Facebook แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมทั่วโลก กำลังพิจารณาปรับปรุงหน้าฟีดผู้ใช้งานบางส่วน ให้มองเห็นเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองลดน้อยลง โดยกลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มแรกที่จะทำการปรับเปลี่ยนหน้าฟีด คือ บราซิล อินโดนีเซีย แคนาดา ภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ ก่อนจะนำไปใช้งานกับสหรัฐฯ ภายหลัง อัสตา กุปตา ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ของ Facebook ได้แถลงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า “เราจะเริ่มสำรวจวิธีการจัดอันดับเนื้อหาทางการเมืองด้วยพฤติกรรมของผู้ใช้งาน จากนั้นจึงตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางในการปรับปรุงต่อไปในอนาคต และเราต้องมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการลบเนื้อหาทางการเมืองจากบนหน้าฟีดจนหมด ซึ่งเป้าหมายหลักของเรายังคงเป็นการเคารพ รวมถึงรักษาความต้องการในการค้นหาและการโต้ตอบทางการเมืองของผู้ใช้งานเอาไว้” อีกทั้ง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ออกมากล่าวแบบสั้น ๆ ผ่านหน้าบัญชี Facebook ส่วนตัวว่า “เราได้ยินข้อเสนอแนะสำคัญอย่างหนึ่งจากชุมชนผู้ใช้งานของเรา ที่บางส่วนไม่ต้องการให้เนื้อหาทางการเมืองเข้ามาแย่งชิงพื้นที่หน้าฟีดของพวกเขาไปเมื่อใช้งานอยู่” โดยข้อสันนิษฐานที่ทำให้เฟซบุ๊กออกมาปรับปรุงฟีเจอร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องทางด้านการเมืองอย่างต่อเนื่องนั้น คาดว่ามาจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่กลุ่มผู้สนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ บุกเข้าไปก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภา ใจกลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อต่อต้านผลการเลือกตั้งที่ โจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จนเฟซบุ๊กตัดสินใจลดการแนะนำเพจที่เกี่ยวกับกลุ่มการเมืองลงในตอนนั้น สิ่งที่น่าสังเกต คือ Facebook ยังไม่ได้วางเป้าหมายการปรับปรุงฟีดการเมืองกับกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นิยมใช้งานแอปพลิเคชันนี้ อย่าง ประเทศไทยหรือเมียนมา ที่กำลังร้อนระอุด้วยเหตุการณ์รัฐประหารทางการเมือง เว้นเสียแต่ว่าโดนบล็อกจากหน่วยงานรัฐเอง อย่างไรก็ตาม ทาง Facebook ยังคงการเผยแพร่เนื้อหาข่าวสารที่ออกมาจากหน่วยงานระดับชาติของรัฐ และองค์กรด้านสุขภาพเอาไว้ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ทราบการทำงาน และข่าวสารประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ในช่วงที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ยังระบาดอยู่ทั่วโลก ที่มา The Momentum
