เราอาจจะคุ้นเคยกับกรุงเทพฯ มากเกินไปจนรู้สึกว่ากรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียงไม่น่าจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้เราตื่นเต้นหรืออยากไปสักเท่าไหร่ ด้วยความรู้สึกที่ว่า ‘จำเจ’ แต่จริงๆ แล้วใกล้กรุงเทพฯ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจ สามารถไปเที่ยว One Day Trip แบบไม่เหนื่อยแต่เก็บบรรยากาศได้ครบทุกรสชาติการเดินทางซ่อนอยู่ เพื่อยืนยันว่าทำได้ Mango Zero ทั้ง 5 คนเลยลองจัดทริปสนุกๆ พาไปเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ขับรถไปไม่เกินชั่วโมงก็ได้สัมผัสบรรยากาศแปลกใหม่ของเมืองใกล้กรุงเทพฯ อย่าง ‘สมุทรปราการ’ เมืองที่เต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมแต่รู้หรือไม่ว่าที่นั่นมีแหล่งท่องเที่ยวดีๆ มากมาย แผนการไปเที่ยวของเราในวันนี้มีโจทย์อยู่ว่า “ขอที่ไหนก็ได้ที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ แต่สนุก และหลากหลายบรรยากาศนะ…อ้อ ขออาหารอร่อยปิดทริปด้วย” ในฐานะผู้จัดทริปบอกเลยว่าโคตรกดดัน แต่เพื่อเพื่อนเราทำได้ เลยเสนอว่าจะพาไปเที่ยว ‘พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ – เมืองโบราณ – บางปู’ วันเดียวได้ครบทั้งสายบุญ สายบันเทิง และสายชิลล์ และนี่คือแผนที่ในวันนี้ พร้อมจะเที่ยวกันแล้วก็ตามมาเลยยยย พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ระดับความประทับใจ : 6/10 ที่จอดรถ : น้อยมาก ค่าเข้าชม : คนไทย 200 บาท / ชาวต่างชาติ 400 บาท เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 19.00 น. ทริปแรกเรามุ่งหน้าไปยัง ‘พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ’ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองสมุทรปราการ ใช้เวลาเดินทางไม่นานเริ่มต้นจากสวนลุมพินี ขึ้นทางด่วนไปโผล่บางนาแล้วลัดเลาะมายังเมืองสมุทรปราการแป๊บเดียวไม่ถึงชั่วโมงเราก็มาหยุดอยู่ที่เป้าหมายแรก จากด้านนอกเราถ่ายภาพความอลังการของอาคารพิพิธภัณฑ์ที่ด้านบนมีรูปปั้นช้างเอราวัณ อย่างรัวๆ เพราะทึ่งในความสวยงามระดับติด Stun ยอมรับว่าเคยผ่านบ้างตอนขึ้นทางด่วน แต่ไม่เคยมาเที่ยวชมอย่างจริงๆ จังๆ พอมาดูใกล้ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความเท่ ความอลังการ และความขลังของสถานที่ ไม่ใช่แค่ด้านหน้า แต่ภายในก็สวย เพราะภายในพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ มีการตกแต่งโดยใช้ศาสนาทั้ง 4 เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ซึ่งการตกแต่งภายในนั้นงดงาม และวิจิตรสุดพลัง ส่วนสาวๆ ที่จะเข้าไปชมด้านในนั้นมีกฎอยู่ว่าห้ามใส่กระโปรง หรือกางเกงขาสั้น แต่ไม่ต้องกังวลเพราะเขามีกางเกงเลให้เปลี่ยน ซึ่งน้องเตยใส่กระโปรงเลยต้องเปลี่ยน ซึ่งด้านในก็สวยงามคุ้มค่าเลยทีเดียว หลังจากเที่ยวที่นี่จนคุ้มค่าตั๋ว เราพบว่าพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ไม่ใช่ศาสนสถาน ถึงด้านหน้าจะมีคนเอาธูป เทียน มาลัย