ถ้าคุณกำลังมองหาซีรี่ส์ที่มีเนื้อหาฉีกจากเดิม สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้คุณได้เสพเสมือนคุณผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาด้วยตัวเอง.. “CAN” The Series คือสิ่งที่คุณกำลังตามหา “CAN” The Series เกี่ยวกับอะไร? ซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวกึ่งๆเซอเรียลที่ผู้กำกับได้สร้างโลกขึ้นมาอีกโลกหนึ่งในโลกนั้นจะมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนโลกของเรานั่นก็คือ ‘ประสบการณ์อัดกระป๋อง’ อุปกรณ์ที่จะทำให้เราได้ลองใช้ชีวิตเป็นคนอื่น ผู้คนในซีรี่ส์เสพติด ‘กระป๋อง’ กันเป็นสิ่งปกติโดยเจ้ากระป๋องนี่จะบรรจุประสบการณ์ของคนอื่นที่มาอัพโหลดเรื่องราวของตัวเองเอาไว้ (เรียกว่าขายประสบการณ์ตัวเองให้คนอื่นเสพนั่นแหละ) ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของ ‘ม่อน’ หญิงสาวที่เสพติด ‘กระป๋อง’ อุปกรณ์สำหรับเสพประสบการณ์ของคนอื่นเสพติดซะจนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องเลิกลากับ ’เขียน’ แฟนหนุ่ม(สุดหล่อ)ของเธอ แต่ก็มีกระป๋องหนึ่งที่เธอเสพเป็นประจำนั่นก็คือกระป๋องของ ‘แพร์รี่ 09’ เพราะเธอรู้สึกเชื่อมโยงถึงแฟนเก่าเมื่อได้เสพกระป๋องนี้เธอเสพซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่ไม่ยอมเสพกระป๋อง ‘แพร์รี่ 10’ เพื่อดูเรื่องราวต่อไปซะทีเพราะเธอกลัวว่าเรื่องจะจบไม่สวย มิติใหม่ๆ ที่ได้จาก ‘CAN the series’ 1. มุมมองอันเฉียบคมของผู้กำกับ ‘พี่อั๋น วุฒิศักดิ์ อนรรฆพร’ ผู้กำกับโฆษณาจาก Factory 01 โปรดักชั่นเฮาส์ที่สร้างผลงานติดตามาแล้วด้วยกันหลายเรื่อง และล่าสุดก็ได้มาลองกำกับผลงานซีรีส์เป็นครั้งแรกกับ CAN The Series สำหรับเรา(ผู้เขียน) พี่อั๋นคือบุคคลที่ใส่ใจรายละเอียดในการทำงานมากๆ งานของเขาแต่ละตัวสามารถดูซ้ำได้มากกว่าหนึ่งครั้ง และยิ่งเราดูมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งเห็นสิ่งที่เขาซ่อนให้เราได้ขบคิดมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเราก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พี่อั๋น เล็กๆ น้อยๆ ถึง ‘CAN The Series’ ด้วย จึงขอนำมาฝากกัน Q: ทำไมต้องเป็นกระป๋อง? พี่อั๋น : “สำหรับเรา (การสร้างประสบการณ์ให้ตัวเองผ่านการเสพสื่อต่างๆ) มันคือการยืมจมูกคนอื่นหายใจ ปัจจุบันมันแค่ง่าย เร็วและสำเร็จรูปขึ้น เหมือนอัดกระป๋อง คือกระป๋องมันช่วยให้เราสวมประสบการณ์เป็นคนอื่นได้ แต่ถึงเราเจอเรื่องเดียวกัน