เมื่อตำนานมาผสานกับนวัตกรรม จึงเกิดเป็นการออกแบบออฟฟิศเจ๋ง ๆ เพื่อคนรุ่นใหม่อย่างที่ “BOON RAWD BREWERY HEADQUARTERS” ที่ผสมผสานเรื่องราวของ “คนสิงห์” บริษัทเครื่องดื่มในตำนานกว่า 87 ปี สะท้อนผ่านแนวคิดการออกแบบภายใน บวกกับการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation) ที่ทันสมัย เพื่อไลฟ์สไตล์การทำงานแบบคนยุคใหม่ มุ่งสร้างบรรยากาศให้เกิดการมีส่วนร่วมในทำงาน การดีไซน์พื้นที่การทำงาน (The Workspace Floor) เน้นฟังก์ชั่นใช้สอยสอดรับกับทุกเจนเนอเรชั่นและไลฟ์สไตล์ พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยี แต่ยังคงมีบรรยากาศและแสงสว่างจากธรรมชาติ เพื่อให้เกิดสภาวะแวดล้อมที่ดีของบุคลากร กลายมาเป็นพื้นที่ Office Space ที่น่าไปเยี่ยมชมซักครั้งจริง ๆ ซึ่งด้านในจะเป็นอย่างไรบ้างมาชมไปพร้อมกันเลย คุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด รับรางวัล“Best of Workspace Design” จาก TIDA Award 2019 ออฟฟิศบุญรอดฯ แห่งนี้ได้คว้ารางวัลสุดยอดการออกแบบตกแต่งภายในที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี “Best of Workspace Design” จาก TIDA Award 2019 หรือ รางวัลออกแบบตกแต่งภายในประจำปี พ.ศ.2562 ที่จัดโดยสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบแก่โครงการสถาปัตยกรรมภายในและโครงการมันฑศิลป์ที่มีการออกแบบดีเยี่ยม เพื่อเผยแพร่งานออกแบบตกแต่งภายในของดีไซเนอร์ไทยออกไปสู่สายตาสาธารณชนระดับนานาชาติ โดยงานนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโล่รางวัลสำหรับการประกวดในครั้งนี้ด้วย สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบุญรอดบริวเวอรี่ แห่งนี้ ตั้งอยู่ในอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ อโศก โดยมีพื้นที่ใช้สอยหลากหลาย รองรับพนักงานทุกเจนเนเรชั่น ทั้งพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ทำงานแบบ Co-working Space ห้องรับรองแขกและห้องประชุม รวมไปถึงห้องทำงานส่วนตัวของผู้บริหาร ห้องพักผ่อนและห้องรับประทานอาหาร ก็รวมอยู่ที่นี่ครบวงจร สำหรับแนวคิดของดีไซน์ของ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด สำนักงานใหญ่ อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ อโศก ถูกคิดขึ้นมาจากเรื่องราวตำนานของบุญรอด บริวเวอรี่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2474 ที่เริ่มต้นจากการเดินเรือเมล์ ก่อนเข้าสู่การผลิตเครื่องดื่ม จะเห็นได้ว่าบุญรอดนั้นมีความผูกพันกับ “สายน้ำ” เส้นสายในดีไซน์ จึงซ่อนความพริ้วไหวของสายน้ำเอาไว้ มีการดึงเอาสีทองมาเป็นสัญลักษณ์แทนฟองเบียร์ บวกกับใช้โทนสีเทา-ดำ เข้ามาสร้างบุคลิกเคร่งขรึมแบบไทย เป็นเสน่ห์ของงานสถาปัตยกรรมที่นี่ อย่างผนังห้องประชุมที่นี่ก็มีดีไซน์คล้ายลักษณะของคลื่นฟองเบียร์อยู่ที่ผนัง เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไว้ด้วย นอกจากนี้ยังจะเห็นได้จากเคาน์เตอร์ต้อนรับหินควอทซ์สะท้อนลายผิวน้ำบนพื้นหลังสีดำ และผนังระบบ Kinetic Wall ที่ขยับเขยื้อนได้คล้ายผิวน้ำซึ่งได้ลวดลายมาจากตัวสิงห์สื่อถึงความเป็นไทย ส่วนพื้นที่ทำงานได้ออกแบบให้ยืดหยุ่นต่อวิถีการทำงานสมัยใหม่ และการประสานการร่วมมือที่มากขึ้นแบบ Smart Office บริเวณ Co-Working Space ได้วางรูปแบบการทำงานแบบ Mobile Office นั่งตรงไหนก็ได้ เสริมความเป็นตัวตนด้วยลายฉลุที่ Partition ของโต๊ะทำงานลายสิงห์ เพื่อแสดงความเป็นตัวตนที่แตกต่างให้กับองค์กร และยังมีพื้นที่ Refreshment ที่เติมความเป็นธรรมชาติ และนำแสงธรรมชาติเข้ามาไว้ในพื้นที่ เป็นมุมให้นั่งพักผ่อนคุยงานกันได้อย่างผ่อนคลาย หรือจะยกโน้ตบุ้คมานั่งทำงานมุมนี้ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่คาเฟ่ นั่งคิดงานได้ทั้งวัน พักผ่อนหลังเลิกงานที่นี่ก็มีบริการ ให้พนักงานได้นั่งดื่มและรับประทานอาหาร รวมถึงกิจกรรมสันทนาการ หลังลุยงานมาทั้งวันด้วยกันได้ อีกจุด Hilight สำคัญก็คือ พื้นที่บริเวณ Townhall ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์รวมขององค์กรที่ใช้ในการรับรองคนจำนวนมาก โดยได้ออกแบบให้สื่อถึงอัตลักษณ์และภาพจำให้กับโครงการได้อย่างดี ที่แม้จะอยู่ในตึกสูงแต่ก็ยังมีพื้นที่โถงกลางที่มีความสูงเกินกว่า 7 เมตร ให้ได้ความรู้สึกปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย บริเวณ Executive Lounge ของผู้บริหารระดับสูง ก็ได้ออกแบบให้แสดงถึงอัตลักษณ์ที่แข็งแกร่งของบุญรอด โดยตกแต่งผนังบริเวณโถงต้อนรับด้วยรูปแกะสลัก “หนุมานคาบศร” ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์แบบดั้งเดิมของบริษัทฯ แต่ยังคงมีกลิ่นอายสไตล์ Modern Contemporary แกะสลักจากหินอ่อน นำขึ้นมาจัดวางบริเวณชั้น 40 กลายเป็นจุดรวมสายตาของพื้นที่นี้ นับว่าสำนักงานแห่งนี้ มีทั้งความสวยงามและความแข็งแรงของคอนเซ็ปที่ได้สะท้อน แรงบันดาลใจแห่งธุรกิจที่ผูกพันกับสายน้ำ ถ่ายทอดสู่พื้นที่การทำงาน ผสมผสานฟังก์ชั่นการใช้สอยกับความสวยงาม สอดรับกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในออฟฟิศของทุกเจนเนอเรชั่น รวมถึงการคำนึงถึงนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ใช้สอยอย่างยั่งยืนอีกด้วย
