปกันแล้ว เพราะรัสเซียก็กลายเป็นอีกประเทศที่เราบินไปล่าแสงเหนือกันได้ ถูกกว่าแถมไปง่ายกว่าด้วยนะ ฟรีวีซ่า ตัวช่วยเปิดประสบการณ์ ว่ากันต่อเรื่องการออกไปเที่ยวในที่ใหม่ๆ วีซ่าเป็นอีกหนึ่งข้อจำกัดในอดีตที่ทำให้เราไม่ได้ไปออกไปเที่ยวในประเทศอื่นนอกจากประเทศยอดนิยมกันเท่าไหร่ ข้อมูลจากปี 2009 ระบุว่าคนไทยสามารถไปเที่ยวได้ 19 ประเทศแบบไม่ต้องมีวีซ่าก็ไปได้ แต่ผ่านมาแล้ว 10 ปี ปัจจุบันแค่เราถือพาสปอร์ตของไทยก็สามารถไปเที่ยวแบบไม่ต้องขอวีซ่าก่อนได้มากถึง 32 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ตุรกี ไต้หวัน กาตาร์ จอร์เจีย ทำให้เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวในที่ใหม่ๆ ได้มากขึ้น บางประเทศอย่างญี่ปุ่นที่เพิ่งยกเลิกวีซ่าให้คนไทยเมื่อไม่กี่ปีมานี้ก็กลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของคนไทยแล้วเรียบร้อย! เที่ยวง่าย ไม่ต้องบินแพง การเดินทางด้วยเครื่องบิน เคยทำให้ในอดีตเราไม่ได้รู้สึกว่าการท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเหมือนอย่างตอนนี้ ย้อนไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว สายการบินราคาประหยัด (Low Cost Airline) ก็เริ่มเข้ามาในไทยให้เราได้เห็นกันอยู่บ้างแล้วแหละแต่ไม่คุ้นเคยมากนักเมื่อเทียบกับในปัจจุบัน วัฒนธรรม “ไม่มีอะไรฟรี อยากได้อะไรเพิ่มก็ต้องซื้อเพิ่ม” ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแทนที่จะจ่ายเงินซื้อบริการเต็มๆ จากสายการบินฟูลเซอร์วิส บางคนก็เลือกจะจ่ายถูกกว่าแล้วซื้อแค่บริการบางอย่างแทน ในปีที่ผ่านมามีรายงานว่าสายการบินโลว์คอสสายหนึ่งได้ครองส่วนแบ่งการตลาดมากเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดสายการบินทั้งในและต่างประเทศ แถมปัจจุบันไทยยังมีผู้ให้บริการสายการบินราคาประหยัดมากถึง 6 เจ้า นั่นทำให้ข้อจำกัดด้านการเดินทางถูกตัดออกไปได้เลย ไม่มีอีกแล้วการต้องมาบ่นว่าอยากไปเกาหลี ญี่ปุ่น แต่ตั๋วเครื่องบินนั้นแพงจนหูฉีก เพราะมีเงินไม่ถึงหมื่นก็ซื้อตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวกันได้แล้ว ยิ่งถ้าเป็นเส้นทางในประเทศก็ยิ่งถูกลงมาพอๆ กับรถบัสประจำทางเลยแหละ! เที่ยวเองไม่ยากอีกต่อไป แทบไม่ต้องพึ่งทัวร์ ถ้าหากยังจำกันได้ 10 ปีที่แล้วเราคงคุ้นเคยกับการไปเที่ยวแบบแพ็กเกจทัวร์มากกว่าจะออกไปหาประสบการณ์ด้วยตัวเอง แน่นอนล่ะ ในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ได้เข้าถึงเรามากนัก การค้นหาที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ก็ทำได้ยาก ถ้าเอาว่าสะดวกและไม่ต้องเสียเวลาจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักนู่นนี่นั่นเอง แถมยังได้ในราคาที่ถูกกว่า ในอดีตการไปเที่ยวแบบทัวร์เป็นอีกทางเลือกของหลายๆ คน