เหตุการณ์เดียวกัน เราก็มีมุมมอง การตีความ และความรู้สึกที่ต่างกัน กับคนที่เราให้ความสำคัญ บางทีเราก็ไม่ได้พยายามเข้าใจเค้าขนาดนั้น เราเลยพลาดสิ่งที่สำคัญในชีวิตเสมอ” Q: อยากให้คนดูได้อะไรจากซีรีส์นี้? พี่อั๋น : “จริงๆ ก็มีหลายมิตินะ ผิวสุดคืออยากให้ได้ดูอะไรใหม่ๆ ในเชิงproduction และเนื้อหา เพราะซีรีส์อันนี้มันเป็นขนบที่ต่างจากซีรีส์ที่มีอยู่ในตลาด เหมือนต้องใช้ทักษะการดูแบบหนังสั้น แต่ให้ติดตามเหมือนซีรีส์ แต่ถ้าลงมาถึงตัวสารมันจริงๆ ก็คืออยากให้คนมองประสบการณ์แบบลึกขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปโดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ คนเลือกที่จะเพิ่มประสบการณ์ชีวิตตัวเองจากการมองผ่านตาคนอื่นบนออนไลน์ นั่งอยู่ข้างคนอื่นยังเลือกเล่นโทรศัพท์มากกว่าลองคุยกัน แบบตัวเป็นๆ จะชอบอะไรจะทำอะไรก็ต้องมีคนชี้นำ ดูรีวิว ไม่ลองทำ ไม่ไป เพราะกลัว ลำบาก กลัวผิด กลัวดูไม่ดี ซึ่งจริงๆ แล้วคีย์ของประสบการณ์สำหรับเรา มันคือทั้งประสบการณ์ที่ดี ไม่ดี หรือประสบการณ์ที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันดี ไม่ดี มันshapeตัวเราให้เป็นเราทั้งนั้น คือสิ่งเลวร้ายที่เกิดกับเรามันก็ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นได้ มันเลยนำไปสู่แก่นที่ลึกขึ้นอีก คือ เราเข้าใจคนอื่นมากแค่ไหน” 2. ไม่ใช่แค่เรื่องความรักชาย-หญิง แต่สะท้อนไปถึงสังคมในโลกโซเชียล ครั้งแรกที่ดูจบ เราอินกับเรื่องความรักของม่อนและแฟนเก่า เราเศร้าไปกับตัวละครที่ยังไม่ลืมเหตุการณ์ในอดีต แต่พอเราลองดูเป็นครั้งที่สองเท่านั้นแหละ เฮ้ยนี่มันไม่ใช่ซีรีส์ความรักเลย มันคือซีรีส์ที่สร้างออกมาสะท้อนสังคมปัจจุบันอย่างชาญฉลาด (และจิกกัดได้เจ็บแสบ) ลองนึกตามดูนะ โลกที่มีคนเล่าประสบการณ์ที่ตัวเองไปเจอมา, มีคนเสพสิ่งเหล่านั้น, และมีพื้นที่สำหรับขายเรื่องราวพวกนั้น.. เอาล่ะ นึกออกมั้ยว่ามันคล้ายๆ โลกโซเชียลที่เราอยู่ในทุกวันนี้ โลกที่ทุกคนเป็นใครบางคน เรื่องราวของเราที่โพสต์ลงโซเชียลมักตามมาด้วยความคาดหวังว่าจะมีคนเสพ และมีคนแชร์ต่อ แต่บางครั้งเราก็เสพอยู่บนอินเทอร์เน็ต ซะจนเราไม่ได้ออกไปสร้างประสบการณ์ของตัวเองหรือออกไปพบกับโลกความเป็นจริง 3. อาร์ตและพร็อพ ทุ่มเทสร้างมาระดับหนังใหญ่ จะพูดว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวเซอเรียลและไซไฟก็คงไม่ถูกซะทีเดียว เพราะมันถ่ายทอดอยู่บนพื้นฐานโลกความเป็นจริงนี่แหละ แต่เป็นโลกที่พัฒนามากขึ้น มีอุปกรณ์ที่ล้ำมากขึ้น