และอ้อยมาสักการะช้างเอราวัณแต่ความจริงที่นี่เป็นพื้นที่จัดแสดงงานด้านศิลปะและศาสนา ที่ผสมผสานความสวยงามไว้อย่างลงตัวมากกว่าคุ้มค่าแก่การแวะมาเที่ยวจริงๆ ไมอามี เบย์ไซด์ บางปู ระดับความประทับใจ : 5/10 ที่จอดรถ : เกินพอ ค่าเข้าชม : ฟรี เวลาเปิด – ปิด : แนะนำให้มาช่วงเย็นจะคึกคักกว่านี้ จริงแล้วไมอามี เบย์ไซด์ ไม่ได้อยู่ในทริปเลย แต่บังเอิญว่าเราขับรถผ่านมาพอดี เลยแว้บเข้าไปดู เพราะเห็นชิงช้าสวรรค์สีขาวโดดเด่นด้านหน้าเตะตาเรียกแขก ที่นี่ภาพรวมเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ โรงแรม และคอนโดมีเนียม ที่อยู่ติดกับอ่าวไทย โดยตกแต่งจำลองเมืองริมทะเลไมอามี ที่สหรัฐฯ เป็นต้นแบบ แต่ดูเหมือนว่าจะห่างไกลจากต้นแบบไปเยอะอยู่ ไฮไลท์ของที่นี่คือชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ดูไฮโซหหรูหรา แน่นอนราคาค่าขึ้นก็หรูหราตามไปด้วย ที่รอบละ 180 บาท แต่ทุกสิ่งอย่างในไมอามี เบย์ไซด์ ไม่ว่าจะเป็นตลาด หรือชิงช้าสวรรค์ เปิดตอนกลางคืน (ยกเว้นร้านอาหารบางร้าน) แน่นอน…เรามาเร็วไป (มาก) เลยได้แค่ถ่ายภาพเก๋ๆ คู่กับชิงช้าสวรรค์ แล้วไปหาอาหารกลางวันกินกันก่อนจะไปลุยสถานที่ต่อไป เมืองโบราณ ระดับความประทับใจ : 9/10 ที่จอดรถ : เกินพอ ค่าเข้าชม : คนไทย 350 บาท / ชาวต่างชาติ 700 บาท / รถยนต์ (ไม่รวมคนขับ) 400 บาท เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 19.00 น. เรียกว่าเป็นความบังเอิญ หรืออะไรก็ไม่ทราบ แต่เมืองโบราณอยู่ตรงข้ามกับไมอามี เบย์ไซด์ เกือบพอดี๊พอดี เรากลับรถมาแป๊บเดียวก็มาถึงเมืองโบราณ สำหรับตั๋วเข้าชมเมืองโบราณ อยู่ที่คนละ 350 บาท ส่วนรถคิดคันละ 400 บาท โดยมีบริการพิเศษเสริมเป็นหูฟังบรรยายสถานที่ต่างๆ ทั่วเมืองโบราณ และแผนที่ประกอบการเดินทาง ในเมืองโบราณมีกฎอยู่ว่าต้องขับรถไม่เกิน 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง เราเลยขับอย่างชิลล์ๆ แล้วเปิดเพลงโดยวิทยุระบบสัมผัสใน New Honda City ฟังไปด้วยเพลินๆ ซึ่งลำโพงทั้ง 8 จุดของรถช่วยเสริมให้ทริปนี้เพลิดเพลินกับการเดินทางมากขึ้นด้วยเสียงเพลง บางช่วงที่วิทยุเปิดเพลงไม่ถูกใจเราเปลี่ยนโหมดเป็นเปิดเพลงผ่าน iPhone แทนโดยเลือกที่ฟังก์ชั่น ipod บนหน้าจอวิทยุจากนั้นจะทำการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ทันที มีหลายเพลงที่เราเลือกมาประกอบการชมเมืองโบราณ ซึ่งก็เพลินเลยทีเดียว ภายในเมืองโบราณมีพื้นที่มหาศาล และมีจุดจัดแสดงสถานที่สำคัญจำลองจากทั่วประเทศหลายร้อยแห่งจากทั้งสี่ภาค เรียกได้ว่าถ้าแวะกันทุกจุดวันเดียวเที่ยวไม่หมด เนื่องจากอากาศด้านนอกร้อนอย่างโหดร้าย เราเลยเลือกที่จะแวะเฉพาะบางจุดเท่านั้น แล้วเน้นขับรถช้าๆ ชมเมืองโบราณตากแอร์เย็นๆ ของรถเสียส่วนใหญ่ ชอบตรงไหนถ้าไม่เปิดกระจกไปถ่ายภาพ ก็ลงเดินไปดูใกล้ๆ เลยสำหรับจุดที่อนุญาตให้เข้าไปชมได้ (บางจุดเข้าไปชมไม่ได้เพราะเป็นแค่จำลองโบราณสถานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเจดีย์ หรือวัดที่ไม่อนุญาตให้เข้าชมเนื่องจากขนาดเล็กเกิน) แต่การจอดรถลงไปดูบ่อยๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะ New Honda City มีปุ่ม One Push Ignition System แค่กดเบาๆ ก็สามารถสตาร์ทหรือดับเครื่องได้อย่างง่ายดาย และความที่เป็นกุญแจอัจฉริยะ ถึงแม้ใส่กุญแจไว้ในกระเป๋า ก็สามารถกดปลดล็อคได้คูลๆ แต่ถ้าจะล็อกรถต้องดับเครื่องก่อนนะเพราะระบบถูกเซ็ทมาเพื่อความปลอดภัย และอีกหนึ่งฟังก์ชันที่เราทดลองใช้กับกุญแจอัจฉริยะก็คือลองสตาร์ทรถทิ้งไว้ แล้วเดินไปไกลๆ ปรากฎว่ากุญแจร้อง ตื๊ดๆๆ!! เตือนเราว่ากุญแจอยู่ห่างจากตัวรถนะกลับมาได้แล้ว โอเค…คูล สำหรับไฮไลท์ที่เราคิดว่าเป็นเดอะเบสท์ ของทริปนี้ที่สุดในเมืองโบราณ เราทุกคนเทใจไปที่ ‘เขาพระวิหารจำลอง’ เรียกได้ว่าเป็นมุมที่สวยที่สุดของเมืองโบราณ เนื่องจากไม่ได้แค่สร้างสิ่งปลูกสร้างที่เป็นปราสาทจำลองไว้บนพื้นราบ แต่สร้างเป็นภูเขาจำลองขึ้นมาจริงๆ เลย โคตรเท่ การเดินขึ้นไปชมนั้นง่ายไม่ทันเหนื่อยก็ถึงส่วนปราสาทเขาพระวิหารจำลอง และความที่อยู่สูงมาก ทำให้ด้านบนสามารถชมวิวของพื้นที่เมืองโบราณได้โดยรอบ และปราสาทแต่ละมุมก็มีกิมมิคที่น่าสนใจ มีหลายจุดให้เราเลือกถ่ายรูปได้สวยๆ ตอนที่ขึ้นไปชมบนเขาพระวิหารก็เป็นเวลาราว 4 โมงเย็นแดดเริ่มร่ม ลมเริ่มตก เลยก็ได้นั่งชิลล์กับบรรยากาศ อยู่นาน เรียกได้ว่าคุ้มจริงๆ สถานตากอากาศบางปู ระดับความประทับใจ : 6/10 ที่จอดรถ : ไม่เต็มแน่นอน ค่าเข้าชม : ฟรี เวลาเปิด – ปิด : 05.00 – 20.00 น. เราเลือกที่จะปิดทริปด้วยการพาไปชมอ่าวไทย ที่ห่างจากกรุงเทพฯ แค่ไม่ถึงชั่วโมง ตอนเด็กเราคงเคยได้ยินว่ากรุงเทพฯ ติดกับทะเลมากๆ แต่ไม่เคยมาเห็นด้วยตาตัวเองว่าทะเลที่ใกล้กรุงเทพฯ หน้าตาเป็นอย่างไร วันนี้เราจะได้เห็นแล้ว สถานตากอากาศบางปู เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในพื้นที่ใกล้เคียงมานานตั้งแต่สมัย 70 ปีก่อน เป็นป่าชายเลนริมอ่าวไทยที่อุดมสมบูรณ์ ลมเย็นตลอดทั้งปี สถานที่แห่งนี้จึงมีกลิ่นอายความคลาสสิคที่ตลบอบอวล ทั้งสิ่งปลูกสร้าง และบรรยากาศ แม้วันที่เราอยู่จะเป็นปี 2560 ก็ตาม แหม่…ช่าง So วินเทจอะไรขนาดนี้ บางปู เป็นพื้นที่ริมทะเลบริเวณปากอ่าวไทย และมองเห็นภูเขาในจังหวัดชลบุรีอยู่ไม่ไกลมากนัก บริเวณโดยรอบมีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ไฮไลท์ของบางปู คือนกนางนวล ที่ทำหน้าที่เป็นแมสคอส แบรนด์แอมบาสเดอร์ พรีเซนเตอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียกแต่เอาเป็นว่านกนางนวล คือเป็นสัญลักษณ์ของบางปู ภาพที่คนทั่วไปชินคือให้อาหารเป็นกากหมูแล้วนกนางนวลจะมากินอาหารจากมือเลย โคตรเท่ เราก็หวังว่าจะเจออะไรแบบนั้นบ้างแต่ปรากฎว่านกนางนวล อพยพกลับไปแล้วจ้าาาา นกที่แท้จริงคือฉันเอง จบข่าว เลยได้แต่เสพบรรยากาศริมทะเลแทน น่าสังเกตก็คือมีคนพาลูกหลานมาปิคนิค มาเดินเล่นที่บางปูเยอะกว่าที่คิดไว้มากๆ บ้านริมทะเล ระดับความประทับใจ : 8/10 ที่จอดรถ : ไม่เต็มแน่นอน ค่าอาหาร : ราว 300 บาทต่อหัวขึ้นไปสั่งแบบกินอิ่มเลย เวลาเปิด – ปิด : 11.00 – 23.00 