มาถึงตอนนี้ก็ใช่ว่าการไปเที่ยวแบบทัวร์นั้นจะได้รับความนิยมลดลงแบบฮวบฮาบ เรียกว่าเรามีอีกทางเลือกเพิ่มเข้ามาดีกว่า ด้วยความที่เดี๋ยวนี้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเริ่มถูกลง จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมก็ง่ายขึ้น การออกไปเที่ยวเองก็เลยเป็นอีกหนึ่งวิธีการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ตารางการตื่น 6 โมงเช้า ทานข้าว 7 โมง ล้อหมุน 8 โมงแบบชาวลูกทัวร์จึงไม่ใช่ทั้งหมดของการท่องเที่ยวอีกต่อไป เพราะออกไปเที่ยวเอง ก็กำหนดตารางเองได้ทั้งหมดจ้า มีเทคโนโลยี ทุกอย่างง่ายขึ้นแค่ปลายนิ้ว การออกไปท่องเที่ยวแบบ 10 ปีที่แล้ว ภาพที่เรานึกถึงคงหนีไม่พ้นการกางแผนที่ พกหนังสือท่องเที่ยวเพื่อเสาะหาสถานที่ที่น่าสนใจ อยากไปตรงไหนก็วงแล้วหาทางไปให้ได้ แต่ทุกวันนี้แค่เรามีมือถือสมาร์ทโฟนที่มีอินเทอร์เน็ต ทุกอย่างก็ดูจะง่ายขึ้นทันตา ทุกกิจกรรมในการท่องเที่ยวของเรามีเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกสบายเรียกได้ว่าแค่ขยับปลายนิ้ว ทุกอย่างก็ได้ดั่งใจนึกเลยทีเดียว เราจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอปได้ เราจองที่พักผ่าน Online Travel Agent มีเปรียบเทียบราคาให้เสร็จสรรพ อยากจะรู้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินก็แค่กดเสิร์ชกูเกิล อยากจะไปไหนก็แค่เปิดแอปแผนที่และใส่ชื่อสถานที่ มีระบุวิธีการเดินทาง กะระยะเวลาให้พร้อม ทุกอย่างมันง่ายไปซะหมด ตอบโจทย์ชาว Generation Go ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยใช่ไหมล่ะว่าทำไมเดี๋ยวนี้เราถึงชอบออกไปเที่ยวกัน ที่พักที่ไม่ใช่แค่ที่พัก แต่เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ ในอดีตเราคุ้นเคยกับการไปพักในโรงแรมที่มีบรรยากาศเดิมๆ ใช้ชีวิตอยู่แค่ในห้องพัก ออกมาจากห้องก็คือมุ่งหน้าไปสถานที่ท่องเที่ยว แต่ทุกวันนี้เรามีที่พักให้เลือกหลายรูปแบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเกสต์เฮาส์ โฮสเทล Airbnb แล้วแต่ว่าเราจะชอบการพักผ่อนแบบไหน อยากพบเจอเพื่อนใหม่ๆ ก็พักเกสต์เฮาส์หรือโฮสเทล ไปกันแบบกลุ่มใหญ่ๆ แล้วอยากอยู่กันแบบไม่ต้องมีคนอื่นก็พักแบบ Airbnb แถมที่พักเดี๋ยวนี้ยังใส่คอนเซ็ปต์การตกแต่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่าการจัดห้องแบบเดิมๆ อีกด้วยนะ เช่น บ้านต้นไม้ แคปซูล และการเข้าพักในโรงแรม ปัจจุบันก็ไม่ใช่แค่การเข้าไปพักเพื่อออกไปเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้นอีกต่อไป แต่ตัวโรงแรมก็พยายามตอบสนองไลฟ์สไตล์ให้กับนักท่องเที่ยวมากขึ้น เพิ่มการตกแต่งที่สวยงาม เพิ่มพื้นที่ส่วนกลางสำหรับกิจกรรมอื่นๆ เช่น กีฬากลางแจ้ง สปา โคเวิร์กกิ้งสเปซ จุดถ่ายรูป ให้โรงแรมเป็นมากกว่าแค่ที่พัก