พร็อพและฉากต่างๆ ที่สร้างขึ้นมา เลยต้องดีไซน์ออกมาให้คนดูเชื่อ และเข้าใจตามสารที่ต้องการจะสื่อ อย่างร้านขายกระป๋อง ก็ถูกดีไซน์ออกมาได้ดีมาก กระป๋องชนิดต่างๆ เป็นเหมือนตัวแทนสารที่คนปัจจุบันนิยมเสพ ทั้งโซนกระป๋องแนวสารคดี กระป๋องของบุคคลที่มีชื่อเสียง และรวมไปถึงกระป๋อง 18+ และถ้าใครได้ดูซีรีส์นี้จนตกตะกอนออกมาแล้ว.. ก็คงจะพบว่าโลกในหนังมันก็สร้างมาสะท้อนโลกที่เราอยู่จริงๆ ทุกวันนี้นี่แหละ 4. นี่คือหนังที่ดูได้หลายรอบ ยิ่งดูยิ่งพบอะไรต่างจากเดิม ตามสไตล์พี่อั๋น การทำหนังของเขามักจะสอดแทรกประเด็นต่างๆ หรือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้เราได้สนุกไปกับการขบคิด ทุกบทสนทนาของตัวละครมักแฝงอะไรอยู่เสมอ อย่างฉากที่เจ้าของร้านขายกระป๋องพูดกับม่อนว่า ‘ไม่ได้อัปโหลดตั้งนานแล้วหนิ เอาประสบการณ์ตัวเองมาขายมะ เผื่อฟลุก’ มันแอบสะท้อนอยู่ว่าเดี๋ยวนี้คนโพสต์คนแชร์อะไรลงโซเชียล บางครั้งมันก็เกิดการส่งต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นไวรัล หรืออย่างรายละเอียดที่มีเชลฟ์ขาย กระป๋อง 18+ ด้วย แต่คนซื้อ(ที่เป็นผู้หญิง)กลับไม่เขินอายในการเลือกซื้อ รวมถึงเจ้าของเรื่อง 18+ เองก็ไม่ปิดบังชื่อของตัวเองไว้เลย (เอาจริงมันเทียบเท่าการดูหนังโป๊ในเน็ตเลยนะ) 5. ซีรีส์นี้จะไม่ทำให้ใครผิดหวัง มาพิสูจน์ด้วยตัวเองดีกว่า เราว่าซีรีส์เรื่องนี้จะให้มุมมองที่แปลกใหม่กับทุกคนที่ดู บางคนอาจพบว่านี่เป็นเรื่องความรักในพล็อตที่น่าตื่นเต้น บางคนอาจคิดว่านี่เป็นการสะท้อนสังคมที่เหนือชั้น และบางคนอาจพบว่าซีรีส์เรื่องนี้เท่จัง คนไทยก็ทำอะไรที่คราฟต์ๆ แบบนี้ได้ และสำหรับเรา เราว่าซีรีส์เรื่องนี้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของคนแต่ละคน ให้คนดูได้ตระหนักว่าไม่ควรเอาแต่เสพประสบการณ์ผ่านคนอื่น เพราะว่า ‘ประสบการณ์..ให้ความหมายกับชีวิต’ ขอบคุณ KTC ที่สร้างซีรีส์ดีๆ ออกมาให้คนไทยได้ดูกัน ถือเป็นซีรีส์ที่ให้มิติใหม่ๆ กับคนดูได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งในแง่โปรดักชั่น ที่คราฟต์ออกมาตลอดทั้งสิบกว่านาทีของแต่ละ ep. รวมถึงแง่คิดที่สะท้อนสังคมโซเชียลในสมัยนี้ด้วย อยากให้ได้ลองดูกัน เผื่อเราจะตกตะกอนแล้ววิ่งออกไปหาประสบการณ์ของตัวเองดูบ้าง 🙂 ใครที่สนใจอยากติดตามซีรีส์เรื่องนี้ สามารถไปกดติดตามที่เพจ KTC Real Privileges ออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 19.00 น. ติดตามรับชมได้ที่นี่ พร้อมทาง LINE TV และ iflix