น. ระหว่างที่กำลังขับรถชิลล์ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา แต่ความที่กำลังขับรถอยู่ไม่สามารถกดรับได้ คนขับเลยสั่งกดรับโทรศัพท์ผ่านทางพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ที่ไม่ใช่แค่กดโทรเข้ารับสายเท่านั้น แต่ยังสามารถสั่งงานวิทยุได้อีกด้วย ซึ่งเราทุกคนก็ได้ยินปลายสายที่โทรมาเนื่องจากสมาร์ทโฟนเชื่อมกับลำโพงในรถด้วย ซึ่งการได้ยินเสียงสนทนาทั้งหมดพร้อมกันถือเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว เพราะคนขับรถไม่ต้องเสียสมาธิอธิบายคนอื่นในรถอีกครั้งว่าปลายสายโทรมาเพื่ออะไร และทำให้พวกเรารู้พร้อมกันว่าอาหารมารอแล้ววววว พวกเราเลยรีบมุ่งหน้าไปร้านอาหารทะเลที่อยู่ริมทะเลใกล้กรุงเทพฯ ชื่อว่า ‘บ้านริมทะเล’ ด้วยพลังแห่งความหิวที่ตอนนี้ทำเอาเราไม่มีสมาธิอะไรอีกแล้วนอกจากอยากจะกิน! และอาหารในวันนี้ นำโดยต้มยำรวมมิตรทะเล ผัดปลาหมึกไข่เค็ม หมึกไข่นึ่งมะนาว และผักบุ้งทอดกรอบ ก็ทำให้เราปิดวันนี้ได้อย่างสวยงาม ถึงจะเพลียแดด และลุ้นว่าฝนจะตกจนทริปล่มไหม แต่ในที่สุดพวกเราผ่านมาได้แล้ว เย้! สรุปจบทริป สนุกสมใจแม้จะไปเที่ยวแค่วันเดียวกลับ อาหารอร่อย ที่เที่ยวจัดว่าดี แต่ติดตรงที่บางแห่งค่าผ่านประตูแพงไปนิดนึง อันนี้จดเลยแถวนั้นค่อนข้างมืดมาก!! แต่ด้วยไฟหน้าของ New Honda City ที่เป็นไฟส่องสว่างแบบ LED ทำให้เห็นทุกสิ่งบนถนนได้อย่างชัดเจน ช่วยให้ทัศนวิสัยดีขึ้นชัดเจน โชคดีอีกเช่นกันที่ฝนถล่มตอนกลับบ้าน ในจังหวะที่เข้าโค้งช่วงถนนบางนาปรากฎว่าช่วงล่างของ New Honda City เซ็ทมาได้อย่างดี ทำให้รถควบคุมได้นิ่งขับได้สบาย แม้จะไปกันตั้ง 5 คน แต่ความที่พื้นที่ภายในกว้างขวางทำให้นั่งสบาย ดีไซน์สปอร์ตสวยงามมมม ทริปนี้เราเสียค่าน้ำมันกันราว 200 บาท (ใช่…อ่านถูกแล้ว) โดยรายละเอียดดังนี้ – ก่อนออกจากบ้านเราเติมน้ำมัน E 20 จำนวน 500 บาท (มีน้ำมันค้างถังอยู่) – เริ่มต้นเดินทางจากสวนลุมพินี จุดนัดพบไปยังพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ระยะทาง 19.2 กิโลเมตร – ต่อจากนั้นไป ไมอามี เบย์ไซด์ บางปู อีก 11.4 กิโลเมตร – ข้ามฝั่งไปเมืองโบราณอีก 1.5 กิโลเมตร และขับวนอยู่ในเมืองโบราณอีกราว 8 กิโลเมตร – ขับรถไปสถานตากอากาศบางปูอีก 10 กิโลเมตร – ไปร้านอาหารบ้านริมทะเลอีก 5.8 กิโลเมตร – ยิ่งยาวกลับมาที่สวนลุมพินี 40.1 กิโลเมตร – ส่งน้องๆ ที่บ้านอีก 10 กิโลเมตรสรุประยะทางรวม 106 กิโลเมตร ทั้งทริป New Honda City อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 14.5 กิโลเมตรต่อลิตร ใกล้เคียงกับที่ Honda เคลมไว้ที่ 17.9 กิโลเมตรต่อลิตรที่เป็นเช่นนี้เพราะลักษณะการขับขี่ของเรานั้นต้องเจอหลากหลายสภาพการจราจร ทั้งรถติด จังหวะเร่ง จังหวะแซง จำนวนคนนั่งที่เต็มคันรถ ดับเครื่องสตาร์ทเครื่องบ่อย (โดยเฉพาะที่เมืองโบราณ)หลายปัจจัยมีผลต่ออัตราบริโภคน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตามคำนวนค่าน้ำมันออกมาแล้ว ไม่ถึง 200 บาท และยังเหลือน้ำมันอีกโห้ววว ประหยัดมากกก