บ้าน ที่พักกายและใจตั้งแต่เริ่มจำความได้ ยิ่งในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ยิ่งทำให้เราได้สนิทมากขึ้นจนรู้จักกันแทบจะครบทุกตารางเมตร หลายคนเริ่มหันมาจัดบ้านกันมากขึ้น ตรงนั้นต้องมีของเพิ่ม ตรงนี้ต้องโละทิ้ง แต่ก็มีไม่น้อยที่คิดว่าการตกแต่งบ้านเป็นเรื่องยาก จริงๆ แล้วการตกแต่งภายในแบบผสมผสาน (Interior Coordination) นั้นมีหลักในการจัด ซึ่งวันนี้เราจะพูดหลักกฎแบบเบสิค ที่จะช่วยให้การจัดบ้านเป็นเรื่องสนุก และไม่น่าปวดหัวอีกต่อไป สมดุลระหว่าง ความเรียบง่าย และ ความซับซ้อน ในอัตรา 7:3 คำว่าเรียบง่ายในที่นี้ อาจหมายถึง การเป็นระเบียบ สิ่งที่สบายตา รูปทรงดูไม่ยุ่งยาก และคำว่าซับซ้อน ก็ครอบคลุมไปถึงสิ่งที่มีผิวสัมผัสดูขรุขระ รายละเอียดเยอะ หรือความไม่เป็นระเบียบได้เช่นเดียวกัน หากห้องมีความเรียบง่ายมากเกินไป ก็จะให้ความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรมชาติ และอ้างว้าง ขณะที่ห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ซับซ้อนมากเกินไป ก็จะทำให้รู้สึกไม่สงบ ดังนั้นกฎพื้นฐาน ก็คือการรักษาความสมดุลนี้ด้วยอัตรา 7:3 โดยที่ความเรียบง่ายเป็น 7 และความซับซ้อนเป็น 3 เพื่อที่จะได้ความรู้สึกสงบ ที่ยังพอมีสีสันอยู่บ้างนั่นเอง ชนิด ผิวสัมผัส และสีของเฟอร์นิเจอร์ก็สำคัญ ประเภทของเฟอร์นิเจอร์ ก็สามารถเปลี่ยนสิ่งนั้นๆ ให้มีความเรียบง่ายหรือซับซ้อนขึ้นได้ เช่น ไม้แข็ง เหล็ก หนัง ผ้าหรือสิ่งทอ ของเหล่านี้สามารถผสมผสานกันได้ ที่สำคัญคือสีต้องไม่ฉูดฉาดหรือแหลมจนเกินไป ควรใช้สีเรียบอย่างสีดำ หรือน้ำตาล เพราะแม้จะต่างกัน แต่ก็ยังมีความเข้ากันได้อยู่นั่นเอง โดยสรุปแล้ว ผนัง พื้น และเพดาน ควรมีความเรียบง่าย สีของเฟอร์นิเจอร์ไม่ควรมีความฉูดฉาด แต่รูปร่างและพื้นผิวสามารถมีลูกเล่น หรือมีความหยาบได้ อาจจะเป็นไม้ หรือผ้าทอ เพื่อให้ภาพรวมออกมามีความพอดีตามสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) นั่นเอง Law of Entropy สุดท้ายแล้วทุกอย่างจะกลับมารกจริงหรือ หลายคนคงพอคุ้นหูกับคำว่า เอนโทรปี (Entropy) ครั้งเมื่อเรียนวิทยาศาสตร์ตอนเด็กๆ กันบ้าง สิ่งนี้หมายถึงการที่สิ่งของหรือระบบต่างๆ ที่แม้ตอนแรกจะเป็นระเบียบ จะกลายเป็นยุ่งเหยิง หรือไม่เป็นระเบียบในท้ายที่สุด การตกแต่งภายในก็เช่นกัน วันนี้ซื้อของมาเพิ่ม วันพรุ่งนี้ก็จะมีของมาเพิ่มอีก เป็นแบบนี้ไปนานวัน จนสุดท้าย ห้องก็เต็มไปด้วยสิ่งของจนดูรก และไร้ความเป็นระเบียบไปในท้ายที่สุด และที่กล่าวไปด้านบน เป็นการเริ่มจัดและตกแต่งภายใน คราวนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการ “รักษา” สมดุลนี้กันบ้าง ไม่ใช้ แปลว่าไม่ใช่ ลดจำนวนของลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้มีความเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น หรือหากมีความจำเป็นต้องเก็บไว้จริงๆ ก็เปลี่ยนเป็นการเก็บใส่กล่องเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่ดูรกสายตา เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีรายละเอียด (หรือเรื่องราว) คำว่ารายละเอียดในที่นี้เป็นได้ทั้งผิวสัมผัส ดีเทลซับซ้อนในการประกอบสร้าง หรือจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีเรื่องราวความเป็นมาก็ได้ อาทิ โต๊ะมือสองที่มีรอยบิ่นเล็กน้อย หรือตู้ที่มีการตกแต่งประดับตามขอบ หรืออาจะเป็นสิ่งที่ดูไม่เข้ากันอย่างโคมไฟเหล็กที่มีผสมกับแก้ว ก็ได้เช่นเดียวกัน ที่สำคัญต้องลงทุนกับเก้าอี้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่เป็นได้ทั้งเครื่องประดับหลักที่ใช้ได้จริงของห้องนั้นๆ ครบทั้งความเป็นฟังก์ชัน และอีโมชันนอล ยิ่งไปกว่านั้น เก้าอี้ เป็นสิ่งที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย หากเลือกเก้าอี้ที่เรียบๆ ก็สามารถย้ายไปยังห้องอื่นๆ ได้ โดยที่ยังคงความสวยงามอยู่เช่นเดียวกัน สุขใจสบายตา ด้วยสีเขียว พันธุ์ไม้สีเขียว เป็นเหมือนเครื่องประดับที่ช่วยแต่งเเต้มห้อง ให้มีความซับซ้อน และทัยสมัยมากยิ่งขึ้น โดยที่ยังมีความสบายตาอยู่ แน่นอนว่าเรื่องการวางและสิ่งอื่นๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ หลายแสง ดีกว่าแสงเดียว ความสวยงามไม่ได้เป็นเพราะวัตถุ แต่เกิดขึ้นจากเงาที่ตกกระทบกับวัตถุนั่นเอง โดยปกติแล้ว ห้องต่างๆ ในบ้านส่วนใหญ่ จะมีไฟหนึ่งดวงใหญ่บนเพดาน ที่ให้แสงสว่างกับทั้งห้อง ซึ่งในทางปฎิบัติแล้วก็คุ้มค่า แต่อาจไม่ได้ความสวยงามเท่าไหร่นัก เพราะมีเพียงมิติเดียว ลองเปลี่ยนจากไฟใหญ่ตรงเพดานกลางห้อง มาเป็นไฟเล็กๆ สี่ดวง หรือจะเป็นโคมไฟแบบตั้งพื้นที่มุมห้องแทน ก็จะทำให้ห้องมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น ด้วยเงา เป็นหลักการเดียวกับร้านอาหารและคาเฟ่หลายๆ ที่นั่นเอง หากใครอยากศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการจัดบ้าน ก็สามารถติดตามคอนเทนต์เกี่ยวการตกแต่งบ้านได้ ที่ Youtube Channel : Tommy สถาปนิกชาวญี่ปุ่น ที่เล่าเรื่องให้เข้าใจง่าย ผสมกับกราฟิกน่ารัก ยิ่งทำให้การตกแต่งบ้านเป็นเรื่องสนุกมากขึ้น ที่มา Youtube Channel : Tommy