แต่กลายเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ไปในตัว Social Media ตัวการที่ทำให้อยากออกไปเที่ยว ผลสำรวจจาก We are Social และ Hootsuite เมื่อปี 2561 ระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้เวลาต่อวันอยู่กับอินเทอร์เน็ตมากที่สุดในโลกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9 ชั่วโมง 38 นาทีต่อวัน นอกจากนี้ ผลสำรวจจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยในปี 2560 ยังชี้ด้วยว่าหนึ่งในปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการออกไปเที่ยวของคนไทยก็คือการเห็นภาพสถานที่เที่ยวจากโซเชียลมีเดียของเรานี่แหละ! หลายคนคงไม่แปลกใจเพราะทุกวันนี้ไม่ว่าจะเลื่อนฟีดเฟซบุ๊ก ไถหน้าอินสตาแกรมไปทางไหน ก็จะเจอเพื่อนหรือไม่ก็เซเลบ ดาราถ่ายภาพกับสถานที่ท่องเที่ยว จนหลายๆ ครั้งคนติดตามอย่างเราก็อยากจะเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยวและเก็บภาพสวยๆ ชีวิตดีๆ มาแชร์บ้างเหมือนกัน ลากกระเป๋าเที่ยวได้แบบไม่ลำบาก หลายคนรู้จักการเที่ยวแบบแบ็คแพ็กเกอร์กันมาสักพัก นั่นก็คือการแบกกระเป๋าไปเที่ยวด้วยในทุกๆ ที่ กระเป๋ามักจะเป็นกระเป๋าเป้ใบใหญ่ๆ ที่ก็ต้องยอมรับเลยว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ให้ประสบการณ์แปลกใหม่ แต่มันก็แอบลำบากอยู่นิดหน่อยแหละ ทุกวันนี้การเที่ยวแบบแบ็คแพ็กเกอร์ก็ยังคงมีให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ แต่หลายๆ คนก็เริ่มเปลี่ยนมาเที่ยวแบบที่สบายมากขึ้น แทนที่จะแบกเป้บนหลัง ก็เปลี่ยนเป็นการลากกระเป๋าไปด้วยนั่นเอง กระเป๋าเป็นอีกหนึ่งไอเท็มสำคัญที่ทำให้ทริปของเราสนุกและราบรื่นมากยิ่งขึ้น และยิ่งโดยเฉพาะกับชาว Generation Go ที่ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ก็ไม่หยุดที่จะเดินทางออกไปหาประสบการณ์ หาความสุขและมุมมองที่แปลกใหม่ข้างนอก และไม่ว่าเราจะออกเดินทางไปที่ไหน Samsonite ก็สามารถตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการพกพาที่สะดวก ดีไซน์ที่หลากหลาย สามารถเลือกให้เข้ากับความเป็นตัวตนของเราได้ นั่นทำให้การท่องเที่ยวนั้นไม่ใช่แค่การออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ แต่เป็นการสะท้อนสไตล์และตัวตนของเราออกมาด้วยนะ ในยุคที่การท่องเที่ยวเป็นเรื่องง่ายๆ แบบนี้ ใครๆ ก็ออกไปเที่ยว แล้วคุณพร้อมที่จะออกไปหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมแพ็กกระเป๋า ยินดีต้อนรับสู่ Generation Go ออกไปเผชิญโลกกว้าง โชว์ความเป็นตัวเอง และมาร่วมสร้าง Generation ของการท่องเที่ยวกับ #GenerationGo ที่ Social media กัน! ที่มา : Positioning, wikipedia, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, tg191, marketeer online, kapook, brandbuffuet
